เล่าสู่กันฟัง
#1
โพสต์เมื่อ 05 December 2005 - 02:06 PM
ข้าพเจ้าจึงหันไปหายายที่นั่งกินข้าวอยู่แล้วพูดขึ้นว่า "ปูมันยังไม่ตายนะ" ยายก็หันขึ้นมามองแล้วก็ผงกหัวเชิงว่าช่างมันเถอะแล้วกินต่อ
ข้าพเจ้าก็ไม่ละความพยายามพูดขึ้นอีกว่า "ไม่เอามันไปปล่อยล่ะ"
ยายมองขึ้นมาแล้วบอกว่า"ปูน้ำเค็ม"
ด้วยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากก็พูดกลับไปว่า"คลองหลังบ้านก็มี"(เพิ่งจะได้คิดว่าถ้าปล่อยมันก็ตายอยู่ดี แต่ไม่อยากให้ยายบาปเลย ทั้งรัด ทั้งขัง ทั้งฆ่า ขุม 1 ก็คงอยู่แค่เอื้อม)
ยายก็พูดอีกว่า"มันปล่อยไม่ได้"
ข้าพเจ้าจึงต่อไปว่า "แล้วจะฆ่ามันหรอ" ยายก็พยักหน้าเชิงว่าช่างมันเถอะอีกครั้ง "บาปนะ"ข้าพเจ้ายังพูดต่อ
ยายพูดต่ออีกว่า "เราไม่ได้ฆ่ามัน มันตายแล้วเราค่อยทำ" คำพูดนี้ทำให้ข้าพเจ้าถึงกับอึ้ง ผู้ที่ข้าพเจ้าเห็นว่าดีมาโดยตลอดคิดอย่างนี้หรือ ท่านเพิ่งจะบอกว่าจับมัดแล้วรอให้มันแห้งตายถือว่าเราไม่บาปเช่นนั้นหรือ
สงครามคารมเล็กๆนี้ยังคงยืดเยื้อต่ออีกนานมาก แต่ไม่ได้ใช้การขึ้นเสียงแต่อย่างใด ยายไม่ได้ทำทีว่าจะยอมเลย ถึงข้าพเจ้าจะอ้างถึงศีล5 ก็ตาม
ยายหยุดพูดเมื่อเห็นตาเดินมา
"ปูมันยังไม่ตายนะ"ข้าพเจ้าพูดกับตา
คำตอบที่ได้มาน่าเสียใจกว่ายายอีก "ถ้าตายก่อนแล้วไม่อร่อย"
ต่อจากนั้นตาก็เริ่มพูดถึงเรื่องเสียๆของพระ แล้วยังพูดอีกว่าศาสนาพุทธเสื่อมแล้ว และก็พูดเพื่อพยายามข่มข้าพเจ้าว่า "รู้ป่าวว่าธัมมชัยโยน่ะ ชอบกินปู แล้วชอบสั่งเขาล่วงหน้าด้วยนะ" ข้าพเจ้าโมโหมาก(อธิบายนะคะว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนโมโหแรง โมโหนี่คือ ไม่มีอารมณ์ยินดี และยิ้มไม่ออกค่ะ) หากพูดกับผู้อื่นจะไม่โมโหเลย แต่มาพูดกับลูกพระธัม อย่างนี้เป็นเรื่องรับไม่ได้
"เอามาจากไหน" จากตอนแรกที่ข้าพเจ้าจะใช้เสียงที่นุ่มนวลในการพูด ก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่ตีตัวเสมอภาคกับตา คำพูดนี้ทำให้ตาเปลี่ยนเรื่อง ข้าพเจ้าจึงรู้ว่าตาโกหก และคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเด็กโง่ พูดอะไรก็เชื่อ
"อากุ๊งอ่ะ(ใช้แทนตัวของตา)มีศีลมากกว่าพระอีก"ตาพูด
