ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

อยากทราบว่า...


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ผู้สนใจในธรรม

ผู้สนใจในธรรม
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2007 - 05:51 PM

อยากทราบว่า พระพุทธเจ้ามีพระสัพพัญญุตญาณรู้ทุกอย่าง แล้วพระอรหันต์ไม่รู้ทุกอย่างเหรอครับ (ตอบให้ทีครับ)
แล้วเมื่ออริษฐานอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าซึ่งมีอยู่ 3 ระดับสามารถเลือกได้หรือไม่ว่าจะเป็นแบบไหนครับ เพราะ
๑ ) พระปัญญาธิกะพุทธเจ้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีอยู่ ๒๐ อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป
เป็นพระพุทธเจ้าประเภทที่มีปัญญาแก่กล้าแต่มีศรัทธาน้อย
๒ ) พระสัทธาธิกะพุทธเจ้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีอยู่ ๔๐ อสงไขยอีกหนึ่งแสนมหากัป
เป้นพระพุทธเจ้าประเภทที่มีศรัทธาแก่กล้าและมีปัญญาปานกลาง
๓ ) พระวิริยาธิกะพุทธเจ้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีอยู่ ๘๐ อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป
เป็นพระพุทธเจ้าประเภทที่มีความเพียรแก่กล้าแต่มีปัญญาน้อย
ถ้าอธิษฐานจะเป็นแบบไหนกันเหรอ

#2 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 19 November 2007 - 06:01 PM

ใช่ครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณอยู่1ข้อที่พระสาวกไม่มี นั่นคือ สัพพัญญุตญาณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะทรงรู้อยู่ตลอดเวลาก็หาไม่ หากแต่ว่าหากพระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะรู้เรื่องใด ก็จะทรงใช้สัพพัญุตญาณล่วงรู้ถึงสิ่งนั้นได้ กระจ่างจินต์
กระนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังมีแบ่งออกเป็น3ประเภทด้วยกัน คือ วิริยาธิกะ ศรัธาธิกะ และปัญญาธิกะ ซึ่งแต่ละประเภทก็ทรงบำเพ็ญบารมีมามากน้อยต่างกัน ซึ่งก็จะทำให้มีคุณสมบัติต่างกันออกไปอีก แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง3ประเภทก็ทรงมีสัพพันญุตญาณเหมือนกัน

แม้พระอรหันต์ พระสาวกบางรูป ก็มีคุณธรรมคุณวิเศษไม่เท่ากันตามกำลังบารมีของตนที่สร้างสมมา ทำให้ในพุทธกาล พระสาวก ก็มีแบ่งเป็นเบื้องขวา เบื้องซ้าย เป็นผู้เลิศทางนั้นผู้เลิศทางนี้ ตามกำลังวาสนาบารมีของแต่ละท่าน ...




#3 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2007 - 09:39 PM

อนุโมทนาบุญด้วยนะค่รับ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ


พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#4 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2007 - 05:37 AM

Sa Thu Krub

#5 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2007 - 09:51 AM

ขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับ พระพุทธเจ้าทั้ง3 ระดับ ที่คุณ ณ ฐานที่ 7 บอกว่า มีปัญญาต่างกัน คุณเข้าใจผิดนะครับ
ทุกพระองค์มีปัญญาเท่ากันหรือเหมือนกันเลยครับ แต่จะแตกต่างกันที่บารมีครับ ระดับปัญญาธิกะ จะบรรลุโดยใช้ปัญญาทั้ง ระดับ 2 จะบรรรลุเพราะอาศัยแค่ศรัทธาก็บรรลุได้ ระดับ 3 อาศัยความเพียรก็บรรลุ (หากผิดพลาดประการใด ขอผู้รู้เข้ามาท้วงติงนะครับ)
ฉะนั้น อย่าดูถูกว่าปัญญาของพระพุทธเจ้าไม่เท่ากันนะครับ
และถ้าเราจะอธิษฐานเราไม่เอาทั้ง 3 ระดับครับ เพราะหมู่คณะของเรา นำโดยหลวงปู่ หลวงพ่อจะสร้างบารมีมากกว่าทั้ง 3 ระดับครับ ฉะนั้น อธิษฐานตามติดพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อกันดีกว่าครับ (อ้างอิงจากวิทยานิพนธ์ เรื่องการสร้างบารมีของวัดพระธรรมกายครับ) ไปหาอ่านกันได้

