ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา (1)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 โพสต์
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

โพสต์เมื่อ 30 July 2007 - 03:59 PM

ข้าแต่พระนาคเสน ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไร จึงสำเร็จ พระอรหัตได้ ฯ

ขอถวายพระพร ภิกษุผู้มุ่งจะสำเร็จพระอรหัต ควรถือ เอา องค์ ๑ แห่งลา - องค์ ๕ แห่งไก่ - องค์ ๑ แห่งกระแต องค์ ๑ แห่ง แม่เสือเหลือง - องค์ ๒ แห่งพ่อเสือเหลือง - องค์ ๕ แห่งเต่า - องค์ ๑ แห่งไม้ไผ่ - องค์ ๒ แห่งกา -องค์ ๒ แห่งวานร

ทุติยวรรค องค์ ๑ แห่งเครือน้ำเต้า - องค์ ๓ แห่งดอกปทุม - องค์ ๒ แห่งพัด - องค์ ๑ แห่งไม้ขานาง - องค์ ๓ แห่งท่าเรือ - องค์ ๒ แห่งเครื่องผูกเรือ - องค์ ๑ แห่งเสากระโดง - องค์ ๓ แห่งนายท้ายเรือ องค์ ๑ แห่งกรรมกร - องค์ ๕ แห่งทะเล

ตติยวรรค องค์ ๕ แห่งปฐพี - องค์ ๕ แห่งแม่น้ำ - องค์ ๕ แห่ง ไฟ - องค์ ๕ แห่งพายุ - องค์ ๕ แห่งบรรพต - องค์ ๕ แห่งอากาศ - องค์ ๕ แห่งพระจันทร์ - องค์ ๗ แห่งพระอาทิตย์ - องค์ ๓ แห่งท้าวสักกะ - องค์ ๕ แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ

จตุตถวรรค องค์ ๑ แห่งปลวก - องค์ ๒ แห่งแมว - องค์ ๑ แห่งหนู องค์ ๑ แห่งแมลงป่อง - องค์ ๑ แห่งพังพอน - องค์ ๒ แห่งสุนัขจิ้งจอก - องค์ ๓ แห่งเนื้อในป่า - องค์ ๔ แห่งโค องค์ ๒ แห่งหมู - องค์ ๕ แห่งช้าง

ปัญจวรรค องค์ ๗ แห่งสีหะ - องค์ ๓ แห่งนกจักกวาก คือ นกจากพราก - องค์ ๒ แห่งนกเงือก - องค์ ๑ แห่งนกกระจอก - องค์ ๒ แห่งนกเค้า - องค์ ๒ แห่งสัตว์มีตีน ๑๐๐ คือ ตะขาบ - องค์ ๒ แห่ง ค้างคาว - องค์ ๑ แห่งปลิง - องค์ ๓ แห่งงู - องค์ ๑ แห่งงูเหลือม

ฉัฏฐวรรค องค์ ๑ แห่งแมลงมุม - องค์ ๑ แห่งเด็กอ่อน - องค์ ๑ แห่งเต่าเหลือง - องค์ ๕ แห่งป่า - องค์ ๓ แห่งต้นไม้ - องค์ ๕ แห่งเมฆ - องค์ ๓ แห่งแก้วมณี - องค์ ๔ แห่งนายพราน - องค์ ๒ แห่งพรานเบ็ด - องค์ ๒ แห่งช่างไม้

สัตตมวรรค องค์ ๑ แห่งหม้อน้ำ - องค์ ๒ แห่งกาลักน้ำ - องค์ ๓ แห่งฉัตร - องค์ ๓ แห่งนา - องค์ ๒ แห่งยาดับพิษงู - องค์ ๓ แห่ง โภชนะ - องค์ ๔ แห่งนายขมังธนู - องค์ ๔ แห่งพระราชา - องค์ ๒ แห่ง นายประตู - องค์ ๑ แห่งหินบด

อัฏฐมวรรค องค์ ๒ แห่งประทีป - องค์ ๒ แห่งนกยูง - องค์ ๒ แห่งโคอุสุภราช - องค์ ๒ แห่งม้า - องค์ ๒ แห่งบ่อน้ำ - องค์ ๒ แห่งเขื่อน - องค์ ๒ แห่งคันชั่ง - องค์ ๒ แห่งพระขรรค์ - องค์ ๒ แห่ง ชาวประมง - องค์ ๑ แห่งผู้กู้หนี้

