ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ศิษย์โง่ไปวัดปากน้ำ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ลูกหลานหลวงปู่

ลูกหลานหลวงปู่
  • Members
  • 100 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 October 2007 - 10:35 PM

สวัสดีครับ
ผมต่ายเองครับ อายุ 22 ปี เรียนวิศวะไฟฟ้า ปี3 ครับ

ผมได้เปิดกระทู้เป็นกระทู้ที่สองแล้วครับ" กระทู้แรกคือวันที่ 30ก.ย.ได้ไปกราบคุณยายอาจารย์ตรีธามาครับ " เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมผูกพันกับมหาปูชนียาจารย์มากเป็นพิเศษครับ

หัวข้อกระทู้นี้ที่ผมเปิดคือ"ศิษย์โง่ไปวัดปากน้ำ" คำว่าศิษย์โง่ก็คือตัวผมเองครับ เหตุผลที่โง่ก็คือผมได้เกิดมาพบกับมหาปูชนียาจารย์ดั่งเช่นพระเดชพระคุณหลวงปู่และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แต่ผมก็ไม่เอาไหน ไม่หมั่นเพียรและเอาจริงเอาจังกับการนั่งธรรมะครับ เลยยังไม่ได้เข้าถึงธรรมเสียที

แต่เหตุผลที่ผมเปิดกระทู้นี้ก็คืออยากให้เพื่อนๆ พี่ๆทุกท่าน ถ้าว่างจากงานบุญที่วัดพระธรรมกาย น่าจะหาโอกาสไปกราบสรีระพระเดชพระคุณหลวงปู่บ้างนะครับ เพราะวัดปากน้ำก็ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่หลวงปู่ได้ปักหลักสู้ ปักหลักในการทำวิชชา และเผยแผ่วิชชาธรรมกาย หลวงปู่เคยบอกว่า "ท่านใช่สถานที่ตรงวัดปากน้ำมาหลายชาติแล้วครับ " ดังนั้นผมอยากให้นักเรียนอนุบาลทุกๆท่านตามรอยมหาปูชนียาจารย์กันบ้างนะครับ (แต่ไม่ใช่ให้ทำใจออกห่างจากคุณครูไม่ใหญ่นะครับ) และปัจจุบันยังมีบุคคลที่เกิดทันพระเดชพระคุณหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ครับ เช่นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ผมไปวันอาทิตย์ เห็นท่านเมตตาให้สาธุชนที่ไปเข้าถวายปัจจัยและกราบนมัสการท่านได้ครับ ท่านเป็นกันเองมากๆครับ ไม่ถือตัวเลยครับ และอีกบุคคลที่สำคัญมากเพราะท่านได้เคยเป็นหัวหน้ากะเวรในการทำวิชชาธรรมกาย สมัยพระเดชพระคุณหลวงปู่และคุณยายของเรายังมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือคุณยายอาจารย์ตรีธา เนียมขำ ครับ

การเป็นหัวหน้าเวร(กะ)ในการทำวิชชานั้นไม่ง่ายนะครับ เพราะจะมีหัวหน้าเวรแค่ 6 ท่านเท่านั้นครับเพราะมี 6 กะ,กะละ 4 ชม. แต่ช่วงหลังพระเดชพระคุณหลวงปู่ให้เปลี่ยนเป็นกะละ 6ชม.ครับ โดยการคัดสรรนั้นพระเดชพระคุณหลวงปู่จะให้บุคคลที่ได้ธรรมกายทุกคนไปถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ในพระนิพพานว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้ากะเวร (ทั้งๆที่หลวงปู่ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วครับ) คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบากาจันทร์ขนนกยูงหรือคุณยายของเราก็ได้เป็นหัวหน้าเวรครับ

ถ้าไปก็แวะไปกราบคุณยายอาจารย์ตรีธาบ้างนะครับ
ปล.อย่าลืมนำพวงมาลัยดอกมะลิสวยๆไปกราบท่านด้วยนะครับ

ขอกราบอนุโมทนาบุญล่วงหน้านะครับ

สาธุ

#2 New

New
  • Members
  • 95 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 October 2007 - 11:48 PM