"มีศีล5มั๊ย"ข้าพเจ้าพูด "คนจะวิจารณ์พระได้เนี่ย ถ้าไม่มีแค่ศีล5แล้วก็เชื่อไม่ได้" ปกติแล้วตาชอบให้คนฆ่าสัตว์ทำอาหารให้เขาโดยเฉพาะ กินร้านอาหารก็ชอบเลือก โขมยไม่ทราบแต่ไม่ยอมใช้หนี้เขา พอมีเงินเป็นล้านก็จะเอาไปเที่ยวเล่น ฟุ่มเฟีอยกับอบายมุข จนเขาต้องฟ้องถึงจะยอมผ่อน ข้อ3ไม่ทราบ ข้อ4เมื่อกี้ก็เพิ่งจะโกหกไป ข้อ5ไม่ต้องพูดถึง ช้างวันละ 2ขวดกับอีก2กระป๋อง แล้วอย่างนี้จะมาพูดว่ามีศีลมากกว่าพระได้อย่างไร
พูดไปเรื่อยๆตาก็บอกว่า"คนมีศีลครบ5ข้อเป็นไปไม่ได้"(ตาเริ่มขึ้นเสียง)
"อย่าเอาตัวเองเป็นหลักสิ วิว(ตัวข้าพเจ้า)มีครบอ่ะ"ข้าพเจ้าเริ่มขึ้นเสียงบ้าง ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เพราะว่า ถ้าหากไม่ขึ้นเสียงแล้วตาจะถือว่าบ่น แล้วเดินจากไป(เคยเกิดขึ้นบ่อยค่ะ)
"นี่ก็ผิดศีลแล้ว เถียงผู้ใหญ่"(ความหมายของการเถียงของตาคือ คนที่ไม่เห็นด้วยกับตา)
"ไม่ใช่"ข้าพเจ้าค้าน "นี่เป็นการสนทนาและปรับความเข้าใจเรื่องธรรมะ"
"ไม่ใช่สนทนาธรรม วิจารณ์ธรรมต่างหาก"ตาตอกกลับ
"ตาน่ะวิจารณ์ ส่วนวิวอ่ะสนทานาปกป้อง" คุยกันไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นว่าข้าพเจ้าถูกยายและตากล่าวหาและก็จบการสนทนาด้วยการตะโกนใส่กัน
"ถ้าไม่ให้ฆ่าก็ไม่ต้องกิน" ยายตะคอก "อย่ากินนะ อย่าให้เห็นกินนะ"
ข้าพเจ้าอารมณ์เสียมาก จึงไปหาแม่(อยู่คนละบ้านแต่บ้านใกล้กัน) แล้วเล่าให้แม่ฟัง
"อาม่า(ยาย)ไม่ได้อยากฆ่า ปล่อยเขาไป พระพุทธเจ้ายังไม่โปรดยายหอยเลย"(ขอเอามารวมๆกันนะคะ เพราะเยอะมาก) สรุปคือแม่บอกว่ายายเขาทำเพราะจำเป็น
"ไม่มีใครหรอกที่มีความจำเป็นจะต้องทำบาป พระพุทธเจ้าไม่ได้โปรดยายหอยเพราะรู้อยู่แล้วว่าโปรดไม่ได้ แต่เราไม่มีญาณ เราไม่รู้แน่ เขาเป็นญาติเรา ถ้าเราไม่ยอมเตือน ไม่ลองพูดกรอกหูไปเรื่อยๆแล้วจะรู้ได้ไง อย่าสมมติจุดล่องหนขึ้นมาสิ" คุณแม่ก็จะชอบตะโกนขัดเรื่อยๆ แล้วสรุปว่าไม่ฟัง ข้าพเจ้าจึงขึ้นไปดูจานดาวธรรม รายการsuper kids ดูแล้วซึ้ง รู้สึกผิดนิดๆ ทั้งๆที่เราไม่ได้เถียงเลย(คงเป็นเพราะตะโกนนี่ล่ะ)
ก็ได้คุยกับแม่ แต่ไม่คุยกับตา-ยาย ตอนเช้าก็อุทิศส่วนบุญให้ปูเพราะเราช่วยไม่ได้ ขอให้มันได้บู้และยินดีกับส่วนบุญ
ข้าพเจ้าผิดไหม แล้วจะทำอย่างไรให้เขาเลิกฆ่าทำอาหารเสียที
คิดแล้วก็อยากร้องไห้ค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 05 December 2005 - 03:00 PM
ช่วยสรรพสัตว์ก็ให้ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้นะคะ
ถึงตอนนั้นแล้ว วางอุเบกขาเถอะค่ะ เพราะคงจะเป็นกรรมของปูค่ะ
