ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ผมผิดปกติหรือเปล่า


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 21 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 06:22 PM

ทุกวันอาทิตย์ที่ไปวัด ก็ไปด้วยความรู้สึกว่าไปเป็นปกติ เหมือนๆกับเวลาที่เราต้องกลับบ้าน ต้องตื่นนอน ต้องเข้าห้องน้ำ ต้องกินข้าว ไม่เคยรู้สึกว่า"จำเป็น"ต้องไปวัดนะ เหมือนเป็นปกติชีวิต เป็นชีวิตประจำวันที่ทำเป็นธรรมดา ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นวันพิเศษ ตื่นเต้นเหมือนคนอื่นๆ แต่ถ้าวันอาทิตย์ไหนที่ไม่ได้ไป จะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ จะรู้สึกแปลกๆทั้งวัน เหมือนเราลืมทำอะไรสักอย่าง

เวลาทำบุญก็เหมือนกัน ทำไมเวลาทำบุญรู้สึกเหมือนกับเวลาที่เราซื้อของจำเป็นเข้าบ้าน ไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมือนปกติ เป็นธรรมดาที่เราทำบุญ อิ่มใจในการทำบุญนะ แต่ไม่ค่อยตื่นเต้นนะครับ

เห็นเวลาคนอื่นเขาตื่นเต้น วิ่งกันเข้าไปถวายหลวงพ่อ แล้วรู้สึกว่าเราผิดปกติหรือเปล่า ผมจะเดินเข้าไปธรรมดา ยืนรอธรรมดา เวลาทำบุญเสร็จก็รู้สึกเหมือนสมใจเราแล้วที่ได้ทำ สำเร็จลุล่วงแล้วอะไรทำนองเนี้ย

บางครั้งก็อยากรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ Alert เหมือนคนอื่นๆเขาบ้างมันคงดีไม่น้อย

ใครช่วยบอกทีว่าควรทำยังไง หรือต้องแก้ไขอะไร ที่ถามนี่เพราะเมื่อวันอาทิตย์หลวงพ่อชวนทำบุญมุทิตาสักการะเปรียญธรรม คนที่ยืนข้างๆเขาดีใจใหญ่เลยว่าหลวงพ่อมีบุญใหม่ให้ทำอีกแล้ว ส่วนผมยืนยิ้มดีใจที่จะได้ทำบุญเฉยๆ เขาเลยหันมาถามว่าไม่ดีใจหรือเห็นยืนเฉยๆ ผมก้เลยแปลกใจตัวเองที่ไม่เห็นจะตื่นเต้นเลย

ช่วยกันหน่อยนะครับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#2 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 07:03 PM

น่าจะอธิษฐานว่าให้ปลื้มบุญ ทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำครับ เพราะจะทำให้ได้บุญมาก วิธีที่จะทำให้ปลื้มมากๆ ก็ลองทำอย่างเต็มที่เต็มกำลังดูสิครับ ทั้งทำด้วยตนเอง และชวนคนอื่นทำ ตั้งเป้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พอทำสำเร็จก็ปลื้มแน่นอนครับ

#3 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 07:24 PM

QUOTE
ผมผิดปกติหรือเปล่า, ทำไมรู้สึกว่าไม่ค่อย Alert เหมือนคนอื่นๆเลยครับ


ถ้ารักษา ศิลห้า อยู่ ศิลไม่ขาด ก็เป็นคนปกติครับ

ศิลแปลว่าปกติ คนผิดศิล คือคนผิดปกติ ศิลเป็นเครื่องจำแนกคนออกจากสัตว์
เบญจศีล คือ ข้อควรงดเว้น 5 ข้อ
เบญจธรรม คือ ข้อควร ปฏิบัติ 5 ข้อ
หลักธรรมทั้งสอง เป็นหลักธรรมที่เป็นปฏิปักข์ต่อกันคือ
1.ห้ามฆ่าสัตว์ (ศีล) ตรงกับ มีเมตตากรุณา (ธรรม)
2.ห้ามลักขโมย (ศีล) ตรงกับ ประกอบอาชีพสุจริต (ธรรม)
3.ห้ามประพฤติในกาม (ศีล) ตรงกับ การสำรวมในกาม (ธรรม)
4.ห้ามพูดปด (ศีล) ตรงกับ การพูดความจริง มีสัจจะ (ธรรม)
5. ห้ามดื่มสุรา (ศีล) ตรงกับ มีสติสัมปชัญญะ (ธรรม)
...................................................