นวมวรรค องค์ ๒ แห่งคนอันเป็นพยาธิ์ - องค์ ๒ แห่งหนทาง - องค์ ๒ แห่งแม่น้ำ - องค์ ๑ แห่งมหรสพ - องค์ ๓ แห่งบาตร - องค์ ๑ แห่งของเสวย - องค์ ๓ แห่งโจร - องค์ ๑ แห่งเหยี่ยวนกเขา - องค์ ๑ แห่งสุนัข - องค์ ๓ แห่งคนรักษาโรค - องค์ ๒ แห่งหญิงมีครรภ์

ทสมวรรค องค์ ๑ แห่งนกจามรี - องค์ ๒ แห่งนกกระต้อยตีวิด - องค์ ๒ แห่งนกพิราบ - องค์ ๒ แห่งนกตาข้างเดียว - องค์ ๓ แห่ง คนไถนา - องค์ ๑ แห่งสุนัขจิ้งจอกชัมพุกะ - องค์ ๒ แห่งผ้ากรองด่าง - องค์ ๑ แห่งทัพพี - องค์ ๓ แห่งคนใช้หนี้แล้ว - องค์ ๑ แห่งอวิจีนิกะ

เอกาทสมวรรค องค์ ๒ แห่งนายสารถี - องค์ ๑ แห่งช่างหูก - องค์ ๑ แห่งมัตถยิกะ - องค์ ๒ แห่งโภชนกะ - องค์ ๑ แห่งช่างชุน - องค์ ๑ แห่งนายเรือ - องค์ ๒ แห่งแมลงภู่.

[/size]

rolleyes.gif [size="3"]องค์หนึ่งแห่งลานั้น ได้แก่ ธรรมดาว่าลานั้นไม่เลือกที่นอน นอนบนกองหยากเยื่อก็มี ที่ทาง ๔ แพร่งก็มี ๓แพร่งก็มีที่ประตูบ้านก็มีที่กองแกลบก็มีฉันใด


พระโยคาวจรก็ไม่เลือกที่นอน(1)ฉันนั้นปูแผ่นหนังลงไปในที่ปูด้วยหญ้าหรือใบไม้หรือเตียงไม้ หรือแผ่นดินแห่งใดแห่งหนึ่งแล้วก็นอนฉันนั้นข้อนี้สมกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

ภิกษุทั้งหลายในบัดนี้เปรียบเหมือนท่อนไม้ย่อมเป็นผู้ไม่ประมาทมีความเพียร(2)ดังนี้ฯ ส่วนพระสารีบุตรเถรเจ้าได้กล่าวไว้ว่าการนั่งคู้บัลลังค์คือนั่งคุกเข่าก็พออยู่สบายสำหรับภิกษุผู้มุ่งต่อ พระนิพพาน ดังนี้