#6 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 20 November 2007 - 10:44 AM

QUOTE
๓ ) พระวิริยาธิกะพุทธเจ้า
ใช้เวลาในการสร้างบารมีอยู่ ๘๐ อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป
เป็นพระพุทธเจ้าประเภทที่มีความเพียรแก่กล้าแต่มีปัญญาน้อย


ตามความเข้าใจของผมไม่เห็นด้วย ข้อความเกี่ยวกับพระวิริยาธิกะพุทธเจ้า คือมีหลายๆเรื่องที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีต และพูดถึงอายุขัยนับ แสนปี มีพระสาวกนับล้าน แต่ในยุคปัจจุบันเรานึกไม่ออก

เปรียบอีกอย่าง พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงเข้าพระนิพพานไม่มีพระสาวก จะใช้เวลาบำเพ็ญบารมีน้อยกว่า พระปัญญาธิกะพุทธเจ้าซึ่งมีพระสาวก ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่า พระวิริยาธิกะพุทธเจ้าย่อมมีบารมีมากกว่า ปัญญาจากการรู้แจ้งเห็นแจ้งย่อมมากกว่า บำเพ็ญเพียรนานกว่า โดยดูจากอายุขัยที่นานกว่า โปรดสัตว์ได้มากกว่า

ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 20 November 2007 - 11:43 AM

ความจริงแล้วในตำรา ยังมีการแบ่งพระพุทธเจ้าอีกแบบหนึ่ง (พอดีผมจำศัพท์บาลีไม่ได้) ซึ่งคนไม่ค่อยกล่าวถึงกัน แต่คุณครูไม่ใหญ่เคยพูดไว้ คือ
ระดับทีี่1 พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระกรุณาไพศาลน้อยที่สุด ปรารถนาตรัสรู้เร็วที่สุด
ระดับที่ 2 พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระกรุณาไพศาลมากขึ้น ปรารถนาตรัสรู้ช้าลงมา
และระดับที่ 3 พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระกรุณาแผ่ไพศาลมากที่สุด ปรารถนาตรัสรู้ช้าที่สุด เพื่อรวบรวมสรรพสัตว์ให้ได้มากที่สุด
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 เด็กผู้น้อย

เด็กผู้น้อย
  • Members
  • 436 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2007 - 12:53 PM

ใช่ อย่างที่คุณหัดฝันบอกครับ 3 ระดับ อยู่ที่ความปรารถนา ระดับแรก เอาไปได้หยิบมือหนึ่ง ระดับ 2 ได้มากกว่าระดับ 1 ระดับ 3 ได้มากที่สุด แต่หมู่คณะเราเอาไปทั้งหมดครับ

#9 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 11:23 AM

อนุโมทนาบุญค่ะ

วิทยานิพนธ์ เรื่องการสร้างบารมี ของวัดพระธรรมกาย โดย นายสรกานต์ ศรีตองอ่อน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2547

ขณะที่โพสนี้ หนังสือเล่มนี้ก้ออยู่ข้างตัวนี่แหละค่ะ เพราะขอยืมมาจากทางวัดค่ะ tongue.gif ขอคัดลอกมาให้อ่านกันนะคะ