ความเห็นผมนะครับ.. อาจจะเป็นเพราะเราสั่งสม อริยะทรัพย์ 7 อย่าง
ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมา แต่เรื่องศรัทธา เราสั่งสมมาน้อย

ก็ต้องสร้างเสริมศรัทธา ก็หนีไม่พ้น การนั่งธรรมะ และการบ้านสิบข้อ เป็นฐาน

จะทำให้ Alert ในบุญทุกๆบุญ ครับ

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 07:59 PM

กราบงามๆอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ให้ความกรุณาอย่างสูงในการให้แสงสว่างกับผมครับ

ไม่ใช่ว่าผมไม่ปลื้มหรือไม่ศรัทธาในการทำบุญนะครับ จะอธิบายยังไงดีล่ะ
ก่อนทำก็ปลื้มเอาซองปัจจัยมาลูบมาคลำอธิษฐานทุกวัน เวลาถวายปัจจัยเวลาหลวงพี่ท่านกล่าว อนุโมทนาบุญด้วยนะ บุญรักษานะ หรือให้ได้บุญเยอะๆนะ เราก็ปลื้ม กลับมาบ้านเห็นอะไรต่อมิอะไรที่เป็นของที่ระลึกจากงานบุญต่างๆก็ปลื้มเอาออกมานั่งลูบนั่งคลำ แต่ว่าความปลื้มมันไม่ออกอาการเหมือนคนอื่นๆนะครับ เหมือนมันอยู่ในใจ เอ่อล้นอยู่ในใจ ส่วนคนอื่นๆเขา เวลาเขาปลื้มดูเขาจะตื่นเต้น ยินดี โลกของเขามันดูสว่างไสวไปหมด เหมือนอยากจะตะโกนให้ทุกคนได้รับรู้นะครับ

หรืออย่างเวลาได้รับโอกาศให้เป็นผู้ถวายเครื่องไทยธรรมที่บ้านยาย เราก็ปลื้มนะครับ ดีใจด้วย แต่พอรู้ว่าใครยังไม่เคยมีโอกาศได้ถวาย ผมก็ยกโบว์ให้เขาไปเฉยเลย ดีใจที่ให้โอกาศเขาและไม่เคยเสียดายด้วย จนบางครั้งเพื่อนๆยังหมั่นไส้เลย หาว่าผมไม่รักในบุญ อะไรทำนองนี้หละครับ

ผมควรแก้ไขอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ

แต่ก็มีเรื่องเดียวที่ผมจะ Alert มากๆก็คือ เวลาใครมาบอกว่าจะบวชนะครับ ผมจะรู้สึกดีมากๆเลย อยากกระโดดกอดเลยหละ ประมาณนี้แหละครับ

กราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ

ปล.คุณเถลิงเกียรติที่เคารพครับ อริยะทรัพย์ 7 คืออะไรครับ รบกวนอีกนิดนะครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 09:34 PM

ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ หรือ การอ่านฟังศึกษาพระธรรม จาคะ ปัญญา

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#6 tor

tor
  • Members
  • 356 โพสต์
  • Location:BKK
  • Interests:meditation

โพสต์เมื่อ 04 July 2007 - 09:52 PM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ ผมเองก็มีอาการเดียวกัน
สำหรับผมใช้วิธีที่...ต้องนั่งธรรมะให้ยิ่งยวดเข้าไปเรื่อยๆ ครับ ... เอาแบบว่าบางครั้งได้ยินธรรมะบทเดิมๆ ที่ออกจากปากหลวงพ่อแล้วรู้สึกปิติขนลุกหรือน้ำตาไหลเลยทีเดียวเลย
เข้าใจว่าการควบคุมกริยาหรืออาการภายนอกได้ก็เป็นการดีแล้วนี่ครับ ...ถ้าเช็คดูแล้วจิตใจเรายังปลื้ม เรายังอิ่มเอมในบุญกน่าจะ็โอเคแล้ว
คนแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน เน้นภายในไว้ ถ้าตรวจเช็คตัวเองแล้วรู้สึกชาชินเฉยๆ กับการทำบุญ ให้เร่งนั่งธรรมะมากๆ ครับ ให้ใส ให้ละเอียดเข้าไปอีก
สาธุ
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย

#7 นับดาว

นับดาว
  • Members
  • 422 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 12:20 AM

อ่านดูแล้วก็รู้สึกว่า จริงๆแล้วคุณก็ปลื้มนะคะ

ปลื้มในทุกๆบุญด้วย แถมยังสม่ำเสมอในการสั่งสมบุญทุกบุญอีกต่างหาก (อนุโมทนาค่ะ)

สิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่นน่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกมากกว่านะคะ

จริตอัธยาศัยของคน ก็แตกต่างกันไปตามแต่สิ่งที่สั่งสมมานั่นแหละ

คำแนะนำก็คือ สร้างบุญทุกบุญต่อไป แล้วก็ปลื้มเงียบๆตามแบบที่คุณเป็น

หมั่นระลึกนึกถึงบุญที่ทำบ่อยๆ

แล้วก็จำให้ได้ทุกบุญว่าเราทำอะไรมาบ้างตอนสามเฮือกสุดท้ายก็เจ๋งแล้วค่ะ

อนุโมทนาบุญนะคะ

ถ้าใจใส

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน

#8 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 06:48 AM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆ ความเห็นที่ใสๆ ครับ..สาธุ

#9 Doramon

Doramon
  • Members
  • 468 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 09:37 AM

ผมเห็นความสำคัญของบุญ ทุกๆบุญ ก็ตอนที่มีความทุกข์ ก่อนนี้ไม่เข้าใจ ไม่รู้สึก แต่เมื่อมีทุกข์จึงเข้าใจแล้วว่า สำคัญ มากๆด้วย ผมอธิฐานให้นึกถึงบุญได้ทุกๆบุญ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ให้ปลื้มในทุกๆบุญ แล้วก็อธิฐานให้ทำบุญให้เต็มกำลัง ทั้งกาย ใจ (ซ้อมๆเอาชีวิตเป็นเดิมพัน) ฟังหลวงพ่อ เห็นหลวงพ่อ แล้วขนลุก ปลื้มใจ น้ำตามันก็ไหล เราจะสู้จนกว่าตัวจะตายไปในชาตินี้.....

#10 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 09:51 AM

ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่มีอาการไม่ค่อยยินดียินร้ายเท่าไหร่ พอทำก็ดีใจที่ได้ทำ ส่วนตัวผมอาจเพราะมีเงินทำบุญได้น้อย (น้อยกว่าที่ใจต้องการทำส่วนหนึ่งด้วย) เลยทำให้ไม่ปลื้มเท่าไหร่ หรืออีกอย่างหนึ่ง คุณมั่นนั่งสมาธิให้มากขึ้น (ไม่ได้ให้ชั่วโมงมากขึ้น แต่ให้นั่งแล้วมีความนิ่ง สว่างให้นานมากขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่นั่ง) เพราะสมาธิทำให้ใจสงบสว่าง แล้วอารมณ์จะสบาย เกิดความปิติได้ง่าย (เทคนิคผมนะครับ) หรืออีกอย่างคุณลองทำบุญแบบที่ไม่เคยทำสิครับ เช่น มีกำลังสามารถทำได้อยู่แล้ว 100 1000 หรือมากกว่านั้น ถ้าสมมมุติ มีเงินทำได้แค่ 100 เดียว คุณก็ลองคิดว่าจะทำยังไงให้ได้ 1000 เมื่อคุณทำบุญอย่างลำบากโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน คุณอาจจะปลื้มก็ได้ ลองดูนะครับ ที่ดีที่สุดนั่งสมาธิให้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีครับ จะปลื้มมากขึ้น

#11 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 01:03 PM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#12 Trai072

Trai072
  • Members
  • 225 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 01:28 PM

^^~*

สาธุ ... ครับ

... ผม ก็เคยเป็นนะครับ ... แต่ก็เจอ คำตอบให้กับตัวเอง แล้วหละ ครับ ว่า ทำไม ถึงเป็นอย่างนั้น ...