rolleyes.gif องค์๕แห่งไก่นั้นได้แก่ธรรมดาไก่ย่อมอยู่ในที่สงัดแต่ในเวลายังวันฉันใด พระโยคาวจรก็กวาดลานพระเจดีย์ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้อาบน้ำชำระกายไหว้พระเจดีย์แต่ในเวลายังวันแล้วไปหาอยู่ในที่สงัดแต่ในเวลายังวัน(3)ฉันนั้นอันนี้เป็นองค์แรกแห่งไก่ฯ, ธรรมดาไก่ย่อมตื่นแต่เช้าฉันใดพระโยคาวจรก็ตื่นแต่เช้า(4)ฉันนั้นแล้วลงไปปัดกวาดลานพระเจดีย์ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ชำระร่างกายดีแล้วก็กราบไหว้พระเจดีย์แล้วจึงเข้าไปสู่ที่สงัดอีกอันนี้เป็นองค์ที่๒แห่งไก่ฯ ธรรมดาไก่ย่อมคุ้ยเขี่ยพื้นดินหากินอาหารฉันใดพระโยคาวจรก็พิจารณาแล้วจึงฉันอาหารไม่ฉันเพื่อให้เกิด ความคะนองความมัวเมาความสวยงามแห่งร่างกายฉันเพียงเพื่อให้กายนี้อยู่ได้เพื่อจะได้ประพฤติ พรหมจรรยต่อไปและเพื่อบรรเทาเวทนาเก่ากำจัดเวทนาใหม่เท่านั้น(5)อันนี้เป็นองค์ที่๓แห่งไก่ฯ, ข้อนี้สมกับพระพุทธพจน์ว่า บุคคลกินเนื้อแห่งบุตรในทางกันดารได้ด้วยความลำบากใจกินพอให้ร่างกายเป็นไปได้ฉันใดบุคคลเติมน้ำมันหยอดเพลาพอให้รถแล่นไปได้ฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันอาหารพอให้ร่างกายเป็นไปได้(6)ฉันนั้นฯ, ธรรมดาไก่ถึงมีตาก็เหมือนตาบอดในเวลากลางคืนฉันใดพระโยคาวจรถึงตาไม่บอดก็ควรทำเป็นเหมือนตาบอดฉันนั้นทั้งในเวลาอยู่ในป่าหรือเที่ยวบิณฑบาตในบ้านพระโยคาวจรควรเป็นเหมือนคนตาบอด คนหูหนวก คนใบ้ ต่อรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์อันน่ายินดี ฯ(7) อันนี้เป็นองค์ที่ ๔ แห่งไก่ ฯ ข้อนี้สมกับคำพระมหากัจจายนเถรเจ้า กล่าวไว้ว่า พระโยคาวจรควรเป็นเหมือนคนตาบอด คนหูหนวก คนใบ้ คนไม่มีกำลัง เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ควรนอนเหมือนคนตาย(8) ดังนี้ ฯ ธรรมดาไก่ถึงถูกไล่ตีด้วยก้อนดิน ไม้ค้อนหรือถูกตีด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ตามก็ไม่ทิ้งที่อยู่ของตนฉันใด พระโยคาวจรถึงจะทำจีวรกรรมหรือนวกรรมการเรียน การถาม ก็ไม่ควรทิ้งโยนิโสมนสิการ(9)ฉันนั้น ฯ อันนี้เป็นองค์ ๕ แห่งไก่ ฯ ข้อนี้สมกับพระพุทธพจน์ว่า อะไรเป็น โคจรของภิกษุ เป็นวิสัยบิดาของตน อันนี้ คือสติปัฏฐาน๔ดังนี้ฯถึงพระสารีบุตรเถรเจ้าก็ได้กล่าวไว้ว่าไก่ย่อมไม่ทิ้งเล้าไก่ของตนย่อมรู้จักสิ่งควรกิน ไม่ควรกินพอให้ชีวิตเป็นไปได้ฉันใดพระพุทธบุตรก็ไม่ควรประมาทไม่ควรทิ้งโยนิโสมนสิการอันประเสริฐ(10) ฉันนั้น ดังนี้

rolleyes.gif องค์๑แห่งกระแตได้แก่ธรรมดากระแตเมื่อพบศัตรูย่อมพองหางขึ้นให้ใหญ่ต่อสู้กับศัตรูฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันนั้น คือ เมื่อเกิดศัตรูคือกิเลสขึ้น ก็พองหาง คือ สติปัฏฐานให้ใหญ่ขึ้น กั้นกลางกิเลสทั้งปวงด้วยหาง คือสติปัฏฐานฯ(11)อันนี้เป็นองค์๑แห่งกระแตฯข้อนี้สมกับคำของพระจูฬปันถกว่าเมื่อกิเลสอันจะกำจัดคุณสมณะปรากฏ ขึ้นในเวลาใด เวลานั้น พระโยคาวจรก็พองหาง คือ สติปัฏฐานขึ้นบ่อย ๆ ฉันนั้น