เวลาทำบุญ ก็อธิษฐานให้คุณแม่ อากง อาม่า มีสัมมาทิฏฐินะคะ
#3
โพสต์เมื่อ 05 December 2005 - 04:17 PM
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#4
โพสต์เมื่อ 05 December 2005 - 04:22 PM
#6
โพสต์เมื่อ 06 December 2005 - 11:36 AM
คน(สังเกตุว่าไม่ได่ใช้คำว่ามนุษย์) ปัจจุบันส่วนมาก ทำบาปจนเป็นเรื่องปกติ (ว๊าว..ว)
เป็นเพราะ "ฝ่ายดี" คือ พวกเราเอง "ทำหน้าที่ไม่ดีพอ" อธิบายไม่ดีพอ อธิบายได้ไม่กว้างขวางพอ ... ทำให้คนทั่วๆไป เป็นมิจฉาทิฐฺ
ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ.. ทำหน้าที่กัลยาณมิตร กับคนใกล้ตัวไปเรื่อยๆนะคะ
อย่าโกรธนะ เพราะโกรธก็แพ้(ฝ่ายอธรรม) ไป 1 ก้าวแล้ว
สะสม "ขันติบารมี " "วิริยะบารมี" "อุเบกขาบารมี" ไปทกๆวัน นะคะ
ปิยะวาจานะคะ ใครๆฟังก็ชอบ
เราลองชวนคุยสนุกๆ เรื่อง กฎแห่งกรรม ให้ คนอื่นฟังบ่อยๆ แบบไม่ซีเรียส
เพราะคนทั่วไป ไม่ชอบให้ "ใครมาสอน"
ถ้าผู้ฟัง บอกว่า "ไม่เชื่อ + งมงาย" เราก็ยิ้มๆซิคะ
แล้วใช้คำของหลวงพ่อว่า "จะเชื่อตอนเป็น หรือจะเห็นตอนตาย"
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#7
โพสต์เมื่อ 06 December 2005 - 05:47 PM
พี่เชื่อว่าคุณตาคุณยายท่านคงจะสะกิดใจบ้างเหมือนกันน่ะค่ะ ที่โดนทักเรื่องบาป เพราะท่านก็คงเห็นการฆ่าสัตว์ทำอาหารเป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆ เค้าก็ทำกัน แล้วอยู่ๆ หลาน (คนโปรด) ก็มาบอกว่าบาป
ค่อยๆ ให้ข้อมูลท่านไปเรื่อยๆ อย่างอดทนนะคะ ใช้สิทธิพิเศษที่เราเป็นหลาน ที่พูดอะไรแม้ท่านจะยังไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็ไม่มีทางโกรธ ป้อนข้อมูลไปเรื่อยๆ ค่ะ เทคนิคพิเศษที่เคยใช้อ้อนท่านตอนเด็กๆ ก็งัดออกมาใช้ สักวันหนึ่งท่านก็จะเปิดใจเองค่ะ
เพราะว่าหลานคนนี้ มีความรักให้ท่านเป็นพื้นอยู่แล้วไงคะ
^_^
#8 **
โพสต์เมื่อ 07 December 2005 - 11:56 AM
มีประสบการณ์เหมือนกันค่ะ บางครั้งอยากเลิกพูดเรื่องพวกนี้ไปเลย แต่ได้ยินเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อก้องในหัวว่าโลกนี้ขาดกัลยาณมิตรไม่ได้
แล้วอีกอย่างคนที่เราจะเลิกพูดเรื่องบุญเรื่องธรรมะนี้ ล้วนเป็นคนที่รักเรา และมีบุญคุณกับเรามากๆ แล้วเราจะหยุดเป็นกัลยาณมิตรกับท่านเหล่านั้นได้อย่างไร สำหรับตนเองก็จึงต้องทำหน้าที่ต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 07 December 2005 - 12:39 PM
