ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

คำถามเรื่ององค์พระภายในและการไปพระนิพพาน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 nongmai

nongmai
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 09:59 AM

นอกจากการนั่งสมาธิทำใจหยุดใจนิ่ง เพื่อให้เข้าถึงองค์พระภายในให้ได้แล้ว ข้าพเจ้ายังได้มีโอกาสไปศึกษาเกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐาน 4 ด้วย ซึ่งความจริงแล้ว หากเราได้เจอครูบาอาจารย์ที่คิดว่าจะพาไปถึงฝั่งได้ ก็น่าจะหยุดที่อาจารย์ของเราได้แล้ว แต่เห็นปณิธานของหมู่คณะที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์จึงไม่แน่ว่าบุญบารมีของตนจะมากถึงขั้นนั้นไหม ตามความเชื่อที่ว่าที่ได้มาทำบุญร่วมกันกับหมู่คณะเพราะเคยสร้างร่วมกันมา แต่กว่าจะได้มาเจอก็พลั้งพลาดทำผิดไปมากซะอาจทำให้หมดจากชาตินี้ คงต้องไปชดใช้อีกนาน กว่าจะพ้นมาเจอหมู่คณะ ซึ่งคงสร้างบารมีรุดหน้ากันไปมากแล้ว ทำให้อยากหาวิธีต่าง ๆ เพื่อพ้นจากสังสารวัฏ

ค้นหาจากที่ใดๆ ก็มักสรุปว่าควรเจริญสติปัฏฐาน 4 เพราะเป็นทางสายเอกที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะทำให้เราไปถึงพระนิพพานได้ ซึ่งหมายถึง การมีสติรู้ตัวตลอดเวลา ทั้งความรู้สึก และการเคลื่อนไหว ไม่ยินดี ยินร้าย กับความรู้สึกต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามาจากบุคคลภายนอก ซึ่งให้เจริญไปพร้อมกันในขณะที่เราทำกิจการงานต่างๆ ไม่ต้องนั่งหลับตาอยู่ในที่เงียบ เพราะนั่นก็ทำให้จิตนิ่งได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดมารบกวน นอกจากความคิดที่เราสร้างขึ้นมาเอง

ซึ่งข้าพเจ้าสรุปได้ว่า การที่เราไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ เข้าใจเรื่องการสมมติของสังขารแต่สามารถเจริญสติได้เกือบตลอดเวลา จะทำให้เราหมดความยินดีในสังขาร และละได้เมื่อเวลาใกล้จะตาย เมื่อละสังขารอาจยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ หรือที่ดีที่สุด อาจได้ไปเกิดในสุทธาวาสพรหม คือหมดบุญจากชั้นนั้น ก็เข้านิพพานได้

แต่ความรู้ความเข้าใจในองค์พระภายใน ยังต้องการความรู้อีกมากจากท่านผู้รู้ เพราะได้แต่ปฏิบัติตาม ไม่เคยลังเลสงสัย อยากทราบว่า การเข้าถึงองค์พระภายในให้ได้ในชาตินี้ จะทำให้เราไปถึงพระนิพพานได้อย่างไร

#2 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 11:02 AM

สติปัฏฐาน4 ก็คือการพิจารณา กายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม เวทนาในเวทนา เป็นการเอากฏไตรลักษณ์มาพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยงของ ขันธ์ทั้งหลาย ให้พิจารณาแล้วพิจารณาอีก เป็นอนุโลม ปฏิโลม ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกิดปัญญาเกิดวิปัสนาเห็นอย่างถ่องแท้แก่ตนเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ หาสาระแก่นสารมิได้ เมื่อนั้น จิตก็เกิดความเบื่อหน่ายในขันธ์ทั้งปวง สลัดสัญโยชน์ทั้ง10ประการออก เป็นการประหารกิเลศเป็นสมุทเฉทประหารโดยสิ้นเชิง สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษตัดวงจรปกิจสมุปบาทสิ้นภพสิ้นชาติ ตลอดกาล