rolleyes.gif องค์หนึ่งแห่งแม่เสือเหลืองนั้นคือธรรมดาแม่เสือเหลืองพอมีท้องแล้วก็ไม่เข้าใกล้ตัวผู้อีกฉันใดพระโยคาวจรก็ ฉันนั้น คือ พระโยคาวจรได้เห็นปฏิสนธิ ความเกิด ความอยู่ในครรภ์ ความจุติ ความแตก ความสิ้น ความวินาศทุกขภัยในสงสารแล้วก็ควรกระทำโยนิโสมนสิการด้วยคิดว่า เราจักไม่ปฏิสนธิในภพทั้งหลายอีก ฯ(12)อันนี้เป็นองค์๑แห่งแม่เสือเหลืองฯข้อนี้สมกับพระพุทธพจน์ในธนิยโคปาลสูตรว่า ธรรมดาโคผู้สลัดเครื่องผูกให้ขาดแล้วช้างทำลายเถาหัวด้วนให้ขาดแล้วย่อมไม่กลับไปสู่เครื่องผูกและ เถาหัวด้วนอีกฉันใดพระโยคาวจรก็ควรเป็นฉันนั้น คือควรคิดว่าเราจักไม่ยอมเกิดอีกดังนี้(13).

rolleyes.gif องค์๒แห่งเสือเหลืองนั้นได้แก่ธรรมดาว่าเสือเหลืองย่อมไปแอบซุ่มอยู่ตามกอหญ้า พุ่มไม้ ซอกเขา ในป่า แล้วก็จับเนื้อกิน ฉันใด พระโยคาวจรก็ฉันนั้น คือ พระโยคาวจรย่อมไปหาที่อยู่ในที่สงัด อันได้แก่ ป่า โคนต้นไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าใหญ่ ที่แจ้ง ลอมฟาง เมื่อได้ที่ สงัดอย่างนั้น ก็ได้สำเร็จอภิญญา ๖ในไม่ช้าฯ(14)อันนี้เป็นองค์ที่๑แห่งเสือเหลืองฯข้อนี้สมกับคำของพระธรรมสังคาหกมหาเถรเจ้าทั้งหลาย ว่าเสือเหลืองแอบซุ่มจับเนื้อฉันใดพระพุทธบุตรผู้ประกอบความเพียรผู้เจริญวิปัสสนาก็เข้าไปอยู่ป่าแล้วถือ เอาซึ่งผลอันสูงสุด(15)ฉะนั้นฯธรรมดาเสือเหลืองย่อมไม่กินเนื้อที่ล้มลงข้างซ้ายฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันนั้นคือพระโยคาวจรย่อม ไม่ฉันอาหารที่ ได้ด้วยผิดธรรมวินัย คือ ได้ด้วยการลวงโลก การประจบ การพูด เลียบเคียง การพูดเหยียดผู้อื่น การแลกลาภด้วยลาภ หรือด้วยการ ให้ไม้แก่น ให้ไม้ไผ่ ให้ใบไม้ ให้ดอกไม้ ให้ผลไม้ ให้ดินเหนียว ให้ผงผัดหน้า ให้เครื่องถูตัว ให้ไม้สีฟัน ให้น้ำล้างหน้า ให้ข้าวต้ม ให้แกงถั่ว ให้ของแลกเปลี่ยนแก่ชาวบ้าน หรือรับใช้ชาวบ้าน หรือ เป็นหมอ เป็นทูต เป็นผู้รับส่งข่าว หรือให้อาหารแลกอาหาร หรือ วัตถุวิชา เขตตวิชา อังควิชา อย่างใดอย่างหนึ่ง เหมือนกับเสือเหลือง ที่ไม่กินเนื้อที่ล้มลงข้างซ้ายฯ(16)อันนี้เป็นองค์ที่๒แห่งเสือเหลืองฯ ข้อนี้สมกับคำของพระสารีบุตรเถรเจ้าว่าพระภิกษุคิดว่าถ้าเราฉันอาหารที่เกิดด้วยวจีวิญญัติเราก็จะมีโทษ มีผู้ติเตียนถึงไส้ของเราจะทะลักออกมาภายนอกก็ตามเราก็จักไม่ทำลายอาชีวปาริสุทธิศีลเป็นอันขาดฯ(17) คำนี้พระอุปเสนวังคันตบุตรก็ได้กล่าวไว้ว่าถึงไส้ใหญ่ของเราจักทะลักออกมาข้างนอกก็ตามเราก็จะไม่ให้ เสีย อาชีวปาริสุทธิศีล ไม่ประพฤติอเนสนกรรมเป็นอันขาด ขอถวายพระพร