ครั้งแรกพี่ถาวร ตั้งใจจะไปโปรดแม่ของท่าน ให้หันมาสร้างบุญสร้างกุศล เพราะวันๆ คนทั่วไปก็เอาแต่ทำมาหากิน แล้วสังคมเกษตรกรรมก็หนีไม่พ้นเรื่องฆ่าสัตว์ ดังนั้น พี่ถาวรตั้งใจเลยว่ากลับบ้านต่างจังหวัดครั้งนี้ไป จะหาคำพูดเด็ดๆ ไปโปรดแม่น้ำหอมให้ได้
พอกลับไปถึงบ้าน ก็ไปถามแม่น้ำทันทีเลยว่า "แม่ ชั่วชีวิตแม่มาจนถึงป่านนี้เคยได้อะไรมาบ้าง" แม่น้ำหอม ตอบทันควัน "จะไปได้อะไร ก็ได้ลูกหมา มา 4-5 ตัว ตัวนึงกำลังมาเห่าแม่อยู่นี่ไงล่ะ"
พี่ถาวรรู้เลยว่า แบบนี้ไม่ได้ผล จึงขอตัวกลับ บอกมีธุระด่วน กลับไปก็ไปนั่นคิด เอ๊ ทำไงดีนะ แล้วก็นึกได้ ต้องเข้าไปแบบขอความช่วยเหลือสิ เพราะพ่อแม่ย่อมอยากช่วยลูกหลานอยู่แล้ว
คราวนี้ไปใหม่ มาถึงสวัสดี แล้วก็บอกแม่ว่า ตอนนี้ตนกำลังเดือดร้อน ไปช่วยหลวงพ่อปั้นพระ แต่ปั้นยังไงก็ไม่เหมือน ให้แม่ช่วยหน่อยสิ
แม่ก็ถาม อ้าวแล้วจะให้แม่ช่วยยังไงล่ะ
พี่ถาวรบอก ก็แม่ลองช่วยนึกถึงองค์พระหน่อยสิ นึกถึงพระที่วัดข้างบ้านเรานะแม่ นึกได้มั้ยแม่
แม่น้ำหอมก็นึกตาม แล้วก็เห็นองค์พระภายใน นั่งๆ ไปก็มีความสุขมาก พอเห็นพระแล้ว ก็บอกพี่ถาวรว่า ต่อไปพี่ถาวรไม่ต้องบอกแล้วว่า จะให้แม่สร้างบุญอะไรต่างๆ ยังไง เพราะองค์พระท่านสอนหมด ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง
ลองไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ย่อมเห็นเราเป็นเด็ก ดังนั้น การแก้ปัญหาของเราก็จะต้องใช้เทคนิคมากกว่าธรรมดาน่ะครับ
แก้ไขโดย หัดฝัน 07 December 2005 - 12:41 PM
#10 **
โพสต์เมื่อ 09 December 2005 - 05:41 PM
#11 **
โพสต์เมื่อ 09 December 2005 - 05:50 PM
#12
โพสต์เมื่อ 12 July 2006 - 10:31 PM
คุณพ่อ คุณแม่พี่ก็เหมือนกัน แรกๆ เขาก็ไม่เชื่อในเรื่องความดีอะไรมากหรอก แต่เราก็ไม่หนี เราก็ทำดีอย่างนี้เรื่อยๆ ทำตัวไม่เคยก่อเรื่องเดือดร้อนให้เขา ซ้ำยังเอาบุญมาฝากท่านอีก (เมื่อก่อนอนุโมทนาบุญไม่เป็น คิดแต่ว่า เออ ลูกทำก็เหมือนพ่อทำนั่นแหละ แล้วไม่อนุโมทนาด้วยนะ) ก็ตอกย้ำสิ่งที่ดีๆ ชี้แจงเรื่องที่ผิดพลาดไม่ให้เขาทำอีก เขาก็เชื่อเราแล้วล่ะ ยิ่งได้จานดาวธรรม มาที่บ้านเขาก็ดีขึ้นด้วย
#13
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 01:57 PM