ข้อมูลที่ถูกต้องคือ สมัยสงครามโลกจะมีสองเวร เวรละ 6 ชั่วโมง แต่ละเวรจะเข้าสองกะ เข้าหกโมงเช้าไปออกเพล อีกกะก็เข้าเพลไปออกหกโมงเย็น แล้วกะเดิมก็จะมาเข้าหกโมงเย็นไปจนถึงสองยาม แล้วก็ผลัดให้อีกเวรมาเข้าตั้งแต่สองยามไปจนถึงหกโมงเช้า

แต่หลังจากนั้น หลวงปู่ท่านปรับให้เหลือเวรละ 4 ชั่วโมง แต่ละเวรก็เข้า 2 กะ แต่ละเวรก็จะมีหัวหน้าเวรคอยรับและส่งต่อวิชชาว่าความรู้เป็นยังไง งานที่สั่งไปถึงไหน ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้ง และหลวงปู่ก็ไม่ให้นำมาเล่านอกโรงงานทำวิชชา

ส่วนการเลือกหัวหน้าเวรนั้น เคยพบเห็นข้อมูลที่ท่านเจ้าของกระทู้นำมาเล่าไว้เหมือนกัน ไปเจอบน internet ซึ่งเป็นการเล่าของลูกศิษย์รุ่นหลังๆอีกทีหนึ่ง แต่โดยส่วนตัวที่ไปสัมผัสบุคคลยุคต้นวิชชา ก็ไม่เห็นท่านจะเล่าเรื่องอย่างนี้ให้ฟัง และส่วนตัวก็ไม่กล้าถามท่านเพราะว่ามันเป็นเรื่องละเอียดเกินไปสำหรับระดับธรรมะของตัวเอง

ผู้ที่ทำวิชชาในโรงงานนั้น ไม่ใช่ว่าจะรู้เห็นเท่าเทียมกันหมด บางท่านก็ได้ยินว่าเค้าสั่งวิชชากันอย่างนั้นอย่างนี้แต่ก็ทำไม่ได้ไปไม่ถึง โดยสรุปแล้วคือ ใครยิ่งหยุดนิ่งได้มาก ใครธรรมะชัดใสมาก ก็จะรู้เห็นได้มาก ความถูกต้องแม่นยำมาก

แต่สุดท้ายพอย้อนกลับมาคิดถึงตัวเราเอง ธรรมะยังไม่ก้าวหน้าเลย อายครูบาอาจารย์มากๆ เสียแรงที่อุตส่าห์เป็นศิษย์มหาปูชนียาจารย์ท่านมาตั้งนาน ละอายเหลือเกิน T T

บุคคลรุ่นที่ทำวิชชากับหลวงปู่ท่านหนึ่งได้สอนผมว่า ให้ทำตัวเองให้ใสสะอาดอยู่เสมอ ทำอย่างนี้ให้ได้ จะทำตัวเองให้ใสสะอาดก็คือ หยุดต่อไปเรื่อยๆ หยุดในหยุด ซึ่งก็ตรงกับคุณครูไม่ใหญ่สอน ก็คือ เรื่องอื่นอย่าเพิ่งพูดไปใหญ่โต ทำดวงทำองค์พระให้ชัดเสียก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกที

#3 บี

บี
  • Members
  • 151 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 11:45 AM

สู้ๆครับ สาธุๆๆๆๆ

#4 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 12:13 PM

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#5 (.^_^.)

(.^_^.)
  • Members
  • 29 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 03:44 PM

เข้ามาช่วยยืนยันค่ะว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านให้ความเมตตากับทุกคน ถ้าท่านไม่ติดกิจนิมนต์หรือภารกิจท่านจะลงมาฉันเพลที่โรงฉันทุกวัน ซึ่งใครก็สามารถเอาอะไรไปถวายท่านได้ ที่ปลื้มมากๆ คือครอบครัวเราเป็นครอบครัวธรรมดาๆ แต่มีโอกาสได้ไปวัดปากน้ำบ่อยท่านจำได้ท่านเลยให้ความเมตตา ถ้ามีเวลาว่างๆ ก็อยากชวนทุกท่านไปวัดปากน้ำนะคะ ไปกราบหลวงปู่และครูบาอาจารย์วิชาธรรมกายที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่ และไปนั่งปฏิบัติธรรมที่หอวิปัสสนาค่ะ แต่ก็อย่าลืมมาวัดธรรมกายทุกวันอาทิตย์ด้วยนะคะ

#6 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 06:01 PM

มีเวลาก็ไปครับ แต่มาวัดพระธรรมกายสะดวกกว่า และรู้สึกผูกพันธ์มากกว่า เพราะครูบาอาจารย์อยู่ที่นี่ครับ และที่วัดก็มีพระเดชพระคุณหลวงปู่เหมือนกัน(มีอยู่เต็มไปหมด ไปตรงไหนก็เจอ) เลยไม่คิดว่าจำเป็นต้องไปวัดปากน้ำครับ

อยากเจอหลวงปู่ ก็คิดถึงหลวงปู่ไว้ศูนย์กลางกาย อยู่ที่ไหนก็สื่อสารกับท่านได้เหมือนกัน

#7 รับบุญ

รับบุญ
  • Members
  • 120 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 06:40 PM

อยู่ต่างจังหวัดค่ะอยากทราบทางไปวัดปากน้ำหน่อยค่ะ อยากไปมานานแล้วแต่ไปไม่ถูก ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

#8 ลูกหลานหลวงปู่

ลูกหลานหลวงปู่
  • Members
  • 100 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 October 2007 - 10:56 PM

คุณรับบุญครับ ไม่ทราบว่ามีรถส่วนตัวหรือป่าวครับ ถ้าไม่มีจะให้ผมเริ่มต้นบอกการเดินทางจากที่ไหนดีครับ

#9 mos

mos
  • Members
  • 122 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2007 - 08:36 AM

ผมคิดว่าการไปวัดปากน้ำเปรียบเสมือนเราเดินทางไปสู่เส้นทางมหาปูชนียาจารย์
ทำให้เราระลึกถึงและผูกพันธ์กับหลวงปู่มากยิ่งขึ้นครับ เพราะที่วัดปากน้ำมีร่างของหลวงปู่ที่ยังไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาและเป็นหลักฐานที่ทำให้เราได้ทราบถึงการเผยแผ่ธรรมของหลวงปู่ครับ

#10 nut33

nut33
  • Members
  • 142 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok
  • Interests:http://www.dhammakaya.tv
    http://www.dhammakaya.biz

    android Application ธรรมกาย
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.conduit.app_96f25c33fb1b4867b3b98cc85a26a854.app

โพสต์เมื่อ 07 October 2007 - 11:48 AM

แนบไฟล์  lphobv_vn.jpg   12.41K   117 ดาวน์โหลด
ประวัติสังเขป

พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)

รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

ประวัติก่อนบวช

พระเดชพระคุณ พระราชพรหมเถร องค์ปัจจุบัน มีนามเดิมว่า วีระ อุตตรนที และในภาษาญี่ปุ่นว่า คูนิโอ คาวาคิตะ บิดาท่านเป็นชาวญี่ปุ่นนามว่า เอดะ คาวากิตะ มารดาท่านเป็นชาวไทยนามว่า นางสน อุตตรนที ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๒ ที่ข้างวัดมอญ ตำบลท่าข้าม อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ล้วนเป็นชาย ๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒

การศึกษาเมื่อเยาว์วัย

ครอบครัวของเด็กชายวีระ อยู่ที่บางขุนเทียนได้ไม่นานนัก ก็ย้ายไปอยู่สี่พระยา เมื่อเจริญวัยเข้าเกณฑ์การเรียน บิดามารดาก็ส่งไปเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นของสมาคมญี่ปุ่นในประเทศไทย เรียนอยู่ได้ ๖ ปี จนถึงปี พ.ศ.๒๔๗๔ ก็เรียนจบชั้นประถมปีที่ ๖ ของโรงเรียน มีความสามารถอ่าน เขียน และพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี ด้วยความขยันหมั่นเพียรมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีอุปสรรคใดๆ ต่อจากนั้นก็ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเข้าเรียนต่อเตรียมปริญญาธรรมศาสตร์ รุ่นที่ ๒ จนถึง พ.ศ.๒๔๘๓ จากนั้นจึงเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนในสาขานิติศาสตร์ สอบได้ที่ ๑ ใน พ.ศ.๒๔๘๔ ขณะเรียนอยู่นั้นก็ได้ทำงานไปด้วยในสถานทูตญี่ปุ่น