ถ้าคิดว่า ทำบุญเหมือน ซื้อ อาหารทาน ก็คงจะไม่ใช่ เพราะการทำบุญ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แบบนั้น แต่ถ้าคิดว่า กว่าเราจะซื้อ อาหาร มาทานได้ 1 มื้อ ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เลย เราต้องมีปัจจัยในการซื้ออาหาร ยิ่งอาหาร ที่มีราคาแพงมีคุณภาพ เราก็ต้องมีใช้ปัจจัย ในการซื้อที่สูง ตามไปด้วย ใช่มั้ย ครับ...

แต่ถ้าจะมอง ลึก ๆ แล้ว ทำไมเราถึงมีปัจจัย ในการซื้ออาหารมาทาน ปัจจัยนั้น มาจากไหน ทำอะไรถึง ได้มา แล้วทำไม อาหารบางอย่างที่เราอยาก ทาน ถึง ทานไม่ได้ หรือ เราอาจจะไม่มีปัจจัย เพียงพอในการซื้อมาทาน ถึงมี ก็ไม่พอที่จะเอาปัจจัยไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ใช่การบริโภค ...

สิ่งที่อธิบายมานั้น มันก็คือ ข้อจำกัดของ ตัวเรา นั้นเอง ทำไมเราต้องจำกัด ตัวเราเอง ทั้งๆ ที่เราน่าจะสามารถเลือก ทุกอย่างเองได้ เพราะ คนอื่นเค้ายังเลือกได้ เลย ...

เพราะฉนั้น ก็ไม่อยากที่ จะบอกว่า บุญ เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ทำให้คนเรามีความแตกต่าง กัน การสั่งสมบุญมาในแต่ละชาตินั้นไม่เสมอกัน ไม่เท่ากัน แตกต่างกันในวาระและโอกาส ของการสั่งสมบุญ ...

การเข้าใจ เรื่องของบุญเป็นสิ่งสำคัญมาก ตอนผมเป็นเด็ก ผมยังไม่เข้า เวลาทำบุญ ก็ทำด้วยความเป็นเด็ก คิดว่าได้บุญ แต่ไม่เข้าใจว่าบุญที่ได้ มีผล อะไรกับตัวเรามากน้อยแค่ไหน...

แล้วจนวันหนึ่ง ก็เข้าใจว่า บุญ เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะช่วยประคับประคอง ตัวเราให้ได้มาเกิดสร้างบารมี และไม่ต้องทุกข์ทรมาน ในอบาย ...

ผลบุญได้นำตัวผมมาเจอรักแท้.... ได้เจอหมู่คณะ ได้เจอหลวงพ่อ ได้เข้าใจชีวิต ....

ถ้าผม ไม่อาจเอื้อม เกินไป ก็ขอแนะนำว่า ....

1. ต้องนั่งสมาธิ มาก ๆ
2. หาโอกาส ไปเข้าอบรม สมาธิ กับทางวัด
3. ถ้าเป็นชาย ก็บวชในช่วงที่สามารถบาชได้
4. หาเพื่อนกัลยาณมิตร ไว้มากๆ เพราะเพื่อนๆ เหล่านี้ จะมีความปลื้มปิติ ในการทำสั่งสมบุญ
5. พยายามฟังโอวาทหลวงพ่อ มากๆ และให้นึกตามด้วยเหตุและผล (ถ้ามีข้อสงสัย ก็ลองทำใจนิ่งๆ นะครับ เพื่อจะมีคำตอบ อิอิ) ฟังถ่ายทอดสด จะดีมากครับ ...
6. พยายาม ยิ้ม แล้วทำใจให้โตครอบตัวเองอยู่เสมอ หรือคิดว่า เรากำลังอยู่ในดวงแก้ว (เวลาเจออะไร ที่เป็นบุญ จะสัมผัสได้ง่ายมาก แล้วจะทำให้เรา ปลื้มปิติ แถบจะร้องไห้เลยนะครับ ผม เคยมาแล้ว มันเป็นเรื่องเกินบรรยาย ครับ ต้องลองทำเอง)
7. ให้คิดว่าเรา มาสร้างบารมีกับหมู่คณะนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องผ่านอุปสรรค์อะไรมากมาย และเวลาที่เราลงมาสร้างบารมีในครั้งนี้ ชั่งสั้นเหลือเกิน
8. เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ให้คิดว่า ชีวิตของทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ย่อมต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครรอดพ้นไปได้ (...)

