ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สงสัยเรื่องการนั่งสมาธิ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 art2007

art2007
  • Members
  • 18 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 July 2007 - 06:08 PM

คือหลวงพ่ท่านสอนว่าให้นั่งนิ่งๆไม่คิอะไรเลย บางครั้งท่านก้ว่าให้นึกถึงดวงแก้วอยู่ในท้อง แล้วตกลงว่าต้องนึกหรือไม่นึกล่ะคะ คือตอนนี้หลานที่บ้านนั่งแล้วตกศูนย์แล้วนั่งต่อๆมาเห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่กลางดวงแก้วบอกบอกว่านั่งนิ่งๆไม่ต้องคิดอะไร คือลองทำก็ทำไม่ได้ค่ะพอไม่นึกอะไรเราก็จะใจจดจ่อกับหายใจเข้าออก(เมื่อก่อนเคยนั่งแบบกำหนดลมหายใจก่อนเข้าวัด) พอมัวเอาใจไปนึกตรงนั้น ก็เลยนั่งท่องสัมมาอะระหังใจมันเพลินก็เลยฟ้งไปเรื่องโน้นเรื่องนี้อีก อยากขอคำแนะนำหน่อยค่ะ คือไปผอ่านหนังสือเรื่องจากความทรงจำสนุกมากแล้วก็มีที่เขาเล่าว่ามีคนเข้าถึงธรรมกาย เราอยากรู้เรื่องอะไรพระธรรมกายจะพาไปทุกที่ถึงขนาดพาไปดูตอนโลกยังไม่มีมนุษย์ดูการทำงานของร่างกายจึงอยากนั่งธรรมกาสยให้ได้ค่ะ นั่งมาเป็นปีผลการปฏิบัติไม่เคยก้าวหน้าเลยยังมืดตื้อ มืดมิดเหมือนเดิม นั่งนึกถึงดวงแก้วก็นึกยังงัยก็นึกไม่ออก อยากขอคำแนะนำค่ะส่าตกลงจะต้องนั่งนึกถึงดวงแก้ว,องค์พระ หรือ นั่งนิ่งไม่คิดอะไรเลยแต่มันคอยแต่จะคิดเรื่องลมหายใจเข้าออกซะอีกพอท่องสัมมาอะระหังก็ฟุ้งขอคำชี้แนะทีค่ะ ขอบคุณค่ะ

#2 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 July 2007 - 06:37 PM

ดีครับ..
การฝึกนั่งสมาธินั้นมีหลายแบบครับ การนั่งแบบวิชาธรรมกายนั้นมีประเด็นสำคัญที่การจรดจิตที่ศูนย์กลางกายนะครับ
ดังนั้น การนั่งทั้งหลายแหล่ที่ถามมาเป็นกลอุบายในการรวมจิตให้อยู่ถูกตำแหน่งเท่านั้นครับ มีเคสอยู่เคสหนึ่งเขาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เขาทำแบบที่ทุกท่านได้ฟังมาเหมือนกันนั้นแหละครับ แต่เขาทำไม่ได้ คิดไม่ออก ทำแล้วฟุ้ง เขาเลยตั้งนิมิตที่เขาทำได้และง่ายที่สุดของเขา นั้นคือ ขนมโมจิ เขาคิดถึงขนมโมจิสีขาวๆนวลๆน่ารับประทานของเขา เขาคิดปั้บเขาเห็นภาพของขนมเลย แล้วเขาก็เอาขนมโมจิไปตั้งที่ ฐาน 7 เท่านั้นครับ แล้วเขาก็ได้เห็นดวงใสๆขึ้นมาแทนขนมโมจินั้น ถ้าจะถามต่อว่า แล้วขนมโมจิไปไหนละ เมื่อใจตกศูนย์แล้วภาพที่ถูกต้องจะพุดขึ้นมาเองครับลองทำดูนะครับ นั้นงัยครับ ประเด็นคือการรวมจิตให้ถูกตำแหน่งเท่านั้นเอง นึกนิมิตที่คุณนึกได้ง่ายแล้วนำมาว่างที่ฐาน 7 ดูนะครับ ฟังหลวงปู่ หลวงพ่อ ฟังเคสเยอะๆแล้ว ดวงใสๆจะเป็นของทุกๆท่านครับ (ของให้ทุกๆท่านค้นเจอนิมิตที่ถูกจริตของท่านเองนะครับ)
อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#3 บารมีธรรม