แต่ชีวิตการศึกษาในมหาวิทยาลัยของคฤหัสถ์วีระ ต้องยุติลงภายหลังจากขึ้นปีการศึกษาที่ ๒ เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๔ อันเป็นการเริ่มสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในภูมิภาคเอเชียบูรพา

การอาชีพ

เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลงแล้ว คฤหัสถ์วีระไม่ได้กลับเข้าไปศึกษาต่อ แต่ได้ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพค้าขาย สั่งและส่งสินค้าเข้าและออกจากประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ด้วยความขยันขันแข็ง เอาใจใส่ในหน้าที่ การค้าขายจึงเจริญขึ้นเป็นลำดับ ในระยะเวลาประมาณ ๑๐ ปีนั้น

พบหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ครั้งที่ คฤหัสถ์วีระจะได้พบหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น เป็นปี พ.ศ.๒๔๙๖ ขณะนั้นอายุได้ ๓๔ ปี วันหนึ่งได้ขึ้นรถเมล์สายตลาดพลู นั่งไปเพลินๆ ไม่ได้มีจุดหมาย และได้ปรารภกับตนเองว่า “ในชีวิตนี้คนเราต้องการอะไรกัน” คำตอบคือ “ความสุข” ก็แล้วความสุขนั้นคืออย่างไร จะให้มีจะให้รู้เห็นเป็นได้อย่างไร ปรารภอยู่ดังนั้น รถเมล์ก็วิ่งมาถึงตลาดพลู ที่นั่นคฤหัสถ์วีระได้ลงเรือจ้างที่แล่นไปตามคลองบางกอกน้อย เรือจ้างคิดว่า คฤหัสถ์วีระจะไปรับพระของขวัญของหลวงพ่อที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงได้พาขึ้นท่าเรือที่เรียกกันว่า ท่าไฟไหม้ ข้างวัดปากน้ำ

เมื่อเรือจอดเทียบท่า คฤหัสถ์วีระก็ขึ้นจากเรือ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบว่าขึ้นไปทำไม และก็ได้เดินชมวัดอยู่ แล้วคฤหัสถ์วีระก็ได้เห็นพระภิกษุท่านหนึ่ง ดูน่าเลื่อมใส กำลังฉันภัตตาหารเพลอยู่ ความสง่า องอาจ และบุญราศรีของท่าน ทำให้ต้องคิดว่าพระภิกษุท่านนั้นคงจะเป็นพระนักปฏิบัติผู้เคร่งครัดอย่างแน่นอน เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ท่านก็นั่งสนทนากับญาติโยมทั้งหลายที่ไปหานั้น ด้วยปฏิสันถารอันดี พูดจาฉะฉาน โต้ตอบธรรมะได้ลึกซึ้ง เป็นพิเศษ

หลวงพ่อพระราชพรหมเถรสนใจในเรื่องวิปัสสนากัมมัฏฐานมาตั้งแต่เด็ก ฟังธรรมที่วัดหัวลำโพง วัดแก้วแจ่มฟ้า วัดมหาพฤฒาราม มีความสนใจในเรื่องนรก สวรรค์ นิพพาน ว่ามีจริงหรือไม่ จะไปดูด้วยวิธีใด ปรารถนาจะพิสูจน์ในเรื่องนี้ ก็ประจวบเหมาะในครั้งนี้ ได้ถือโอกาสขึ้นไปนั่งคุยกับพระอาจารย์ท่านนั้น จึงได้รู้ว่าท่านคือ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” ผู้ค้นพบพระสัทธรรมวิชชาธรรมกายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะนั้นท่านมีสมณศักดิ์เป็นพระราชพรหมเถร ท่านก็ได้บอกว่า หากสนใจเรื่องนี้ให้มานั่งกัมมัฏฐาน และท่านได้แนะนำหลายอย่างเกี่ยวกับวิธีนั่งภาวนา

เป็นอันว่าคฤหัสถ์วีระในวันนั้นได้ทราบวิธีปฏิบัติจากท่านโดยละเอียด ก่อนจะกราบลาท่านกลับ ท่านบอกว่าให้มาวันพฤหัสบดี ด้วยความต้องการจะพิสูจน์ทดลอง คฤหัสถ์วีระก็ได้กลับไปพบท่านใหม่อีก