และขอฝากว่า เวลาจะทำบุญทุกๆ บุญ ต้องน้อมนำเอาสิ่งที่เราจะทำไว้ที่ศูนย์กลางกายเสมอๆ ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ และคิดว่า บุญ ที่จะทำ จะยังประโยชน์ ต่อ ตัวเรา และผู้รับ อย่างสูงสุด

ก็ลองเอาเวลาที่จะถวายปัจจัยหลวงพ่อ มาใช้นะครับ ลองนึกแบบที่แนะนำ และให้คิดว่า สิ่งที่เราจะถวายหลวงพ่อนั้นท่านจะนำไปช่วยโลก ช่วยเพื่อนมุษย์ให้สงบสุข ทุกคนจะหันหน้ามารักกัน เราจะเจอแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่เบียดเบียนกัน ทุกคนจะพูดภาษาเดียวกัน และสันติภาพก็จะมาบังเกิดขึ้นจริงในโลกใบนี้ ด้วยปัจจัยของเรา ที่ถวายหลวงพ่อท่าน
เวลานึกก็ทำใจให้โต ๆ ครอบตัวเองไว้นะครับ

แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม เวลา คนที่เขา เข้าใจการทำบุญแล้วถึงความสุข ปลื้มสุด ๆ กับการที่ได้มาทำบุญร่วมกัน กับหมู่คณะ นะครับ

สู้ ๆ นะครับ คำตอบ มีอยู่แล้วในโรงเรียนอนุบาลฯ แต่ละคน จะเกิดความเข้าใจ ในเรื่องใดนั้น ก็ต้องศึกษามากๆ นะครับ เผื่อสักวันในไม่ช้านี้ อาจจะเจอสิ่งที่ทำให้เรา เข้าใจ และ มีความสุข กับบุญที่เราสร้างก็ได้นะครับ

กราบอนุโมทนาบุญ ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ ...
...


เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*

ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*





#13 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 04:07 PM

ไม่แปลกหรอกครับ เพราะผมก็เป็น

คงเป็นเพราะเราทำบุญกันบ่อยจนเรารู้สึกเฉยๆชินๆ มีบุญใหม่ก็ทำไป เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ความปลื้มไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่

แต่บุญไหนที่เราเคยทำมา แล้วทำได้สำเร็จได้โดยยาก บุญนั้นนึกทีไรก็จะปลื้มครับ

ผมจึงเข้าใจที่หลวงพ่อสอนว่าให้ทำบุญแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะบุญแบบนั้น คิดเมื่อไหร่ก็ปลื้มไม่รู้จบครับ

คนที่ทำอะไรนิดๆหน่อยๆแล้วปลื้มสุดๆ คงเป็นเพราะค่อนไปทางศรัทธาจริต คนที่เป็นพุทธจริตจะปลื้มอะไรได้ยากกว่า

ลองดูว่า คุณเป็นพุทธจริตหรือเปล่า และคนที่เขาปลื้มเยอะๆจริตแบบไหนครับ

#14 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 05 July 2007 - 08:54 PM

IFY ( Information For You )

เชิญแวะไปที่ กระทู้ ทำอย่างไรให้ปลื้มเมื่อทำบุญ สิครับ

http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8089

โดย นักเรียนอนุบาล justmin

อาจได้คำตอบบ้าง

#15 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 10:34 AM

อืม เท่าที่อ่านดูมีหลายแนวคิดและหลายแนวความเห็น ผมขอเสนอแนวความคิดเห็นของผมดูบ้างนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าคงจะแตกต่างจากเพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่นแน่ ในความเห็นของผมนั้น คิดว่าคุณเจ้าของกระทู้และใครอีกหลายต่อหลายคนที่ทำบุญแล้วไม่ปลื้มรู้สึกเฉยๆนั้น อาจเป็นเพราะ กระทำเป็นปกติมาตั้งแต่อดีตชาติน่ะครับ กระทำเป็นปกติของผมนี้ไม่ได้หมายถึงให้แต่ทานเป็นปกตินะครับ อาจจะฝึกใจให้เฉยในการทำบุญจนเป็นปกติมานับแต่อดีตชาติ หรืออยู่ในวงบุญได้เห็นผู้คนทำบุญเป็นปกติมาตั้งแต่อดีตชาติ(แต่ไม่ได้ลงมือกระทำ) หรือมีความคุ้นเคยกับการทำบุญมาตั้งแต่อดีตชาติ และในทางกลับกัน อาจจะไม่เคยได้ทำบุญเลยมาตั้งแต่อดีตชาติ หรืออาจจะไม่เข้าใจในการทำบุญมาตั้งแต่อดีตชาติ มาชาตินี้นิสัยเก่าติดตัวมาเลยเห็นว่าเป็นเรื่องเฉยๆน่ะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#16 JUREE