บารมีธรรม
  • Members
  • 212 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 29 July 2007 - 01:16 AM

QUOTE
คือลองทำก็ทำไม่ได้ค่ะพอไม่นึกอะไรเราก็จะใจจดจ่อกับหายใจเข้าออก(เมื่อก่อนเคยนั่งแบบกำหนดลมหายใจก่อนเข้าวัด) พอมัวเอาใจไปนึกตรงนั้น ก็เลยนั่งท่องสัมมาอะระหังใจมันเพลินก็เลยฟ้งไปเรื่องโน้นเรื่องนี้อีก


1. เบื้องต้น ให้ยึดหลักสติและสบายคู่กันไป ครับ
กรณีเคยฝึกแบบตามลมหายใจเข้าออกมาก่อน
ให้ลองสังเกตจุดปลายสุดของลมหายใจเข้าครับ เพราะจุดนั้นก็คือฐานที่ 7
พยายามวางใจอย่าง สบายๆ เบา ๆ ตรงตำแหน่งนั้น ครับ

โดยไม่ต้องไปกังวลถึงฐานที่ 7 จนเกินไป
เอาประมาณว่า จุดสุดลมหายใจเข้า หรือประมาณเอาว่าบริเวณกลางท้องนั้น ครับ
นานเข้าใจจะถูกส่วนไปเอง

และไม่ต้องภาวนา สัมมาอะระหัง นะครับ
แต่พยายามทำใจให้นิ่งที่สุดของสุดลมหายใจเข้า ครับ
จนถูกส่วน จะตกศูนย์เอง

2. เมื่อพบฐานที่ 7 แล้ว ให้หยุดใจ ( เห็น จำ คิด รู้ ) เป็นจุดเดียว
หมายถึง เข้ากลางไปเรื่อยๆ ครับ
เห็นอะไรก็ หยุดใจตรงกลางดวงนั้น
...จนเริ่มที่ดวงปฐมมรรค
สรุปว่าเห็นอะไรเป็นดวงกลมใสสว่าง ให้หยุดที่กลางดวงกลมนั้นๆ
หากผ่านถึงกาย ในกายแล้ว ก็เปลี่ยนหยุดใจที่ฐานที่ 7 ของกายนั้นๆ

3. อย่าไป ลุ้น เล้ง เพ้ง จ้อง อย่าอยากเห็นจนเกินไป
ให้ยึดหลัก ผ่อนคลาย สบาย มีสติระลึกรู้ มีอะไรให้ดูก็ดูไป
มืดก็ดูมืด
สว่างก็ดูสว่าง
ดวงก็ดูที่กลางดวง
เห็นกายก็ดูที่ฐานที่ 7 ของกาย
เห็นทุกดวงธรรม
เห็นทุกกาย 18 กาย
เห็นไปจนถึงที่สุด
เห็นไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม

ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ และมีความเพียร
อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน อย่างช้า 7 ปี
แต่หากไม่มีหลักและวิธีการที่ถูกต้องแล้ว นานแค่ไหนก็ไม่ถึง
ถึงเห็นก็ไม่ใช่ครับ

เบื้องต้นพอแค่นี้ก่อนนะครับ
ท้ายนี้ขอให้ทุกท่าน เจริญในธรรม และเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน ครับ


#4 บารมีธรรม

บารมีธรรม
  • Members
  • 212 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 29 July 2007 - 01:55 AM

ขอแก้ไขคำครับ

จาก ลุ้น เล้ง เพ้ง จ้อง

เป็น ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง

ขอโทษที่พิมพ์ผิดครับ

#5 ลีดเดอร์

ลีดเดอร์
  • Members
  • 416 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 July 2007 - 06:25 AM

แต่ละท่านที่มาแสดงความเห็น ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยค่ะ
ที่อยากให้ผู้อยากฝึกสมาธิ ได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง สาธุ

#6 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 July 2007 - 10:29 AM

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยKrab...Sa Dhu

#7 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 July 2007 - 04:47 PM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#8 Peace_Pls

Peace_Pls
  • Members
  • 152 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:นครสวรรค์

โพสต์เมื่อ 30 July 2007 - 05:14 PM

สาธุ
~ สักวันฉันจะต้องโตใหญ่ เป็นตะวันสดใสดับความสลัว ในดวงใจชาวโลกที่หมองมัวส่องสว่างทั่วอนันต์จักรวาล ~

#9 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 31 July 2007 - 11:01 AM

ที่หลวงพ่อท่านให้นึกถึงดวงแก้วนั้นก็ต่อเมื่อใจไม่นิ่งคิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นน่ะครับ แต่หากใครก็ตามที่มีสติไม่คิดอะไรได้ตลอดก็นั่งหลับตาไปไม่ต้องคิดอะไรไปเรื่อยๆ แต่หากใจฟุ้งถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้ ทำให้ทำใจให้ว่างไม่ได้ แทนที่จะปล่อยใจให้ไปอยู่กับเรื่องอื่น ก็ให้กำหนดเป็นดวงแก้วแล้วนึกคิดเป็นเรื่องเดียวน่ะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#10 New

New
  • Members
  • 95 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 July 2007 - 11:41 PM

ขอเสนอความเห็นบ้างนะครับ

ส่วนใหญ่ที่นักฝึกหัดนั่งไม่ก้าวหน้าสักที หลวงพ่อท่านก็เคยบอกไว้ครับว่ามีสองเหตุใหญ่ๆคือ (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)

1. ... (นึกไม่ออก ใครนึกออกช่วยมาบอกทีนะครับ)
2. ตั้งใจเกินไป ซึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า ส่วนใหญ่จะเกิดจากการตั้งใจเกินไป

จริงๆ พวกเราก็มีฉันทะกันดีนะครับ คือรู้คุณค่าของวิชชาธรรมกายและรู้เป้าหมายของการเกิดมา เลยรักการนั่งธรรมะกันมากๆ แล้วก็อยากเข้าถึงพระธรรมกายกันมากๆ เพราะเข้าใจกันว่าเมื่อได้วิชชาแล้วจะสามารถทำโน่นนี่ อย่างที่เขาเล่ากันมาให้ฟังได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจ

เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนก็อยากศึำกษาความจริงของชีวิต มันก็เลยทำให้เราอยากได้ อยากเห็น อยากเป็นธรรมกายไวๆ ซึ่งผิดหลักวิชชา อีกอย่างก็คือส่วนใหญ่ จะรู้มาก อ่้านมาก เห็นมาก คิดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือพอฟังเขาเล่ามาก็จินตนาการตามไปว่ามันน่าจะเห็นอย่างนี้ น่าจะสว่างอย่างนั้น คือใจมันมีการคาดหวังอย่างลึกๆอยู่ในใจว่า พอฉันนั่งธรรมะนะ ใจก็จะหยุด พอใจหยุดก็จะเห็นดวงผุดมานะ จะตกศูนย์นะ จะมีท่อแก้ว จะมีสายขององค์พระของดวงธรรมนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังโดยไม่รู้ตัว มันจะอยู่ในใจลึกๆ ลองสังเกตุตัวเองดูนะครับ

ที่เขียนไป ผมก็เป็นนะครับ ใจมันก็เลยไม่หยุดสักที หลวงพ่อท่านสอนว่า เราฟังได้ แต่อย่าจำ คือจำวิธีการแต่อย่าจำประสบการณ์ เวลานั่งต้องทิ้งให้หมด ทำใจหยุดอย่างเดียว ท่านบอกว่า หยุดไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องหาวิธีการ หยุดเฉยๆ แค่นั้นเอง สติ สบาย สม่ำเสมอ สามอย่างนี้ทำให้ได้ตลอด

อีกอย่างก็สำคัญคือ ความสม่ำเสมอ บางคนเขาทำของเก่ามาดี เขานั่งแป๊บๆเขาก็ได้กันแล้ว แต่บางคนของเก่าทำมาดีแต่ดันรู้เยอะก็มาตกม้าตายเพราะความลังเลสงสัยก็มี ใจของคนเรา กว่าจะหยุดนิ่งได้มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ฟิต นั่งทุกวันเลย 7 วัน แต่หลังจากนั้นพอไม่เห็นอะไร ไม่หยุดสักที ก็ห่อเหี่ยวเลิกลากันไป มันก็จบข่าวสิครับ มันต้องอาศัยเวลาในการหยุดนิ่ง ใจมันจะค่อยๆละเอียด แล้วก็จะหยุดเองสักวัน

หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ท่านบอกว่า ธรรมะเป็นของจริง แล้วตัวเราๆท่านๆเองน่ะจริงแค่ไหนกัน ถ้าเราทำจริงก็จะได้ของจริว หลวงพ่อ คุณยาย และนักรบทำวิชชาสมัยหลวงปู่ ท่านเก่งขนาดไหน ท่านยังไม่เลิกนั่งธรรมะ ท่านยังต้องทำหยุดทำนิ่งทุกวันเลยนะครับ แล้วเราล่ะ แค่เริ่มต้น ยังทำมั่งไม่ทำมั่ง แล้วเมื่อไรมันจะได้ อย่างนี้หลวงปู่ท่านบอกว่า เรามันโกงตัวเองจนเคยตัว

ผมเชื่อนะครับว่า ทำให้ได้ทุกวัน หมั่นตรึกหมั่นหยุดใจไว้ที่ฐานที่ 7 นั่งธรรมะให้ได้ทุกวัน อย่าท้อ สู้อดทนทำไป ถึงไม่เห็นอะไรเราก็ได้บุญบารมี อย่างน้อยขันติบารมีกับวิริยะบารมีเราก็ได้ ลองๆคิดดูสิครับว่า ขนาดทำหยุดทำนิ่งให้เห็นดวงปฐมมรรคเรายังทำไม่ได้เลย แล้วจะไปรู้เรื่องวิชชาธรรมกายชั้นสูงกันอย่างไร ทำเบื้องต้นได้ก่อน ต่อไปก็คงไม่ยากเกินเอื้อมแล้วล่ะครับ ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจทำจริง ทำถูกหลักวิชชาจริง มันต้องได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าเรานั่งไปเรื่อยๆ ก็ต้องได้แน่นอน ถ้าไม่นั่ง ยังไงๆก็ไม่ได้แน่นอน

ขอเล่าของตัวเองนะครับ ก็เหมือนคนเพิ่งเริ่มหัดนี่แหละครับ เข้าวัดมาสิบกว่าปี แต่ยังไม่ไปไหน สาเหตุหรอครับ

1. รู้เยอะ อ่านเยอะ
2. ไม่ต่อเนื่อง ขี้เกียจ

ตอนเด็กๆก็พอนั่งดีอยู่บ้าง เสียดายที่ไม่ทำต่อเนื่อง ไม่งั้นสบายไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องมาเริ่มใหม่ กว่าจะหยุดได้ ลำบากจริงๆ พออายุมากเข้า เห็นจำคิดรู้มันกระจาย รวมยาก พอหยุดได้หน่อย เห็นดวงได้หน่อย แค่ตรึกมองไปตรงกลาง อ้าวดวงหายอีกแล้ว จิตกระดิกนิดเดียว หายเลยครับ ทำให้เข้าใจว่าธรรมะนั้นต้องใจละเอียดอ่อนจริงๆ จะใช้กำลังไม่ได้เลย

ตอนที่เห็น มันไม่ได้นึก พอพยายามนึกให้เห็นมันก็ไม่เห็น มันแปลกไหมล่ะครับ ผมก็จะพยายามนั่งทุกวันล่ะครับ สักวันคงได้ดีกับเขาบ้าง

เทคนิคของผมก็คือ นั่งในท่าสบาย ตั้งสติให้ดี อย่าให้หลับ วางใจสบายๆ ถ้าฟุ้งก็ภาวนาสัมมาอะระหังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเลิกฟุ้ง แล้วก็เอาใจไปวางไว้ที่ฐานที่ 7 ไม่มีอะไรให้ดูก็หยุดเฉยๆ ถ้ามีอะไรให้ดูก็มองเฉยๆ แค่นี้แหละครับ ความต่อเนื่องจะทำให้คุณรู้ว่า เออ ใจเราละเอียดขึ้นนะ คุณจะเป็นคนบอกตัวเองได้ ธรรมะนั้นอย่าใช้กำลัง คุณไปฮึดฮัด จะัเอาให้ได้นั้น ไม่ได้หรอกครับ เพราะมันผิดวิธี

ลองสังเกตุดูสิครับว่าเรานิ่งจริงไหม บางคนบอกว่าฉันก็นิ่งแล้วนะแต่ทำไม่ไม่เห็นสว่างหรือตกศูนย์อย่างคนอื่นเลย ลองสำรวจดูนะครับว่า เวลาเรานั่ง เราเห็นความมืด แล้วเรานิ่งกับความมืดโดยมองความมืดเฉยๆโดยไม่คิดอะไรได้จริงหรือเปล่า หรือเราทำใจให้นิ่งๆกับความรู้สึกว่ามีดวงหรือมีพระในท้องได้นิ่งๆอย่างต่อเนื่องมั้ย ถ้ายังไม่ได้ ผมบอกได้เลยว่าใจยังไม่นิ่งครับ ส่วนใหญ่ พอเรามองเห็นความมืด หรือทำความรู้สึกว่ามีดวงมีพระในท้อง แล้วเราจะนิ่งได้สักครู่ แล้วใจก็จะเริ่มส่ายแล้ว ก็ต้องเริ่มประคองใหม่ครับ

ถ้าเบื้องต้น เราก็ต้องทำให้นิ่งกับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ก่อน พอใจนิ่งแล้วก็จะเห็นธรรมะไปตามลำดับเอง หรืออย่างน้อยคุณก็จะบอกตัวเองได้ว่า ใจเรานิ่งขึ้นนะ ละเอียดขึ้นนะ เราจะบอกตัวเองได้เอง ขณะเรานั่งเราก็อย่าไปคิดว่าเราจะเห็นอย่างที่เราคิดตอนที่เราได้ฟังประสบการณ์ของคนอื่น เพราะัมันเปนความคาดหวังและความอยากเล็กๆที่เราไม่รู้ตัว

สำคัญที่สุด ทำแบบสบายๆ ลองสังเกตุดู ทำแบบเครียดๆก็ไม่เห็นได้ดีสักที ก็ลองทำแบบสบายๆดูบ้าง แต่อย่าสบายเกินไปเพราะจะหลับครับ

หาวิธีของตัวเองให้เจอครับ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ง่ายที่สุดหลวงพ่อก็สอนแล้ว สติ สบาย สม่ำเสมอ แค่นี้เท่านั้น ทำให้ต่อเนื่อง อย่าท้อถอย หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายท่านยังทำต่อเนื่องตลอดชีวิตท่าน แล้วเราจะเรียนให้ได้อย่างท่านเราก็ต้องทำให้ได้ทุกวันอย่างท่าน แล้วก็ทบทวนดูว่า ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ดีแล้วหรือยัง

อ้อ อีกเรื่องหนึ่งที่ลืมไม่ได้ ศีลเป็นบาทฐานของสมาธิ ถ้าศีลกระพร่องกระแพร่งแล้ว สมาธิคงก้าวหน้ายากครับ พยายามรักษาศีลให้สะอาดบริสุทธิ์ แล้วจะเอื้อต่อการทำใจหยุดนิ่งครับ

ขอแชร์ประสบการณ์แค่นี้นะครับ ไม่เคยเขียนอะไรยาวเท่านี้มาก่อนเลย ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ส่วนตัวผมก็จะสู้ต่อไปครับ


#11 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 01 August 2007 - 12:27 PM

QUOTE
หลวงพ่ท่านสอนว่าให้นั่งนิ่งๆไม่คิอะไรเลย
บางครั้งท่านก้ว่าให้นึกถึงดวงแก้วอยู่ในท้อง แล้วตกลงว่าต้องนึกหรือไม่นึกล่ะคะ


ขอตอบสั้นๆว่า

ธรรมชาติของมนุษย์ที่กำลังฝึกนั่งสมาธิ เจริญสมถะกรรมฐานนั้น
มนุษย์ส่วนมาก มักจะ ฟุ้งไปในเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในอดีต
รวมถึงเหตุการณ์ในอนาคต ที่แม้ยังไม่เกิด แต่คนก็มักฟุ้ง ปรุงแต่งไปต่างๆนานา

โดยที่ลักษณะการฟุ้ง นั้นมี 3 แบบ
1 ) ฟุ้งภาพ คือ ใจนึกถึงถาพเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในอดีต
รวมถึงเหตุการณ์ในอนาคต ที่แม้ยังไม่เกิด แต่คนก็มักฟุ้ง ปรุงแต่งไปต่างๆนานา

2 ) ฟุ้งเสียง คือ ในความคิด ในจิตใจ มีเสียงต่างๆ เป็นเสียงคนอื่นบ้าง
เสียงของตัวเราเองบ้างที่ฟุ้งซ่าน จินตนาการเรื่องนั้นเรื่องนี้

3 ) ฟุ้งทั้งภาพและเสียง แบบนี้ เรียกว่า ฟุ้งหนัก

ดังนั้นพระอาจารย์ หรือ ครูสอนสมาธิ จึงใช้กุศโลบาย คือ

1 ) แก้ฟุ้งภาพ ด้วยการ ให้ผู้ฝึกบริกรรมนิมิต หรือ นึกภาพกุศลธรรม เช่น พระพุทธปฏิมากร เป็นต้น

2 ) แก้ฟุ้งเสียง ด้วยการ ให้ผู้ฝึก บริกรรมภาวนา คือ ออกเสียงในใจ เช่น พุทโธ สัมมา อรหัง เป็นต้น

3 ) แก้ฟุ้งทั้งภาพและเสียง ด้วยการให้ผู้ฝึก นึกทั้งนิมิต และ ออกเสียงในใจ

ส่วนท่านใดที่ใจเป็นสมาธิ ใจนิ่ง ใจสงบดีแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องนึกภาพใด ๆ และท่องคำภาวนาใด ๆ ก็ได้ครับ


อนุโมทนาุูบุญ กับคำตอบของท่านอื่นๆที่ตอบคำถามไว้ดีแล้วด้วยครับ สาธุ ๆ ๆ

แนบไฟล์  072.gif   56.52K   78 ดาวน์โหลด

แนบไฟล์  av_1326.gif   47.49K   91 ดาวน์โหลด

แนบไฟล์  post_1794_1141259227.gif   60.48K   83 ดาวน์โหลด

แนบไฟล์  post_1794_1141734936.gif   47.65K   79 ดาวน์โหลด