บรรลุธรรมกาย

คฤหัสถ์วีระได้มาปฏิบัติพระกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่ ๑๘ วัน ก็ได้เห็นตามที่อยากรู้นั้น แต่ในขณะนั้น ยังสงสัยอยู่ในใจว่า ที่เห็นนั้นเป็นจริงหรือว่าเป็นมโนภาพ คิดเอาเอง ก็พลันได้ยินหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านว่า “ถ้าเราไปคิดเอาเอง เรานึกเท่าไหร่มันก็ไม่เห็น แต่นี่เราเป็นสมาธิ แล้วมันเป็นวิปัสสนา ถ้าเรานั่งมันก็จะเห็นขึ้นมาเอง” หลวงพ่อวัดปากน้ำได้สอนศิษย์คนใหม่ของท่านในพระสัทธรรมและแก่นแห่งพระศาสนา เมื่อได้เห็นแล้วท่านพระอาจารย์ก็ได้กล่าวกับศิษย์ของท่านว่า “ที่บรรพบุรุษของเราได้อุตส่าห์เสียสละเลือดเนื้อก็เพื่อจะปกป้องพุทธศาสนา ซึ่งมีของจริงอย่างนี้”

คฤหัสถ์วีระเมื่อได้มาปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว ก็เกิดความเลื่อมใสมากขึ้นตามลำดับ เมื่อใจสบายแล้วจึงได้นึกทบทวนว่า “ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจเรานี้เอง เมื่อใจหยุดก็เกิดความสงบ ครั้นสงบแล้วก็เป็นสุข ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า “นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าการหยุดนิ่งไม่มี”

นับแต่นั้นมา คฤหัสถ์วีระก็ได้ไปนมัสการหาหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยสม่ำเสมอ บางครั้งก็พำนักค้างแรมที่วัดเพื่อปฏิบัติธรรม บางวันหลวงพ่อก็เรียกเข้าไปนั่งภาวนากับท่าน และสอนการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอย่างละเอียด คฤหัสถ์วีระปฏิบัติจนได้ธรรมกาย ผ่านครบทั้ง ๑๘ กายแล้ว หลวงพ่อก็ได้สอนวิชชาธรรมกายขั๊นสูงให้ ซึ่งท่านก็ปฏิบัติสามารถได้

อุปสมบท

คฤหัสถ์วีระเมื่อได้เห็นของจริงในพระพุทธศาสนาเช่นนี้แล้ว จึงได้ตัดสินใจสละเพศคฤหัสถ์เข้าครองผ้ากาสาวพัสตร์ เข้าบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยมีพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นที่พระราชพรหมเถร เป็นองค์อุปัชฌาย์ และมีท่านพระครูปัญญาภิรัต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ กับท่านพระครูพิพัฒน์ธรรมคณี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า “คณุตฺตโม ภิกฺขุ”

เผยแผ่วิชชาธรรมกาย

เมื่อท่านได้บวชเรียนแล้ว ก็ได้ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานตามแนววิชชาธรรมกาย กับหลวงพ่อวัดปากน้ำมาโดยตลอด ได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระศาสนาให้เจริญถาวรสืบไป ทั้งในและนอกประเทศ

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูภาวนาภิรม ท่านได้เป็น รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เลื่อนขึ้นเป็น พระภาวนาโกศลเถร
ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ และได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๒๒
ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เลื่อนขึ้นเป็น พระราชพรหมเถร
พระเดชพระคุณพระราชพรหมเถรองค์ปัจจุบัน เป็นผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายโดยตรงจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้ทำหน้าที่เผยแพร่พระสัทธรรมวิชชาธรรมกายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเต็มที่ ทั้งในวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่หอสังเวชนียมงคลเทพนิรมิต ในโครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ควบคุมการปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่ และดำเนินการอยู่อย่างเข้มแข็ง

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมเถร เป็นครูอาจารย์ผู้ประเสริฐของศิษยานุศิษย์ และท่านได้สอนอบรมตักเตือนศิษย์ทั้งหลายด้วยความเมตตาโดยตลอด ท่านสอนหลักธรรมให้ปฏิบัติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของทุกคน ทั้งในระหว่างการเรียนปฏิบัติพระกรรมฐานและในชีวิตประจำวัน