ในคำสอนของวิชชาธรรมกายก็เช่นเดียวกันไม่ต่างกันเลย เมื่อเข้าถึงกายธรรมแล้ว ให้พิจารณากายในกาย ก็คือการปล่อยใจเข้าไปในกลางของกลางองค์พระไปตลอดสุดสาย ก็พบดวงธรรม ที่ทำให้เป็นองค์พระธรรมกาย ก็พิจารณาเข้ากลางของกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นองค์พระธรรมกายไปจนตลอดสุดสาย แม้กระทั่งดวงจิต ดวงเวทนา ...ฯลฯ เป็นอนุโลมปฏิโลมเช่นเดียวกัน เป็นการชำระมลทิล ชำระธาตุธรรมให้บริสุทธิ์ จนหมดกิเลสอาสวะ เข้าไปถึงกายธรรมอรหัต เข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต หน้าตักกว้าง20วาสูง20วา ธาตุธรรมสะอาดหมดจด สิ้นอาสวะกิเลส เป็นสมุทเฉทปหารในที่สุด

คำสอนเช่นเดียวกันครับ ต่างแต่ภาษาถ้อยคำและวิธีการคนละอย่างกัน สอนในระดับหยาบ และละเอียดต่างกัน ตามแต่อุปนิสัยและภูมิธรรมของผู้ปฏิบัติ โบราณจารย์หลายๆท่านเมื่อเข้าถึงธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมาโต้แย้งกันเลยว่า สายนี้ถูก สายนี้ผิด ที่มีการโต้แย้งก็เห็นจะมีแต่ ผู้ที่ปฏิบัติใด้เพียงในเบื้องต้นเท่านั้น

เพราะฉนั้น ศึกษาปฏิบัติมาทางไหนก็จงปฏิบัติทางนั้นำไปอย่างตั้งใจจริงประกอบโดยประกอบไปด้วยอิทธิบาท4เถิดครับ ผมเชื่อว่าคำสอนของหลวงปู่ที่กล่าวว่า “ของจริงย่อมคู่กับคนจริง” เป็นคำสอนที่จริงแท้แน่นอนทุกกาลสมัยทีเดียว

ในตอนนี้เราก็อทิษฐานให้ติดตามสร้างบารมีกับหมู่คณะอย่าได้พลัดพรากไปก่อน และเมื่อปฏิบัติไปถึงขั้นนั้นแล้วผมคิดว่าเราก็จะตอบคำถามตัวเองได้นะครับว่า เราจะไปนิพพานก่อนดีหรือจะอยู่รื้อสัตว์ขนสัตว์ดี

..........................................................ผิดพลาดประการใดขอกราบขออภัยท่านผู้รู้ด้วยครับ......




#3 N22

N22
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 12:13 PM

ผมยังไม่เก่ง แต่ก็ขอสาธุด้วยนะครับ

#4 jumnuan9

jumnuan9
  • Members
  • 46 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 01:05 PM

“เมื่อเข้าถึงธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมาโต้แย้งกันเลยว่า สายนี้ถูก สายนี้ผิด ที่มีการโต้แย้งก็เห็นจะมีแต่ ผู้ที่ปฏิบัติใด้เพียงในเบื้องต้นเท่านั้น” และ “ของจริงย่อมคู่กับคนจริง”

ถูกต้องแล้ว ครับ

อนุโมทนา สาธุ

#5 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 02:21 PM

สาธุครับ ดีแล้ว ขอโทษนะครับคุณ nongmai ครับ ผมว่าคุณกำลังสับสนกับชีวิตมากกว่า คุณควรทำใจให้สงบแล้วจะพบทางออก เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมว่าควรนั่งสมาธิให้ใจใสจนเกิดสมาธิจิต และเกิดปัญญาจนเลยจินตมยปัญญา ถึงขั้น ภาวนามยปัญญาดีกว่าครับ แล้วค่อยพิจารณาว่าคุณอยากช่วยงานหลวงพ่อ หรือจะหยุดแค่นิพพาน ส่วนตัวผม ชาตินี้ผมเกิดมาจน ทำบุญได้น้อย แต่เต็มใจที่จะสร้างบุญ นั่งสมาธิก็กระท่อนกระแท่น นอกลู่นอกทางเสมอ แต่อยากไปกับหลวงพ่อมากที่สุด

#6 nuntawatee

nuntawatee
  • Members
  • 118 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 05:43 PM

