เตือนภัย กุ้ง+วิตามินซี
#1
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 11:45 AM
ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี
ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน “ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกลอบสังหาร แต่ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า” ศาสตราจารย์ฟันธง
ผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรคือ”มันฆ่า” แล้วสารหนูมาจากไหน
ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดในกระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เธอกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา คนในบ้านกินกันก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ผู้ตายกินวิตามินซีพร้อมกันด้วย ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ
นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสารประกอบอาเซนิกเข้ม ข้นในปริมาณสูง สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะ ไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง
พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ข องซัลฟีดรีลขัดข้อง เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง เพื่อความไม่ประมาท
#2
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 12:54 PM
http://www.snopes.co...xins/shrimp.asp
ที่บอกว่า
"สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ"
นี่ก็ผิดครับ
As2O5 เรียกว่า Arsenic Pentoxide ไม่ใช่ Arsenic Oxide
และมันมีพิษพอๆกับ Asenic Trioxide ครับไม่ใช่ไม่มีพิษ
อ่านที่ http://en.wikipedia....senic_pentoxide
ถ้ามันอยู่ในเปลือกกุ้ง คนกินกุ้งต้องตายหมดแล้วครับ
เพราะ As2O5 ละลายน้ำแล้วได้กรดอาเซนิก
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#3
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 01:12 PM
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#4
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 02:34 PM
#5
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 07:56 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 October 2007 - 08:36 PM
#7
โพสต์เมื่อ 15 October 2007 - 07:06 PM
จำนวนความเห็น: 571
ความคิดเห็น #3 |
ทดลองดูนะครับ หากุ้งแม่น้ำสักกิโล วิตามินซีสักขวด ลองแล้วเป็นอย่างไรบอกให้ทราบด้วยนะครับ nerd_smile.gif
ความคิดเห็น เมื่อวาน 15:12
ให้ทดลองก่อนกะแล้วกันแล้วช่วยรายงานด้วยว่าผลเป็นอย่างไรค่ะ อะจึ้ย
#8
โพสต์เมื่อ 16 October 2007 - 06:24 PM
ข้าน้อย ไม่มีความรู้เรื่องนี้น่ะ เจ้า..จะเอาหนูลองยา มาลองก็บ่อก้า กัว กั๋ม กัว เวร..
พิสิกส์ แมท พอว่า นี่เล่นชีวะวิทยา สารเคมี ข้อยบ่ออู้บ่อ อั่น เด้อ เจ้า
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#9
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 08:15 AM
Subject: เฉลยข้อสงสัย "สืบเนื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล์ กุ้ง+วิตามินซี=สารหนู" ว่าจริงหรือไม่
+++ เฉลยข้อสงสัย "สืบเนื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล์ กุ้ง+วิตามินซี=สารหนู" ว่าจริงหรือไม่+++
เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์คนนึง ที่ชอบกินกุ้งเป็นชิวิตจิตใจ แถมยังกิน vit c 1000 mg ทุกวัน ให้ผิวสวยหน้าใส อ่านแล้วรู้สึกตึงๆๆ
เพราะกินกุ้งวันเว้นวัน
กลัวตายเพราะเพราะกุ้ง เลยไปหาข้อมูลมาให้อ่านเพิ่มกันค่ะ
เพื่อให้เกิดความกระจ่าง
จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง วิตามิน ซี กุ้ง และสารหนู
โดยใช้ keyword คือ
- Ascorbic acid
- Shrimp, Seafood
- Arsenic compound
พบข้อมูลดังนี้ค่ะ
ข้ออ้าง "ผู้ใช้ วิตามิน ซี เป็นประจำที่ทานกุ้ง อาจตายจากพิษสารหนูได้จริงหรือ?"