ประเภทและระยะเวลาในการบำเพ็ยบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
" พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
โดยกำหนดอย่างต่ำ ย่อมเป็นไป 4 อสงไขยแสนกัป
โดยกำหนดอย่างกลาง ย่อมเป็นไป 8 อสงไขยแสนกัป
โดยกำหนดอย่างสูง ย่อมเป็นไป 16 อสงไขยแสนกัป
ก็ความแตกต่างกันเหล่านี้ พึงทราบโดยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า ผู้เป็นปัญญาธิกะยิ่งด้วยปัญญา สัทธาธิกายิ่งด้วยศรัทธา และ วิริยาธิกะยิ่งด้วยความเพียร

จริงอยู่ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ มี ศรัทธาอ่อน มีปัญญา กล้าแข็ง (4 อสงไขยแสนกัป)
พระพุทธเจ้าผู้เป็นสัทธาธิกะ มี ปัญญา ปานกลาง มี ศรัทธา กล้าแข็ง (8 อสงไขยแสนกัป)
พระพุทธเจ้าผู้เป็นวิริยาธิกะ มี ศรัทธา และ ปัญญา อ่อน มีความเพียร กล้าแข็ง " (16 อสงไขยแสนกัป)
ส่วนใน ปรมัตถทีปนี อรรถกถาขุททกนิกาย จริยาปิฎก กล่าวเสริมว่า

"ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า นี้เป็นการแบ่งกาลของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความแก่กล้า ปานกลาง และ อ่อนแห่งความเพียร แต่โดยความไม่ต่างกัน โพธิสมภารทั้งหลายย่อมถึงความบริบูรณ์แห่งบารมีเหล่านั้น โดยความต่างแห่งกาลตามที่ได้กล่าวแล้ว โดยความแก่กล้า ปานกลาง และอ่อนแห่งธรรมทั้งหลายอันบ่มบารมีให้แก่กล้าด้วยวิมุติ เพราะเหตุนั้น ความต่างแห่งกาล 3 เหล่านี้จึงควรแล้ว ด้วยอาการอย่างโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมี 3 ส่วนในขณะแห่งอภินิหารโดยความต่างกันแห่ง อุคฆฏิตัญญู วิปัจจิตัญญู และ เนยยะ "




#10 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 11:50 AM

โดยการบำเพ็ญบารมีที่ต่างกันนี้ อรรถกถาจารย์ มีความเห็นเป็นสองทางคือ ความกล้าแข็งที่ต่างกันของ ปัญญา ศรัทธา และ วิริยะ ซึ่งเป็นตัวนำในการตรัสรู้ธรรม กับความแก่กล้าที่ต่างกันของความเพียร
อย่างไรก็ตาม สำหรับระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละประเภทนี้ ในคัมภีร์ชั้นรองลงมาจากอรรถกถามีขยายความเพิ่มเติม คือ
1. อุคฆฏิตัญญูโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้า ใช้เวลา 20 อสงไขยแสนกัป โดยแบ่งระยะเวลาเป็น
ก) คิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนานั้นออกมาให้ผู้ใดทราบ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 7 อสงไขย
ข) ต่อจากนั้น จึงได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้นออกมา ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 9 อสงไขย
ค)ต่อจากนั้น จึงได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลาบำเพ็ยบารมี 4 อสงไขยแสนกัป

2. วิปจิตัญญูโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัทธาธิกพุทธเจ้า ใช้เวลา 40 อสงไขยแสนกัป โดยแบ่งระยะเวลาเป็น
ก) คิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนานั้นออกมาให้ผู้ใดทราบ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 14 อสงไขย
ข) ต่อจากนั้น จึงได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้นออกมา ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 18 อสงไขย
ค) ต่อจากนั้น จึงได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลาในการบำเพ็ยบารมี 8 อสงไขยแสนกัป

3.ไนยโพธิสัตว์ บำเพ็ยบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระวิยิยาธิกพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลา 80 อสงไขย โดยแบ่งระยะเวลาเป็น
ก)คิดปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนานั้นออกมารให้ผู้ใดทราบ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 28 อสงไขย
ข) ต่อจากนั้น จึงได้เปล่งวาจาแสดงความปรารถนาเป็นเพระพุทธเจ้านั้นออกมา ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 36 อสงไขย
ค) ต่อจากนั้น จึงได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขยแสนกัป

จะเห็นว่า ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ เพื่อตรัสรู้เป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้า พระสัทธาธิกพุทธเจ้า และพระวิริยาธิกพุทธเจ้า ในอรรถกถากล่าวว่าใช้เวลา 4,8,16 อสงไขย( กับอีกแสนกัป) ตามลำดับ ซึ่งต่างจากคัมภีร์ชั้นรองซึ่งกล่าวว่าใช้เวลา 20,40,80 อสงไขย(กับอีกแสนกัป)ตามลำดับ แต่ตัวเลขในอรรถกถานั้น ไปพ้องกับระยะเวลาบำเพ็ญบารมีหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์แล้วในคัมภีร์ชั้นรอง

เมื่อพิจารณาจากพระสูตรทีปังกรพุทธวงศ์แล้ว จะเห็นว่า ระยะเวลา 4 อสงไขยแสนกัป ที่ระบุในนั้น เป็นระยะเวลาที่พระทีปังกรพุทธิจ้าทรงพยากรณ์ให้กับสุเมธดาบส ซึ่งตรงกับที่คัมภีร์ชั้นรองระบุไว้ จึงน่าจะอนุมานได้ว่า ระยะเวลาทั้งหมดในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เพื่อตรัสรู้เป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้า พระสัทธาธิกพุทธเจ้า และพระวิริยาธิกพุทธเจ้า ควรมีระยะเวลา 20,40 และ 80 อสงไขย(กับอีกแสนกัป)ตามลำดับ

ระยะเวลาในการสร้างบารมีของพระอรหันต์ที่นอกเหนือจากพระพุทธเจ้า
1.พระปัจเจกพุทธเจ้า บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยแสนกัป
2. พระอัครสาวก บำเพ็ญบารมี 1 อสงไขยแสนกัป
3. พระอสีติมหาสาวก บำเพ็ญบารมี แสนกัป

ในระดับพระอรหันตสาวกตามปกติ จะไม่มีระยะเวลาการบำเพ็ญบารมีระบุไว้ แต่เราน่าจะอนุมานโดยใช้ระยะเวลาหลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ " ไม่เกินแสนกัป" โดยพิจารณาจากระยะเวลาที่ถัดลงมาจากพระอสีติมหาสาวกได้

ปล. อ่านแล้วอาจจะยาวเกินจะทนอ่าน แต่เคยได้ยินมาว่า ทุกข์ตรงไหน ให้วางตรงนั้นค่ะ

#11 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 November 2007 - 12:06 PM

อยากทราบว่า พระพุทธเจ้ามีพระสัพพัญญุตญาณรู้ทุกอย่าง แล้วพระอรหันต์ไม่รู้ทุกอย่างเหรอครับ (ตอบให้ทีครับ)

เพียงแค่ การบำเพ็ญบารมี ก็ใช้ระยะเวลา แตกต่างกันมากมาย ( 20:1) อสงไขยแสนกับเป็นอย่างน้อย ดังนั้น ความรอบรู้ จะแตกต่างกันมั้ยคะ (เทียบง่ายๆ เหมือนจบอนุบาล กับ ด๊อกเตอร์ )

แล้วเมื่ออธิษฐานอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าซึ่งมีอยู่ 3 ระดับสามารถเลือกได้หรือไม่ว่าจะเป็นแบบไหนครับ

ความแตกต่างของระดับชั้นนั้น พึงทราบได้ โดยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า

แหะๆ ตอบแบบสั้นๆ ก้อมี แค่นี้แหละน้อ...... (ปล่อยให้อ่านอยู่ได้ตั้งนาน ) tongue.gif

ปล. ขอโทษด้วยค่ะ ที่ Quote ไม่เป็น ( ทำเป็นแค่ copy - paste )

#12 *sky noi*

*sky noi*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 19 February 2008 - 06:10 PM

สาธุ