ได้ไปปฏิบัติธรรมครั้งหนึ่ง พระอาจารย์เคยเทศน์ว่า การเลือกเดินทางใช่ว่าเลือกไปพระนิพพานเองแล้วจะปลอดภัย เพราะกว่าจะหาครูบาอาจารย์ที่ทุ่มเทสอนเราได้ขนาดนี้ คงไม่มีอีกแล้ว หากไม่เจอผู้ที่สอนเราอย่างกล้าหาญและถูกต้อง มีโอกาสหลงไปส่ลัทธิที่ไม่ได้นับถิอพระรัตนตรัย เมื่อนั้นการเดินทางยิ่งยาวนานเข้าไปอีก ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าเราจะได้เจอครูดีไปทุกชาติเพราะต้องมีสายบุญร่วมกันมา การตามติดหลวงพ่อ หลวงปู่ ท่านบอกอย่างชัดเจนว่าปลอดภัยมากๆๆๆๆๆ เพราะเรารู้ทางที่จะไปถึง ที่จะไปพัก ที่จะลงมาทำงาน ขอเพียงแค่ทำตามคำครูบาอาจารย์อย่างดีที่สุดนั่นแหละ เราได้สวัสดิการยอดเยียมที่ไม่มีครูบาอาจารย์คนไหนจะให้ได้แล้ว

อยากบอกคุณ Nongmai ว่า อย่าน้อยใจที่มาช้าเลย และอย่าไปเปรียบเทียบบุญของคนที่มาก่อนเลย เดี๋ยวสร้างบารมีไม่มีความสุข ขอให้ทำทุกๆบุญจากนี้ไป สายบุญก็จะแน่นหนาเอง มาถึงที่ดีที่สุดแล้วอย่าเสียโอกาสเลยค่ะ ทุกบุญที่หลวงพ่อให้ทำบุญใหญ่ทั้งนั้น ที่นี่เป็นอู่ของทะเลบุญ

อยากบอกคุณ อ่อนหัดจังว่า ความจนไม่ใช่อุปสรรคของการทำบุญที่นี่ค่ะ ดูอย่างเจ้าหญิงถั่วงอก เจ้าชายปลาทู ยังทำได้เลย เงินทุกบาททุกสตางค์ของคุณอ่อนหัดมีค่ามาก ยิ่งได้มาทำบุญด้วยความเต็มใจ บุญยิ่งมากทับทวี ยิ่งได้อู่ทะเลบุญยิ่งทับทวีขึ้นไปอีก ขออย่าได้ตกบุญสักบุญแล้วกัน รับรองปลอดภัย อย่าทิ้งการนั่งสมาธิแล้วกัน เพราะสำคัญที่สุดในชีวิตนะคะ ไม่เห็นเป็นไร วันนี้ยังนั่งไม่ได้ดี วันหน้าต้องดีแน่นอนถ้าเราไม่หยุดทำ

ขอให้มีกำลังใจทั้งคู่นะคะ

อนุโมทนาบุญกับทุกคนเลย ความรู้แน่นจริงๆ ที่ Webboard นี้



#7 อยู่ในบุญ

อยู่ในบุญ
  • Members
  • 8 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Aurora, ON Canada
  • Interests:Meditation, yoga, drawing

โพสต์เมื่อ 21 September 2007 - 09:47 PM

สาธุ

#8 nokhook

nokhook
  • Members
  • 21 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 September 2007 - 12:59 AM

sathu ka happy.gif


#9 tep072

tep072
  • Members
  • 32 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 September 2007 - 01:09 PM

ไม่สามารถตอบธรรมะได้ลึกซึ้ง แต่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมกับท่านผู้ที่ได้ชื่อว่าได้ธรรมกายเป็นคนแรกผ่ายฆราวาส ท่านไม่ได้เป็นนักอ่านตัวยง หรือมีความรู้สึกซึ้งแบบผู้คงแก่เรียนเลย ผู้ที่มาเก่าแก่คงทราบ ที่กล่าวมานี้ก็เพื่อให้ทราบว่า เท่าที่พบบุคคลที่เข้าถึงมักไม่มีเรื่องธรรมะอันแยบยลอะไร ศัพท์แสงทางธรรมไม่มีเลย เคยพบคุณยายก็เช่นกันยายก็จะเหมือนไม่ซับซ้อน การที่เราคิดสารพัดเรื่องราวนั้นเพราะเราไปเอาทฤษฏีมาวิเตราะห์
จริงแล้วก็เหมือนการเดินทางไปในป่า แล้วปากทางเข้าป่ามีคนที่เป็นคนนำทางต่างอ้างว่ารู้ทางไปถึงเหมืองแร่ทองคำ
บางคนก็บอกไปทิศใต้ บางคนก็บอกไปทิศเหนือ เราก็เลือกว่าใครกันนะจะพาเราไปถึงตรงนั้นได้จริง ครั้นเดินทางบางคน
ชวนไปครึ่งทาง แล้วไม่มีทางไปต่อก็บอกว่าสุดแค่นี้นะ แล้วไหนล่ะทอง เขาก็หยิบเศษทองที่ตกตามพื้นว่านี่แหละ แท้จริง
เป็นเพียงปลายสายแร่ เราก็ต้องเชื่อจะไปต่อเราก็ไปไม่ถูก คนนำทางเองตลอดชีวิตก็ิเดินทางมาสุดแค่นี้ไปต่อไม่เป็น
แต่มีอีกคนหนึ่งไปถึงเหมืองแร่ทองคำต้นสายแร่ เดินย้อนกลับมาเห็นคนเก็บเศษแร่ก็บอกเขาเขาก็บอกว่าจะเดินไปไหน
ตรงนี้สุดแล้ว จะแยกสาขาแยกทางไปไหนอีก ทางนี้ก็บอกว่าไม่ได้แยก เดินจากที่คุณเดินมาถึงนี่แหละขึ้นไปอีก เขาก็บอก
แผนที่เขาเขียนมาแค่นี้นะ นี่เห็นไหมทองต้องสีนี้ ลักษณะแบบนี้ เจอตรงนี้ (ไม่ต่างกับการตึความภาษาบาลี)
ท่านจึงไปชวนคนที่อย่ากฝ่าไปจากปลายสายแร่ทองคำ ว่าจะไปไหมมีทองคำเยอะกว่านี้ นี่แหละคือที่มาของหมุ่คณะ
ไปเอาทองคำมาทำไมมาสร้างทางให้คนที่อยู่ปลายสายแร่หรือคนที่ยังไม่ยอมเดิน ได้เดินทางมาเอาทองคำที่เหมืองนี้ใช้
เท่าไหร่ก็ไม่หมด ไปเก็บเศษทองทำไม ไปได้เยอะ ก็ถางป่าซะเลย เดินสบายๆเห็นชัดว่า เหมืองทองอยู่ตรงไหนไม่ต้องให้
ป่ามาบังเดินกันคนละทิศละทาง อย่างที่เป็นทุกวันนี้และผู้ตั้งกระทู้สงสัยครับ


#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 22 September 2007 - 02:35 PM

คุณน้องใหม่ต้องลองอ่านผลการปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นประสบการณ์ภายใน จากเพื่อนร่วมปฏิบัติธรรม ซึ่งมีอยู่ใน DMC นี้ ในคอลัมณ์ผลการปฏิบัติธรรมจากนานาชาติ แล้วคุณน้องใหม่จะทราบว่า ทุกๆ วิธี แม้เริ่มต้นไม่เหมือนกัน

เช่น จะเริ่มต้นฝึกจาก มีสติทุกอิริยาบถ หรือ จะเริ่มต้นจากการนึกนิมิต หรือ จะเริ่มต้นจากการพิจารณาซากศพ หรือ จะเริ่มต้นจากการกำหนดลมหายใจ สุดท้ายเมื่อใจหยุดนิ่งแล้ว จะเข้าถึงความเป็น พุทธะ หรือ ผู้รู้ (ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ภายใน ด้วยกันทั้งสิ้นน่ะครับ และอาศัยปัญญาของผู้รู้ (พุทธะ หากเรียกองค์พระ คุณอาจจะไม่คุ้น งั้นผมเรียก พุทธะ นี่แหละ) ภายใน พิจาณา ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา (ไตรลักษณ์) ของกายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม (ทุกสิ่งในภพสาม) จนจิตละวางจากความยึดมั่นถือมั่น(ในภพสาม) ก็จะหลุดพ้นเข้าสู่กระแสนิพพานไงครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 22 September 2007 - 06:59 PM

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ

นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก