ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไม่อธิษฐานจิตเพื่อไปที่สุดแห่งธรรมได้หรือไม่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 nongmai

nongmai
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 11:09 AM

จากกระทู้เรื่องนิพพาน กับ ที่สุดแห่งธรรม
ที่มีผู้ตอบว่า นิพพาน คือ ไม่มีการเกิด การตาย และที่สุดแห่งธรรม คือ การรื้อวัฏฏะสงสาร
ถ้าข้าพเจ้าเข้าใจความน่ากลัวของวัฏฏะสงสาร และอยากจะไปถึงนิพพานให้เร็วที่สุด เพราะไม่แน่ว่าหากไม่หวังพระนิพพานอาจมีชาติหนึ่งชาติใดที่เกิดหลงผิดหรือบาปอกุศลวิ่งตามทันทำให้พลาดพลั้งทำผิดขึ้นมา ก็จะต้องเริ่มใช้วิบากกรรมใหม่อย่างไม่จบสิ้น ดังนั้น ถ้าจะอธิษฐานจิตไปพระนิพพานเลย คือไม่ใช่วงบุญพิเศษได้หรือไม่

ข้าพเจ้าทราบว่าบุญบารมีคงยังไม่มากพอให้ไปนิพพานในชาตินี้ได้แน่นอน แต่ถ้าปรารถนาพระนิพพาน จะทำให้เราใกล้กับโสดาบันซึ่งไม่หวังในสังขารที่จะเกิดแล้ว แม้แต่การเกิดในสวรรค์ก็ตาม ซึ่งเกิดอีกเพียงเจ็ดชาติก็ไปนิพพานแล้วได้ ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ได้ทำบุญอย่างทุ่มเทกับวัดพระธรรมกายและทราบซึ้งในพระเมตตาของหลวงพ่อที่จะเผยแผ่วิชชามาก แต่ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าอธิษฐานให้อยู่ดุสิต กลัวว่าถ้าหมดบุญหรือมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์จะเผลอไปทำผิดเข้า แล้วจะไม่จบสิ้น

ข้าพเจ้ากลุ้มใจและสับสนมากเลยตอนนี้ อยากให้ผู้รู้ช่วยตอบให้คลายกังวลด้วย ขออนุโมทนากับทุกท่านและผู้ดูแลเว็บ ที่จะไม่ลบกระทู้นี้ เพื่อเป็นการให้ความกระจ่างกับเพื่อนมนุษย์ที่ยังสับสนอยู่

ขอบคุณมากค่ะ

#2 New

New
  • Members
  • 95 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 12:07 PM

"....กลัวว่าถ้าหมดบุญหรือมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์จะเผลอไปทำผิดเข้า แล้วจะไม่จบสิ้น..."

ถ้ากล้วก็ต้องทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอนสิครับ จะได้ตามติดติดตามกันไป ไม่ตกไม่หล่น ทาน ศีล ภาวนา ให้เต็มที่ แล้วอธิษฐานล้อมคอกกำกับให้ดี แต่ถ้าดีที่สุดคือปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน ศึกษาวิชชาธรรมกาย แล้วก็วางผังชีวิตตัวเอง สังเกตดูสิครับกว่าพระบรมโพธิสัตว์จะสร้างบารมีได้อย่างแน่วแน่ ยังต้องใช้เวลานานมากๆๆๆ กว่าท่านจะมีจิตใจมั่นคงจนได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิ์สัตว์ แสดงว่าตราบใดที่บุญบารมียังไม่มากพอที่จะสอนตัวเองได้ทุกภพทุกชาติ ตราบนั้นยังมีความเสียงที่จะทำบาปได้อีก คุณครูไม่ใหญ่ท่านก็เลยสอนให้อธิษฐานล้อมคอกไงล่ะครับ

ลองถามใจตัวเองดู ว่าอยากเป็นอย่างไหน อยากไปสู่ที่สุดแห่งธรรมกับหมู่คณะ ก็ทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านแนะนำ อยากหมดกิเลสไวๆ ก็อธิษฐานแล้วก็พยายามขัดเกลาตัวเองให้หมดกิเลสโดยเร็ว ชีวิตเรา เราต้องเลือกเองครับ คุณเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ว่า จะไปทางไหน อยากเป็นอะไรแล้วแต่ใจของเรา.....


#3 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 12:14 PM

ไม่ต้องกลัวและสับสนหรอกครับ มันอยู่ที่คุณต้องการสร้างบารมีกับหมู่คณะหรือไหมเท่านั้นเอง หากคุณมั่นใจจะไปกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ไม่ต้องกลัวเลยครับ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้เราได้สร้างบารมีล้วนแต่บุญพิเศษทั้งนั้น และท่านยังสอนให้เราอธิษฐานล้อมคอกอีก ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องกลัวเลยครับว่าเราจะแย่ในภพชาติต่อไป หากเราทำตามคำสอนของท่าน แต่ถ้าหากคุณคิดว่าการไปที่สุดแห่งธรรมมันไกลมาก อยากจะหยุดขอเพียงสร้างบารมีให้เข้านิพพานเองก็ได้ก็แล้วแต่คุณ
แต่คุณลองฟัง นิทานนี้ก่อนนะครับ แล้วค่อยคิดต่อก็ได้ครับ
สมมุติเราลอยคออยู่ในทะเลกว้างใหญ่มาก ๆ ลอยอยู่นานมากแล้ว ใกล้จะตายแล้ว ก็ให้มีเรือใหญ่ลำหนึ่ง มีคนยืนชี้บอกทาง และมีคนพายอยู่ ได้มารับเราขึ้นเรือ จึงรอดชีวิตมาได้ เรือลำนี้ก็คอยรับคนในทะเลไปเรื่อย ๆ พอเต็มก็พาขึ้นฝั่งที่หนึ่ง แต่พอเราขึ้นเรือมาได้หน่อย ช่วยพายก็เหนือยแล้ว เราจะทำอย่างไง จะโวยวายแล้วเลิกช่วยงั้นเหรอ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็พายมานานมากอยู่แล้ว เราจะทิ้งคนที่มีพระคุณของเราทำหน้าที่ต่อไปคนเดียวได้เหรอครับ
เปรียบเสมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน ได้ชี้แนะแนวทางหนทางการสร้างบารมี ให้เรารู้จักการดำเนินชีวิตและวิชชาธรรมกาย ให้รู้จักพ้นทางพ้นทุกข์ โดยท่านจะไปสู่ทิ้งสุดแห่งธรรม เพราะท่านได้ตั้งปณิธาณจะเข้าพระนิพพานเป็นคนสุดท้าย และเราละ จะปล่อยให้ท่านสู้ลำพังเหรอครับ

ผมว่านะครับ เราต้องตัดสินใจครับว่าเราอยากจะช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำวิชชา หรือผู้ร่วมฝ่ายเสบียงคือ ส่งเสริมท่าน) หรือไม่ เพราะยังไงเราก็ต้องเข้าสู่นิพพานทุกคนอยู่แล้ว แต่หมู่คณะของเรา เข้าช้าหน่อยเท่านั้นเองครับ เมื่อเราตัดสินใจแล้วเราก็ทำตามคำครู ตรองตามคำครู ปฏิบัติให้ได้ เข้าถึงพระธรรมกาย สร้างบารมีไม่หยุดยั้งมากบ้างน้อยบ้างอธิษฐานให้ดี อย่าให้หลุดนอกวงบุญ หรือนอกพระพุทธศาสนา รับรองครับว่า เราไม่แย่แน่ครับ สู้ต่อไปนะครับ

#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 12:29 PM

QUOTE
แต่ถ้าปรารถนาพระนิพพาน จะทำให้เราใกล้กับโสดาบันซึ่งไม่หวังในสังขารที่จะเกิดแล้ว แม้แต่การเกิดในสวรรค์ก็ตาม ซึ่งเกิดอีกเพียงเจ็ดชาติก็ไปนิพพานแล้วได้ ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ได้ทำบุญอย่างทุ่มเทกับวัดพระธรรมกายและทราบซึ้งในพระเมตตาของหลวงพ่อที่จะเผยแผ่วิชชามาก แต่ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าอธิษฐานให้อยู่ดุสิต กลัวว่าถ้าหมดบุญหรือมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์จะเผลอไปทำผิดเข้า แล้วจะไม่จบสิ้น

- อยู่ที่มโนปณิธาน เราต่างเวียนว่ายตายเกิดมานับไม่ถ้วน(หลวงพ่อเคยกล่าวไว้ว่ากระดูกกองเท่าภูเขา)
- ควรกำจัดความกลัว ความกังวล มั่นใจในบารมีธรรมของพระเดชพระคุณฯ สั่งสมบุญบารมีเชื่อมสายบุญกับท่านให้เป็นนิสัย
- อธิษฐานล้อมกรอบไว้ก่อนนั้นไม่เป็นการเสียหาย
- การเข้าถึงธรรมอาจดูว่าเป็นการยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัยของมนุษย์ในยุคนี้
- ควรพักความคิดนี้ไว้ก่อน แล้วมาหาคำตอบจากภายใน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เมื่อมั่นใจ ก็มั่นคง แล้วจะะสามารถตั้งผังไปถึงที่สุดแห่งธรรมพร้อมหมู่คณะนี้ให้สำเร็จได้โดยง่าย

- สุดท้ายจะเป็นอะไร แล้วแต่ใจของเรา คือ ต้องเลือกทางเองนะ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 02:18 PM

เรียนคุณNongmai ครับ สิ่งที่คุณเป็นห่วงนั้นขอให้เลิกวิตกกังวลไปได้เลยครับ ทั้ง ๒ เส้นทางนั้นล้วนอีกยาวไกลทั้งสิ้นครับ เรียกว่าอีกนับชาติกันไม่ถ้วนเลยที่เดียว แม้จะเป็นพระโสดาบันแล้วก็ตามและจะมาเกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ แต่ในแต่ละชาติที่มาเกิดนั้นอาจมีระยะเวลาห่างกันเป็นเวลาอีกหลาย ๆ กัป หรือหลาย ๆ พุทธันดรก็เป็นได้ ดังนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่าเส้นทางในสังสารวัฏ นี้ยาวไกลมากจนไม่อาจจะกำหนดจุดเบื้องต้นหรือจุดสิ้นสุดได้ เรียกว่าเราแต่ละคนรวมทั้งคุณNongmai ด้วย ต่างเวียนว่ายตายเกิดกันมานับภพนับชาติกันไม่ถ้วนเลย ถ้าเก็บน้ำตาที่เราร้องให้ผ่านมาแล้วในชาติต่างๆ ที่เกิดมาจะมีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรเลยทีเดียว เห็นหรือยังว่ามันมากขนาดไหน ดังนั้นขอให้ตั้งใจทำความดีในชาตินี้ให้เต็มที่เสียก่อน ทำไปวันต่อวัน ทำให้ได้ทุกๆ วัน จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ประมาท สำหรับการสร้างบารมีกับหมู่คณะเพื่อไปที่สุดแห่งธรรมนั้น ก็ไม่ได้เป็นการผูกมัดผู้ใดเลยว่าจะทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก เพราะใจอยู่กับเรา เราสามารถตั้งความปรารถนาเป็นอะไรก็ได้ จะตั้งความปรารถนาให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ได้ (น่ามหัศจรรย์ไหมละ) เมื่อเราสร้างบารมีมากพอแล้ว ในชาติใดชาติหนึ่งอาจคิดเปลี่ยนใจว่าไม่ขอไปที่สุดแห่งธรรมละ ขอเข้านิพพานเลย ถ้าบารมีเต็มที่ก็สามารถจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ในชาตินั้น สามารถไปนิพพานได้เลย อย่างเช่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่นั้น สำหรับในชาติที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ถ้าท่านคิดเปลี่ยนใจขอเข้านิพพานเลยในชาตินั้น ก็สามารถทำได้เพียงแค่ขอฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ในชาตินั้นเลย หรือตัวอย่างของพระอรหันต์ที่ชื่อว่าพระมหากัจจายานะในสมัยพุทธกาล ท่านก็เคยตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อน แต่ต่อมาเห็นว่าจะต้องสร้างบารมีอีกยาวนานจึงเปลี่ยนใจขอเข้านิพพานเลยดีกว่าทำให้ได้ลักษณะมหาบุรุษมาหลายประการ จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ภายหลังท่านจึงอธิษฐานตัวเองให้มีรูปร่างอ้วนแบบพระสังขจาย แต่อยากจะขอแนะนำว่าการสร้างบารมีกับหมู่คณะนั้นปลอดภัยที่สุดและเป็นทางลัดที่ทำให้ได้บารมีมากมายในระยะเวลาอันสั้น จึงควรรีบขวนขวายเก็บเกี่ยวบุญให้มากที่สุด สำหรับเรื่องในอนาคตอีกยาวไกลนั้นจะเปลี่ยนใจอย่างไรก็ยังมีเวลาคิดนะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ...สาธุ

#6 BiBi

BiBi
  • Members
  • 240 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 04:04 PM

เอาแบบนี้ดีไม๊ค่ะ วางความกังวล สับสน ลงก่อนนะค่ะ นั่งสมาธิให้มาก ๆ แล้วเมื่อวันหนึ่ง เข้าถึงประสบการณ์ภายใน แล้วความมั่นใจจะเกิดขึ้น คุณจะทราบด้วยตัวของคุณเอง


สู้ ๆ นะค่ะ happy.gif

ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี

#7 ว่างว่าง

ว่างว่าง
  • Members
  • 200 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 05:54 PM

ขอบคุณ คุณNongMai มากครับhappy.gif ที่เอากระทู้ผมมาขยายความต่อ ผมมีความมั่นใจแล้วว่าจะเลือกทางไหน ผมเลือกไปถึงที่สุดแห่งธรรมพร้อมๆกับหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ และหมู่คณะครับ เป็นผู้ชนะอย่างสง่างามเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปให้หมดสิ้นซึ่งความทุกข์ในวัฎสงสาร ถึงแม้พญามารจะเป็นผู้มีอานุภาพมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเพราะเขาเป็นเบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่างในภพ3 แต่เราต้องเชื่อและสู้ๆว่า สักวันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง อสงไขยใดอสงไขยหนึ่ง เราต้องปราบมารได้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!!! ขอเพียงชาตินี้เราเป็นผู้ประกอบไปด้วยศีล สมาธิ =ปัญญา (เข้าถึงพระธรรมกาย) ให้ได้ และสั่งสมบุญไปแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันพร้อมๆกับตั้งจิตอธิษฐานล้อมกรอบไว้เป็นผังสำเร็จ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ความกังวลและลังเลใจทั้งหลายออกจากจิตใจไป และจะนำพาซึ่งความสุขในภพนี้และภพหน้า... ตราบวันไปถึงที่สุดแห่งธรรมครับ happy.gif

#8 คนรักบุญ

คนรักบุญ
  • Members
  • 125 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 06:38 PM

ขอบคุณค่ะคุณ suppy001 ข้อคิดเห็นของคุณ เมื่ออ่านแล้ว เข้าใจในหนทางการสร้างบารมีมากขึ้นค่ะ
ใจฟูขึ้นเห็น ๆ เลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
และก็เข้าใจคุณNongmai ค่ะ เพราะเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อเราทำใจให้หยุดนิ่งมากขึ้น ก็พบว่ามันเกิดมาจากกิเลสตัวหนึ่ง ที่ชื่อว่า ความกลัวนั่นเอง
กลัวต่อการกระทำผิด กลัวการพลาดพลั้งต่อบาป อกุศลธรรม
แต่ที่กลับมาตั้งมั่นได้ในเวลาไม่นานนัก
ก็เนื่องจากความเชื่อมั่นในหมู่คณะ
เป็นความเชื่อมั่นที่เกิดมาจากการกระทำของพวกเราที่มีพระเดชพระคูณหลวงพ่อเป็นผู้นำนั่นเอง
ตอนนี้ จึงอธิษฐานอยู่เสมอว่า
ขอให้สอนตนเองได้
ขอให้เข้าใจกฏแห่งกรรมไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ

#9 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 September 2007 - 11:52 PM

ไม่ไปกับหมู่คณะซิ จะลำบาก

ลองศึกษาประวัติพระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้าซิครับ ว่าสร้างบารมีคนเดียวน่ะ โอกาส พลัดไปอบายมันมากแค่ไหน

ชาตินี้ที่พวกเรามาเจอวัดสร้างบารมีได้นั้น ก็อย่านึกว่าตัวเองเก่งนะครับ ครูบาอาจารย์ืเสียบุญไปเท่าไหร่ ถึงดึงให้ลูกๆมาสร้างบารมีได้ บางท่านคงไม่รู้นะครับ

แต่ถึงสร้างบารมีไปกับหมู่คณะ หากต้องการไปนิพพานก่อน ก็สามารถไปได้ครับ ไม่ผิดระเบียบแต่อย่างใด เพราะเส้นทางทั้งสองนั้นคือเส้นทางเดียวกัน คือเส้นทางสายกลางและการสร้างบารมี

#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 20 September 2007 - 12:08 PM

คุณน้องใหม่ครับ ความจริงแล้ว เป้าหมายทั้ง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น
ไปนิำพพานคนเดียว หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบ คนเดียว
ไปนิพพานเป็นหมู่คณะ หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบ เป็นหมู่คณะ
ไปที่สุดแห่งธรรม หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบกันทั้งหมด

ความจริงแล้วก็เป็นเป้าหมายที่เหมือนกันครับ วิธีการก็ทำเหมือนกัน คือ การสร้างบุญสร้างบารมี เพียงแต่ต่างกันตรงขั้นตอนปลีกย่อยเท่านั้น เหมือนอะไร

เหมือนคนหลงทางกลางทะเลทรายจำนวนมาก บางคนเกิดตั้งเป้าหมายว่า จะขอเดินฝ่าทะเลทรายไปพบเมืองอันอุดมสมบูรณ์ แล้วจะช่วยให้คนอื่นๆ ที่หลงอยู่ด้วยกัน พ้นไปด้วย
ครั้นพอเขาเดินมาถึง เมืองจริงๆ เขาสามารถเลือกตัดสินใจได้สองแบบ คือ เข้าไปในเมือง มีความสุข หรือ ยังไม่เข้า ย้อนกลับมามองคนอื่นที่ยังหลงอยู่ แล้วพาไปด้วยกัน เขาก็สามารถทำได้ครับ

ดังนั้น จึุงไม่ีควรสับสนเลยครับ เพราะเป้าหมายก็เหมือนกันนั่นแหละ วิธีการก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ คุณไปถึงทางนิพพานให้ได้ก่อน ถึงแล้วคุณก็คิดอีกทีว่า คุณจะเปลี่ยนใจหรือไม่อย่างไร น่ะครับ

เรื่องราวในอดีตกาลก็เคยมีมาแล้ว คือ พระมหากัจจายนะ สร้างบารมีเพื่อปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ไปนิพพานด้วยกัน แต่ครั้นพอท่านมาพบพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านเกิดเปลี่ยนใจ ขอตามพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเข้านิพพานไป ท่านก็สามารถทำได้น่ะครับ

ส่วนอีกท่านหนึ่ง คือ พระอชิตะ ท่านก็มีบารมีจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเช่นกัน ครั้นเมื่อท่านได้พบกันพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านก็ไม่เปลี่ยนใจ เดินหน้าต่อไป ซึ่งในอนาคต ท่านจะได้มาเป็นพระศรีอารียเมตไตยไงล่ะครับ

มุ่งมั่นเถิดครับ ไม่มีปัญหา เพราะไม่ว่าจะเป็นนิพพาน ที่สุดแห่งธรรม หรือแม้แต่เป้าหมายง่ายๆ แค่เรียนจบ มีงานทำ ก็ไม่สามารถไปถึงได้ครับ หากยังสับสนในชีวิต
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 20 September 2007 - 08:30 PM

QUOTE
คุณน้องใหม่ครับ ความจริงแล้ว เป้าหมายทั้ง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น
ไปนิำพพานคนเดียว หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบ คนเดียว
ไปนิพพานเป็นหมู่คณะ หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบ เป็นหมู่คณะ
ไปที่สุดแห่งธรรม หรือ มีความสุขที่สมบูรณ์แบบกันทั้งหมด

ความจริงแล้วก็เป็นเป้าหมายที่เหมือนกันครับ วิธีการก็ทำเหมือนกัน คือ การสร้างบุญสร้างบารมี เพียงแต่ต่างกันตรงขั้นตอนปลีกย่อยเท่านั้น เหมือนอะไร

เหมือนคนหลงทางกลางทะเลทรายจำนวนมาก บางคนเกิดตั้งเป้าหมายว่า จะขอเดินฝ่าทะเลทรายไปพบเมืองอันอุดมสมบูรณ์ แล้วจะช่วยให้คนอื่นๆ ที่หลงอยู่ด้วยกัน พ้นไปด้วย
ครั้นพอเขาเดินมาถึง เมืองจริงๆ เขาสามารถเลือกตัดสินใจได้สองแบบ คือ เข้าไปในเมือง มีความสุข หรือ ยังไม่เข้า ย้อนกลับมามองคนอื่นที่ยังหลงอยู่ แล้วพาไปด้วยกัน เขาก็สามารถทำได้ครับ

ดังนั้น จึุงไม่ีควรสับสนเลยครับ เพราะเป้าหมายก็เหมือนกันนั่นแหละ วิธีการก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ คุณไปถึงทางนิพพานให้ได้ก่อน ถึงแล้วคุณก็คิดอีกทีว่า คุณจะเปลี่ยนใจหรือไม่อย่างไร น่ะครับ

เรื่องราวในอดีตกาลก็เคยมีมาแล้ว คือ พระมหากัจจายนะ สร้างบารมีเพื่อปรารถนาช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ไปนิพพานด้วยกัน แต่ครั้นพอท่านมาพบพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านเกิดเปลี่ยนใจ ขอตามพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเข้านิพพานไป ท่านก็สามารถทำได้น่ะครับ

ส่วนอีกท่านหนึ่ง คือ พระอชิตะ ท่านก็มีบารมีจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเช่นกัน ครั้นเมื่อท่านได้พบกันพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านก็ไม่เปลี่ยนใจ เดินหน้าต่อไป ซึ่งในอนาคต ท่านจะได้มาเป็นพระศรีอารียเมตไตยไงล่ะครับ

มุ่งมั่นเถิดครับ ไม่มีปัญหา เพราะไม่ว่าจะเป็นนิพพาน ที่สุดแห่งธรรม หรือแม้แต่เป้าหมายง่ายๆ แค่เรียนจบ มีงานทำ ก็ไม่สามารถไปถึงได้ครับ หากยังสับสนในชีวิต


_/|\__/|\__/|\_

ส า ธุ ส า ธุ ส า ธุ

ถู ก แ ล้ ว ช อ บ แ ล้ ว ดี แ ล้ ว

* * * * * * * * * * * * * * *
ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .


#12 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 20 September 2007 - 11:30 PM

สาวกปารมีญาณ อัครสาวกปารมีญาณ หรือ ปัจเจกโพธิญาณ
รวมหยุดสุดยอด คือ พระสัพพัญญูุตตญาณ ที่ีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ได้บรรลุ ( และก็ปรารถนาให้สรรพสัตว์ ได้บรรลุ พระสัพพัญญู อย่างพระองค์ด้วย)
อย่าลังเลเลยครับ ยิ่งหยุดใจก็ยิ่งเร็วไว
ที่สุดแห่งธรรม
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#13 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 02:52 AM

if you are very very very fed up with the samsara , then make a wish to go to nippana a.s.a.p.... then it depend on your baramee how long it will take you..... the best way is to meditate till you reach dhammakaya and then you will know what you want....also ýou will know how much baramee you need to collect before you can go to nippana asap happy.gif

who know you might become พระarahun or พระปัจเจก " soon " if you are still fed up with the samsara .... good luck with what ever choice you chose happy.gif isn-t it great ? we all have a choice ! happy.gif and pls don-t feel " obligate " to stay in the group if it isn-t what you want ..... don-t feel the group pressure ok? and btw.... i think if you สร้างบารมี with our group it will shorten up your way to nippana coz our group ล้วนแต่have บุญพิเศษthat LP have chosen for us to do ทั้งนั้น kah happy.gif
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#14 tep072

tep072
  • Members
  • 32 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 October 2007 - 05:29 PM

นิพพานมิใช่ไปเชียงใหม่
หรือที่ใดในแหล่งหล้า
คิดจะไปได้ดังใจในปัญญา
ใช่ใช้ตาเสาะแสวงในแหล่งดิน
เพราะผู้ขวา่งทางนั้นอยู่
ในใจผู้สับสนปนรู้สิ้น
จับไอ้โน่นปนไอ้นีึ่ในชีวิน
ฝังในจินตนาการที่ผ่านมา
ถ้าพบหยุดสุดท้ายสลายงง
ว่าทางตรงเป็นสิ่งใดไม่กังขา
ผังชีวิตติดตามทุกยามมา
ให้ทำลายอวิชชาในตัวตน
ไม่อยากในตอนแรกอาจแปลกจิต
ว่าหลงคิดทำไมในสับสน
ด้วยผู้รู้อยู่ในกลางใจตน
จะบอกหนทางไปให้เราเอง