คำตอบ .."ไม่จริงค่ะ"
ตังอย่างข้ออ้างได้จาก FW mail ตั้งแต่ปี 2001 ที่ระบาดไปทั่วไต้หวัน
ข้อเท็จจริง
มีผู้กล่าวว่าสารจากเปลือกกุ้งจะสามารถย่อยได้เป็นสารหนู ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย
หรืออะไรก็ตามแต่ที่กล่าวว่าวิตามินซีจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้เกิดสารพิษ
หากข้อความเหล่านี้เป็นความจริงเราคงเห็นคนตายกันเป็นเบือเพราะกินกุ้งกับผลไม้หรือน้ำส้มที่มีปริมาณวิตามินซีสูงเช่นกัน
เปลือกกุ้งหรือสัตว์ทะเลใดๆไม่มีทางที่จะถูกเปลี่ยนเป็นอาเซนิกหรือสารหนูได้แน่นอน เมื่อมันทำปฏิกิริยากับ วิตามินซี เนื่องจาก
[br]
1. สารหนู หรือ อาเซนิกเป็นสารบริสุทธิ์ที่เราเห็นในตาราธาตุนั่นแหล่ะค่ะ ซึ่งหมายความว่าตัวมันไม่ใช่สารประกอบ ไม่สามารถเกิดขึ้นจากธาตุใดๆมารวมกันได้
แค่ข้อแรกนี้สมมติฐานก็ตกไปแล้ว
2. ไม่มีเอกสารทางการแพทย์ใดๆ ในโลกนี้ที่มีรายงานว่าการกินวิตามิน ซี และสารหนู ทำให้เกิดพิษ (อันนี้ยืนยันค่ะ นั่งค้นมา 3 ฐานข้อมูลแล้วไม่มีจริงๆ ลงทุนไปหอสมุดเลยนะเนี้ย เพราะชอบกินกุ้งเหมือนกัน ถึงแม้จะแพ้ก็เถอะ)
3. ไม่มีข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในไต้หวัน ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ใดของไต้หวันเลย สรุปได้ว่าเรื่องนี้กุขึ้นมาต้ม เราๆกันทั้งนั้น
ที่มาเป็นเพียงอีเมล์ที่ไม่รู้ต้นตอและผู้เขียน
ข้อมูลจาก
The URL for this page is http://www.snopes.co...xins/shrimp.asp
ดั้งเดิม : 25 July 2001
มีการแก้ไขเมื่อ: 31 December 2005
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงป่านนี้ WHO หรือ อย เรานั่งไม่ติดกันแล้วค่ะ
ฉะนั้นอย่าได้เป็นห่วงเรื่องนี้นะคะ
แค่เมล์ต้มตุ๋น
จาก FW mail
#10
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 03:04 PM
#11
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 03:11 PM
#12
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 04:11 PM
#13
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 04:30 PM
ในวิทยาทานครั้งนี้ครับ..สาธุ สาธุ สาธุ..
....................................................................................................
ข้อคิดสะกิดใจ ครับ..
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 18 มิ.ย. 2550 มีผลบังคับใช้ 19 ก.ค. 2550 เป็นต้นไป
มาตราสำคัญอยู่ที่ มาตรา 3, 5 - 17 ครับ
สรุปให้ละกัน
มาตรา3 เป็นบทนิยามศัพท์ดูกันเอาเองนะครับ
มาตรา5 เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วเราแอบเข้าไป … จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา6 แอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้าน แล้วเที่ยวไปโพนทะนาให้คนอื่นรู้ …จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา7 ข้อมูลของเขา เขาเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ดี ๆ แล้วแอบไปล้วงของเขา …จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา8 เขาส่งข้อมูลหากันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบส่วนตั๊วส่วนตัว แล้วเราทะลึ่งไปดักจับข้อมูลของเขา … จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา9 ข้อมูลของเขาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเขาดี ๆ เราดันมือบอนไปทำให้มันผิดไปจากเดิมซะงั้น … จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา10 ระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้านทำงานอยู่ดี ๆ เราดันยิง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรือ (โอ๊ยเยอะ) เข้าไปก่อกวนจนระบบเขาเดี้ยง …จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา11 เขาไม่ได้อยากได้ข้อมูลหรืออีเมลล์จากเราเล้ย เราก็ทำตัวเป็นอีแอบเซ้าซี้ส่งให้เขาซ้ำ ๆ อยู่นั่นแหล่ะ แล้วก็ไม่บอกแหล่งที่มาหรือบอกไปแบบผิดๆอีก จนทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญ …ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา12 ถ้าเราทำผิดมาตรา9 กับ มาตรา10
(1)แล้วมันสร้างความพินาศใหญ่โตกับประชาชนทั่วไป ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในขณะที่เราก่อเหตุอยู่หรือหลังจากนั้นก็ตาม...จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท
เกิดชาวบ้านไม่กล้ากินกุ้ง กุ้งขายไม่ออก แย่เลย เศรษกิจ ต้มยำกุ้ง จากฟอร์เวิดเมล โดนกันระนาว เฮ้อ..น่าห่วง
(2)แต่ถ้ามันไปเกิดความเสียหายต่อข้อมูลหรือระบบระดับประเทศหรือสาธารณะ...จำคุก ตั้งแต่3 ปีถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
แต่ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 12(2) เกิดมีคนตายขึ้นมา...จำคุกตั้งแต่ 10 ปีถึง 20 ปี
มาตรา 13 ถ้าเราสร้างซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ใคร ๆ ทำเรื่องแย่ ๆ ในมาตราบนๆ ได้ …จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา14 หากนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้...จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) ข้อมูลที่เป็นเท็จ แล้วทำให้ชาวบ้านเค้าเสียหาย
(2) ข้อมูลที่เป็นเท็จ แล้วทำให้เสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือทำให้ผู้คนเค้าตื่นตระหนก
(3) ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) ข้อมูลที่มีลักษณะลามกอนาจาร (ไม่ว่าจะเห็นแบบจะแจ้งหรือมาเป็นข้อความให้เสียวซ่านก็เหอะ)
(5) เผยแพร่ข้อมูลตาม (1) - (4) โดยที่รู้อยู่แล้ว
มาตรา 15 ใครเป็นเจ้าของเว็บ แล้วยอมให้เกิดมาตรา 14 โดนเหมือนกัน... จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 16 ถ้าเรานำข้อมูลของศิลปินข้างถนน ซึ่งชอบเอารูปชาวบ้านมาตัดต่อเข้าสู่ระบบ โดยที่มันน่าจะทำให้คนที่โดนตัดต่อได้รับความอับอาย เสียชื่อเสียง ถูกเกลียดชังเตรียมใจไว้เลยมีโดน … จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่ถ้าหากเราทำไปโดยสุจริต เราก็ไม่มีความผิด
มาตรา 16 นี้ยอมความได้เน้อ
แล้วถ้าผู้เสียหายตามมาตรา 16 ตายไปเสียก่อนที่จะร้องทุกข์ พ่อ แม่ ลูก ผัว เมีย ของเค้าก็ร้องทุกข์ได้เหมือนกัน
มาตรา17 หากทำผิดที่เมืองนอก
(1) หากเราเป็นคนไทย แล้วรัฐบาลของประเทศนั้นหรือผู้เสียหายร้องขอให้ลงโทษ
(2) คนทำผิดเป็นต่างด้าว (มะกัน จีน ยุ่น หม่อง ฯลฯ ) และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหาย และได้มีการร้องขอให้ลงโทษ
ต้องรับโทษในประเทศไทยเน้อ
ขอบคุณhttp://www.peetai.com/archives/562 สำหรับการทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
.................
อ่านเมลแล้ว คิดสักนิดนะครับ ก่อน ฟอเวิดต่อ จ้า
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#14
โพสต์เมื่อ 17 October 2007 - 09:26 PM
อะนะ .. คุณเถลิงเกียรติ ยกย่องมากเกินไปมั้งคะ ดูยิ่งใหญ่มาก
ข้อมูลนี้ ก็หวังเพื่อเป็นประโยชน์ให้ทุกคนได้เข้าใจ และช่วยเสริม ขยายเนื้อความของคุณมองอย่างแมวให้ทุกคนมองได้ชัดทำให้เข้าใจกันมากขึ้น จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน จริงๆแล้วต้องขอบคุณ คุณมองอย่างแมวที่ช่วยเปิดทางสว่างเป็นวิทยาทานแก่ทุกๆท่านตั้งแต่ต้น .. สาธุคะ -/\-
#15
โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 01:03 PM
กาลามะสูตร 10 ประการ
อย่าเชื่อโดยการฟังตามๆ กันมา
อย่าเชื่อโดยการเชื่อสืบๆ กันมา
อย่าเชื่อโดยเขาเล่าว่า
อย่าเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเชื่อโดยนึกเอาเอง
อย่าเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเชื่อโดยนึกตามเอาอาการของเรื่องนั้นๆ
อย่าเชื่อโดยเห็นว่าตรงกับความเห็นของตน
อย่าเชื่อโดยเห็นว่าควรเชื่อได้
อย่าเชื่อโดยเห็นว่าผู้พูดเป็นสมณะ หรือเป็นครูของตน
ขอบคุณทุกๆท่านที่พิสูจน์จนได้ข้อจริง งั้นเราไปพิสูจน์ ฐานที่ตั้งของใจกันต่อเถอะ สาธุ
#16 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 30 July 2011 - 03:38 PM