rolleyes.gif องค์๕แห่งเต่าได้แก่ธรรมดาเต่าย่อมอยู่ในน้ำฉันใดพระโยคาวจรก็อยู่ด้วยเมตตาฉันนั้นฯ(18) อันนี้เป็นองค์ที่๑แห่งเต่าฯธรรมดาเต่าเมื่อโผล่ขึ้นจากน้ำย่อมชูศีรษะแลดูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วจึงจมลงไปให้ลึก ด้วยคิดว่า อย่าให้มีผู้อื่นเห็นเรา ฉันใด พระโยคาวจร ก็ฉันนั้น คือ เมื่อกิเลสเกิดขึ้น ก็ดำลงไปในสระน้ำ คือ อารมณ์ให้ลึกด้วยคิดว่าอย่าให้กิเลสเห็นเราอีก(19)อันนี้เป็นองค์ที่๒แห่งเต่าฯ ธรรมดาเต่าย่อมขึ้นจากน้ำมาผิงแดดฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันนั้นคือพระโยคาวจรเลิกจากการนั่ง,การยืน, การนอน,การเดินแล้วก็ทำให้ใจร้อนในสัมมัปปธาน(20)อันนี้เป็นองค์ที่๓แห่งเต่าฯ ธรรมดาเต่าย่อมขุดดินลงไปอยู่ในที่เงียบฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันนั้นคือพระโยคาวจรทิ้งลาภ,สักการะ, สรรเสริญแล้วก็เข้าป่าหาที่อยู่สงัด(21)อันนี้เป็นองค์ที่๔แห่งเต่าฯข้อนี้สมกับคำของพระอุปเสนวังคันต บุตรว่าพระภิกษุควรอยู่ในเสนาสนะที่สงัด,ที่ไม่มีเสียงอึกทึกมีแต่หมู่สัตว์ร้ายเพื่อเห็นแกความสงัด(22) ดังนี้ ฯ ธรรมดาเต่าเมื่อเที่ยวไป ถ้าได้เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือได้ยินเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็หดตีนหดหัว เข้าอยู่ในกระดองนิ่งอยู่เพื่อรักษาตัวฉันใดพระโยคาวจรก็ฉันนั้นคือเมื่ออารมณ์อันน่ารักใคร่ภายนอก มาปรากฏ พระโยคาวจรก็ปิดประตู ระวัง สำรวมใจไว้ข้างใน มีสติสัมปชัญญะ รักษาสมณธรรมอยู่(23) อันนี้เป็นองค์ที่๕แห่งเต่าฯข้อนี้สมกับคำของพระพุทธเจ้าว่าเต่าย่อม ซ่อนอวัยวะทั้ง ๕ ไว้ในกระดองของตน ฉันใดพระภิกษุก็ควรตั้งมโนวิตกไว้ให้ดี,ไม่อิงอาศัยอะไร,ไม่เบียดเบียนผู้อื่น,ไม่ติเตียนใครฉันนั้น(24)ดังนี้

rolleyes.gif องค์หนึ่งแห่งไม้ไผ่ได้แก่ธรรมดาไม้ไผ่ย่อมอ่อนไปตามลม,ไม่ขัดขืนฉันใดพระโยคาวจรก็กระทำตาม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากระทำแต่สิ่งที่สมควรไม่ฝ่าผืนพระธรรมวินัย(25)ฉันนั้นฯข้อนี้สมกับคำของพระราหุล เถรเจ้าว่าควรกระทำตามซึ่งคำของพระชินศรีอันประกอบด้วยองค์ ๙ ทุกเมื่อ ควรทำแต่ สิ่งที่สมควร สิ่งที่ไม่มีโทษ ควรพยายามให้ยิ่งขึ้นไป(26) ดังนี้

rolleyes.gif องค์หนึ่งแห่งแล่งธนูได้แก่ธรรมดาแล่งลูกธนูคือ รางหน้าไม้ที่ช่างทำดีแล้วย่อมตรงตลอดต้นตลอดปลาย ฉันใดพระโยคาวจรก็ควรตรงต่อเพื่อนพรหมจรรย์(27)ฉันนั้นอันนี้เป็นองค์หนึ่งแห่งแล่งธนูฯข้อนี้สมกับคำของพระพุทธเจ้าในวิธุรปุณณกชาดกว่าธีรชนควรเป็นเหมือนแล่งธนูควรอ่อนตามลมเหมือนไม้ไผ่ไม่ควร ทำตนเป็นข้าศึก จึงจักอยู่ใน พระราชสำนักได้(28) ดังนี้

rolleyes.gif องค์ ๒ แห่งกาได้แก่ ธรรมดากาย่อมระแวงสงสัยเสมอ ย่อมขวนขวายอยู่เสมอ ฉันใด พระโยคาวจร ก็ฉันนั้น คือ พระโยคาวจรย่อมมีความระมัดระวังอยู่เสมอสำรวมอินทรีย์อยู่เสมอ(29) อันนี้เป็นองค์ที่ ๑ แห่งกาฯธรรมดากาเห็นอาหารสิ่งใดสิ่งหนึ่งคือซากสัตว์หรือของเดนแล้วก็ป่าวร้องพวกญาติมากินฉันใด พระโยคาวจรก็ควรเป็นฉันนั้น คือ เมื่อได้ลาภโดยชอบธรรมแล้ว ก็ควรแจกแบ่งให้เพื่อนพรหมจรรย์(30) อันนี้ เป็นองค์ที่ ๒ แห่งกา ฯ ข้อนี้สมกับคำของพระสารีบุตรเถรเจ้าว่าถ้ามีผู้น้อมนำโภชนาหารมาให้แก่เรา เราก็แจกแบ่งเสียก่อนแล้วจึงฉัน(31)ดังนี้

rolleyes.gif องค์๒แห่งวานรได้แก่ธรรมดาวานรเมื่อจะหาที่อยู่ก็ไปหาที่อยู่อันป้องกันภัยได้คือต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งดกหนาเงียบสงัดฉันใดพระโยคาวจรก็ควรเป็นฉันนั้นคือพระโยคาวจรควรหาที่อยู่กับกัลยาณมิตร ผู้มีศีลธรรมดีงาม,ผู้มีความรู้มาก,ผู้รู้จักสั่งสอนฯ(32)อันนี้เป็นองค์ที่๑แห่งวานรฯ ธรรมดาวานรย่อมเที่ยวไปตามต้นไม้ ยืนบนต้นไม้ นั่งบนต้นไม้ นอน บนต้นไม้ อยู่บนต้นไม้ ฉันใด พระโยคาวจรก็ควรเป็น ฉันนั้น คือ ควรยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ในป่า ควรอบรม สติปัฏฐานอยู่ในป่า(33) อันนี้เป็นองค์ที่ ๒ แห่งวานร ฯ ข้อนี้สมกับคำของพระสารีบุตรเถรเจ้าว่า ภิกษุผู้ยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ในป่า ย่อมดูงาม เพราะป่าเป็นของ ที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ (34)ดังนี้

rolleyes.gif องค์หนึ่งแห่งเครือน้ำเต้าได้แก่ธรรมดาเครือน้ำเต้าย่อมเอางวงของตนเกาะหญ้า หรือ ต้นไม้ เครือไม้ ขึ้นไปงอกงามอยู่เบื้องบนฉันใดพระโยคาวจรผู้มุ่งความเจริญในพระอรหัตก็ควรยึดหน่วงอารมณ์ด้วยใจ ขึ้นไปเจริญอยู่ในความเป็นพระอรหันต์(35)ฉันนั้น,อันนี้เป็นองค์๑แห่งเครือน้ำเต้าฯ ข้อนี้สมกับคำของพระสารีบุตรเถรเจ้าว่าธรรมดาเครือน้ำเต้าย่อมเอางวงของตนพันหญ้าหรือต้นไม้ หรือเครือไม้ แล้วขึ้นไปงอกงามอยู่ เบื้องบน ฉันใด พระพุทธบุตรผู้มุ่งหวังอรหัตผล ก็ควรยึดหน่วงอารมณ์ ทำให้อเสขผลเจริญฉันนั้น(36) ดังนี้

โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#2 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 July 2007 - 10:35 AM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2007 - 01:00 PM

ขออนุโมทนาบุญนะครับ...สาธุ