JUREE
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 11:04 AM

ไม่แปลกหลอกค่ะ เพราะหนูก็เป็นเหมือนกัน จะรู้สึกเฉย ๆ อาจเป็นเพราะว่าเราทำบุญ สร้างบารมีตามหลวงพ่อมานานมากแล้ว ทำแบบตามกำลัง ก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้น หรือปลื้มมากเท่าไหร่ และหนูก็ค่อย ๆ ปรับปรุงหาคำตอบ ตามคำแนะนำของกัลยาณมิตรทุก ๆ ท่านที่กรุณาแสดงความคิดเห็นมาในหัวข้อนี้ อนุโมทนาบุญค่ะ

#17 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 01:50 PM

เข้ามาดูอีกรอบ โอ้โห...ไม่นึกเลยว่าเราจะมีกัลยาณมิตรมากมายเท่านี้ ปลื้มใจจริงๆ

หลายๆข้อความมีความหมายกับผมมากทีเดียวครับ
ผมจะลองทำตามที่ท่านกัลยาณมิตรผู้งดงามของผมแนะนำนะครับ

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#18 อีวาน

อีวาน
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 02:21 PM

ความเห็นส่วนตัวของผม ผมว่าก็ดีแล้วนี่ครับ

ทำเต็มกำลัง ต่อเนื่อง จนเป็นสิ่งปกติ ลดความตระหนี่ได้โดยที่ไม่ต้องฝืน

การปลื้มแบบไม่แสดงออกแต่สม่ำเสมอเวลาระลึกถึง

อาจจะดีกว่า ตื่นเต้นดีใจมากเกิน จน alert ก็ได้ครับ

ที่สำคัญก็ดูสำรวม ควรแก่การเป็นผู้ปฏิบัติธรรมมากกว่าด้วย

#19 : ) connect2mind

: ) connect2mind
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 05:08 PM

โดนเหมือนกันแฮะ

#20 รับบุญ

รับบุญ
  • Members
  • 120 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 06 July 2007 - 08:29 PM

มองหลวงพ่อก่อนทำบุญก็ปลื้มจนน้ำตาจะไหลทุกครั้งเลย laugh.gif happy.gif smile.gif

#21 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 07 July 2007 - 12:10 AM

ดีแล้วครับ
ปลื้มไม่ปลื้ม มันอยู่ที่ใจ
ใจใส เป็นอันใช้ได้

นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#22 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 09 July 2007 - 05:53 PM

ก็นั่งสมาธิมากๆ จนพบความสุขภายใน และความลึกซึ้งของธรรมะ เมื่อเราเข้าถึง เข้าใจ และเมื่อเราระลึกได้ทั้งระบบโดยภาพรวมว่า เมื่อได้ทำบุญนี้ๆ แล้วจะมีอานิสงส์มากมายมหาศาลอย่างไร ก็จะปลื้มมมม....จนล้น จนท่วมท้นขึ้นมาเองค่ะ

ลองค้นหาดูว่า ในเหตุการณ์ใด หรือกรณีใดที่เราทำบุญแล้วรู้สึกปิติมากๆ แบบขนที่แขนลุกขึ้นมาได้ จำแนวๆนั้นไว้ ว่ามีอะไรพิเศษกว่าที่เราทำบุญตามปกติ หรือเราชอบทำบุญอะไรที่โดนใจเป็นพิเศษ ก็ลองนำมาปรับใช้ในอนาคตดูนะคะ สไตลส์ใครก็แบบคนนั้น ความชอบ หรือแนวทางการสั่งสมก็มีมาหลายสไตลส์ค่ะ (แต่รวมๆแล้ว ก็ควรทำทุกบุญอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ตกบุญนะคะ)

ขออนุโมทนาบุญค่ะ / lightmint ค่ะ happy.gif
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