เผยแผ่พระศาสนาสู่ต่างประเทศ

โดยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมเถร มีความชำนาญในด้านภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส จึงทำให้งานเผยแพร่พระสัทธรรมวิชชาธรรมกายได้ดำเนินไปด้วยดี พร้อมกับมีการจัดพิมพ์การปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานตามแนววิชชาธรรมกายเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน เผยแพร่ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฮอลแลนด์ เยอรมันนี สวีเดน และญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการดำเนินงานสอนพระสัทธรรมวิชชาธรรมกาย และจัดตั้งวัดไทยขึ้นเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาแพร่หลายสู่พลโลกอย่างกว้างขวาง.

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
http://www.dhammakaya.tv

#11 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 October 2007 - 12:03 AM

สาธุด้วยครับ ผมขออนุญาตตอบกระทู้ของท่านที่สนใจอยากจะไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งอยู่ถนนเทอดไทครับ ไปได้หลายวิธีครับ
1.ถ้าขับรถมาเอง มาถึงวงเวียนใหญ่แล้ว อยู่ฝั่งธนบุรี ให้เข้าไปที่เส้นถนนเพชรเกษม จะเจอสามแยกตลาดพลู (จะเห็นสถานีดับเพลิงอยู่ตรงแยกพอดี) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปถนนเทอดไท จะผ่านวัดเวฬุราชิน สำนักงานเขตธนบุรี อยู่ฝั่งขวามือ ไปเรื่อย ๆ จะเจอวัดนางชี และวัดนาคปรก อยู่ฝั่งซ้ายมือ ระยะทางประมาณ 2.5 - 3 กม เท่านั้น จากแยกตลาดพลู แล้วจะเจอสามแยกอีกครั้งหนึ่ง ให้เลี้ยวขวาไปตามทางจนสุดทาง จะเป็นที่จอดของอู่รถเมล์หลายสาย เช่น สาย 9 สาย 4 สาย 175 และรถสองแถว ให้เข้าไปตามทาง ซึ่งสองข้างทาง จะมีขายชุดสังฆทาน เมื่อสุดถนนแล้ว ให้ไปทางซ้ายมือ (one way)
2. นั่งรถเมล์สาย 4 สาย 9 สาย 175 มาลงสุดสาย แล้วเดินตามทางเข้าไปที่วัดประมาณ 200 เมตร
3. นั่งเรือจากปากคลองตลาด มาลงที่ท่าเรือภาษีเจริญ (วัดปากน้ำ)
4.ยังมีเส้นทางลัดอีกหลายเส้นทาง แต่ต้องเดินลัดเลาะตามซอยต่าง ๆ ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่ อาจจะเดินไม่ถูก จึงไม่ขอแนะนำครับ

หากสนใจไปจริง ๆ ก็ติดต่อมาที่ผมก็ได้ครับ เพราะผมไปประจำอยู่แล้วครับ

สาธุครับ
สรุชัย (กัปตัน)

e-mail: [email protected]

#12 crystal.mind

crystal.mind
  • Members
  • 280 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:BKK
  • Interests:Book Music

โพสต์เมื่อ 08 October 2007 - 05:53 PM

สาธุค่ะ

เคยพบท่าน ที่วัดปากน้ำครั้งหนึ่ง

ท่านจะรับแขกที่ห้องชั้นล่าง ใกล้หอที่ประดิษฐาน ร่างของหลวงปู่

ท่านจะใช้ที่พรมน้ำมนต์ ที่แห้งๆ (ไม่มีน้ำ) เคาะหัวให้ แล้วพูดยิ้มๆว่า "ดังไปถึงพระนิพพาน"

ดูท่านใจดี

แต่ส่วนใหญ่จะสะดวกมานั่งสมาธิที่วัดพระธรรมกาย วันอาทิตย์ มากกว่าค่ะ


" เกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง + แสวงบุญ + สร้างบารมีค่ะ "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "


#13 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 October 2007 - 06:22 PM

ผมเองก็เคยไปกราบสรีรหลวงปู่ครับ ถ้ามีโอกาสก็จะไปอีกนะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร