ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

หลวงพ่อ ตอบปัญหา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 12:32 AM

หลวงพ่อครับ ผมสงสัยว่าการสร้างธรรมกายเจดีย์

จะทำให้ผู้สร้างได้บุญต่อเนื่องไม่ขาดสายได้อย่างไร?

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  114_.jpg   284.05K   113 ดาวน์โหลด


#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 01:04 AM

เรื่องนี้หลวงพ่อมีข้อคิดจากพระไตรปิฎก

ซึ่งนอกจากจะตอบเรื่องนี้ได้ชัดเจนแล้ว ยังสามารถใช้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติส่วนตัว
และการเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ ผู้อื่นมาร่วมสร้างธรรมกายเจดีย์ได้ด้วย

พระไตรปิฎกได้มีบันทึกว่า

ครั้งหนึ่งพระสารีบุตรได้ไปนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน แล้วพินิจพิจารณาว่า

QUOTE
ทำอย่างไรจะให้พระภิกษุหรือคนธรรมดาๆ อย่างพวกเราได้มีบุญเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย


และด้วยความที่ท่านเป็นพระอรหันต์ ทำให้ท่านเห็นในที่ว่า

ถ้าจะให้มนุษย์อย่างพวกเราหรือพระธรรมดาๆ ที่ยังเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้
มีบุญเกิดทุกวินาทีอย่างต่อเนื่องกันไม่ ขาดสาย
QUOTE

คนๆ นั้นจะต้องมีใจที่ใส สะอาด และสว่างไสวยิ่งๆ ขึ้นไป


วิธีทำให้ใจใสสว่าง มีอยู่ง่ายๆ คือ

๑.ให้รำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า

๒.ถ้าไม่รำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็ให้รำลึกถึงคุณของพระธรรมอย่างต่อเนื่อง

๓.ถ้าไม่รำลึกถึงคุณของพระธรรม ก็ให้รำลึกถึงคุณของพระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง

๔.ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่นึกถึงคุณของพระสงฆ์ ก็ให้รำลึกถึงคุณของการศึกษาพระไตรปิฎกให้ต่อเนื่อง

๕.ถ้าไม่รำลึกถึงคุณของการศึกษาพระไตรปิฎก อย่างต่อเนื่องเคร่งครัด
ก็ให้รำลึกถึงคุณของการนั่งสมาธิของ ตัวเอง หมั่นประคองใจให้ยิ่งขึ้นไป

๖.ถ้าไม่รำลึกถึงคุณของการทำสมาธิ ก็คือเราจะนั่งสมาธิตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่ได้
เพราะจะต้องเปลี่ยนอิริยาบถ ด้วย
ถ้าอย่างนั้นเมื่อลุกจากนั่งสมาธิแล้ว ก็ให้ประคองใจ ต่อเนื่องกันไป ไม่ให้หลุดออกไปจากตัว

๗.แม้ที่สุดถ้าเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ไปแนะนำ ไปชักชวนเชื้อเชิญให้เขามาร่วมบุญกับเราด้วย
เราก็จะได้บุญต่อเนื่องไม่ขาดสาย



ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ในเจ็ดอย่างนี้ หรือครบทั้งเจ็ดอย่างได้ยิ่งดี

บุญจะไหล ต่อเนื่องไม่ขาดสายเข้ามาเลี้ยงใจของเราตลอดเวลา

แล้วความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรมจะบังเกิดกับเราอย่างแน่นอน

#3 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 01:30 AM

หลวงพ่ออ่านมาถึงตรงนี้ไม่อ่านเปล่า พยายามทดลองทำดู ทำแล้วทำอีก

แต่ก็ต้องยอมรับว่าแค่เพียงรำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็ทำได้ไม่ง่าย

แต่พระอริยสงฆ์ ในยุคโน้นคือ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอานนท์เหล่านี้เป็นต้น
ท่านนึกถึง พระคุณของพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าได้ต่อเนื่อง ไม่ขาดเป็นห้วง

คนในสมัยพุทธกาล เขาเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเดินอยู่ต่อหน้า
ได้ยินเสียงขณะพระองค์ทรงเทศน์ อบรมสั่งสอนสาธุชน
และพระภิกษุสามเณรอย่างเคร่งครัด

สาธุชนบางท่านก็ได้เข้าไปรับใช้อย่างใกล้ชิด เช่น
แพทย์ก็ได้ไป ดูแลรักษาพระพุทธองค์ด้วย

เมื่อเขาทั้งได้ยินและได้เห็น พอเขาหลับตาปุ๊บ
เขานึกออกเลยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระคุณกับเขา อย่างไรบ้าง เช่น

พระองค์ทรงเทศน์ให้ฟังในเวลาที่เขาผิดพลาด ทรงแก้ไขให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่ว่าจะไข้กายไข้ใจก็ทรงสอนวิธีรักษาให้จนหมดจนสิ้น

เพราะฉะนั้นภาพของพระองค์ทรงดีอย่างไร พระฉัพพรรณรังสีเปล่งปลั่งสว่างไสว เพียงไหน

เขาเห็นเหมือนอย่างกับมีใครเอาทีวี วีดิโอ หรือภาพยนตร์ไปฉายไว้ในใจของเขาเลย
เขาหลับตาลืมตาก็เห็น

ด้วยเหตุนี้ คนในยุคนั้นจึงนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณได้ง่าย

เพราะเขาได้ยินว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสอย่างไร ได้ยินชัดกับหูเลย

แล้วไม่ว่าจะนึกถึงคุณของพระอรหันต์ของพระสงฆ์กี่รูปๆ เขาก็นึกออก

เพราะฉะนั้น เพียงแค่หลับตานึกถึงภาพพระคุณของท่านเหล่านี้
ใจเขาก็สงบเดี๋ยวก็เข้าถึงธรรมกาย

แล้วบุญก็เกิดเอาเกิดเอา

เมื่อจะสอนลูกสอนหลาน หรือสอนใคร
เขาก็สอนง่าย เพราะนึกถึงภาพที่พระพุทธเจ้า
และพระอรหันต์เหล่านั้นเคยอบรมเขาไว้อย่างไร เขาก็สอนต่อๆ กันไป

แต่เราเกิดมาทีหลังพระองค์ปรินิพพานไปแล้วสองพันกว่าปี
เรานึกถึงคุณของพระองค์อย่างไร มักนึกไม่ค่อยจะออก นึกไม่ค่อยจะได้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

เราไม่เห็นตัวจริงของพระพุทธองค์

ดังนั้น สิ่งแรกที่เราจะต้องทำให้ได้ แล้วหลวงพ่อท่านก็ทุ่มเททำอยู่เป็นสิบปี

คือ การถอดแบบพระธรรมกายในตัวออกมา

เพื่อให้ใครพอเห็นพระธรรมกายแล้วรู้ว่า
นั่นคือเป้าหมายสุดท้ายของชีวิตเรา แล้วก็เกิดกำลังใจยิ่งๆ ขึ้นไปว่า

๑) เราจะต้องเข้าไปถึงธรรมกายภายในที่มีรูปร่างอย่างนี้ให้ได้

๒) การทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ เราจะเลิกให้หมด
เราจะสร้างบุญให้เต็มที่ แล้วกายเนื้อของเรานี้
จะได้ใกล้เคียงลักษณะมหาบุรุษเข้าไปทุกทีๆ


ถ้าทำอย่างนี้บุญใหญ่จึงจะเกิดขึ้นได้ง่าย

เพื่อให้ทุกคนได้บุญต่อเนื่องอย่างนี้ ในขั้นต้นนั้น
หลวงพ่อธัมมชโยจึงคิดว่า

QUOTE
ต้องจำลองเอาพระธรรมกายในตัวมาให้พวกเราดู
แล้วใจของเราจะได้เป็นบุญกุศลง่าย

เพราะพระพุทธรูปที่มีอยู่ในโลกขณะนี้
เขาสร้างตามใจช่าง ตัวช่างเองก็ไม่เคยเห็นพระธรรมกายในตัวว่าเป็นอย่างไร

คน ที่เคยเห็นก็ปั้นไม่เป็น
ท่านจึงทุ่มเทอยู่เป็นสิบปีที่จะปั้น พระธรรมกายออกมา


จากนั้นหลวงพ่อธัมมชโย ท่านก็ปรารภต่อว่า


QUOTE
ถ้ามี พระธรรมกายเพียงองค์เดียวหรือจำนวนน้อยนั้น
ไม่พอที่จะทำให้ประทับลงไปในใจของคนได้หรอก
ควรจะต้องมีพระธรรมกายเป็นล้านองค์

แล้วประดิษฐานในที่เดียวกัน

เราจึงจะนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออก


แล้วพลอยให้นึกภาพ เมื่อสมัยพุทธกาล ในขณะที่พระองค์มีพระชนม์ชีพอยู่
ทรงยืน ทรงเดิน และทรงเทศนาสั่งสอนได้ด้วย

แต่ถ้านึกภาพนั้น ไม่ออก ก็ไม่เป็นไร

ขอให้ได้เห็นภาพพระธรรมกายชัดๆ
แล้วภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะประทับลงไปในใจเอง

เพราะเป็นการมองเห็นจากพระธรรมกายจำนวนล้านๆ องค์

จากนั้นหลวงพ่อธัมมชโยท่านก็คิดต่อว่า

QUOTE
ถ้าอย่างนั้นจะต้องสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะบรรจุพระธรรมกายจำนวนล้านองค์นี้ให้ได้
และเป็นพระธรรมกายที่ได้สัดส่วนตรงตามความเป็นจริง
ที่จะทำให้คนปลื้มปีติกันได้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย



และนี่คือที่มาของธรรมกายเจดีย์

ไฟล์แนบ



#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 01:46 AM

ความจริงแล้ว หลวงพ่อธัมมชโย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาสร้างธรรมกายเจดีย์อย่างนี้หรอก

แต่ท่านนึกถึงคนที่ยังไม่เห็น หรือเห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เห็น คลุมเครือ ตะคุ่มๆ
วันดีคืนดีจึงเห็นพระธรรมกายในตัวสักครั้ง จากนั้นก็หายเงียบไปตั้งปี

ท่านจึงคิดจะแก้ไขตรงนี้ เพื่อให้แต่ละคนได้บุญอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เราได้เห็นพระธรรมกายชัดเจนทั้งหลับตาลืมตา

และเมื่อเห็นติดตาติดใจแล้ว ต่อไปในภายภาคหน้า
แม้ลืมตาอยู่ ถ้าเหลือบตาเข้าไปในตัวเมื่อไร ก็จะเห็นชัดว่า

พระธรรมกายนั่งอยู่ในตัว

เพราะฉะนั้น หลับตาก็เห็นชัด ลืมตาก็เห็นชัด

หากทำได้อย่างนี้ เพียงตรึกนิ่งๆ
พระพุทธคุณที่มีอยู่มากมายมหาศาลเพียงไหน
ก็ผุดขึ้นมาให้เห็นชัดเหมือนอย่างเราดูทีวีต่อเนื่องกันอย่างนั้นทีเดียว

หลวงพ่อท่านจึงได้ชวนพวกเราสร้างธรรมกายเจดีย์

เพราะฉะนั้น ขอฝากเอาไว้ตรงนี้ว่า


ธรรมกายเจดีย์นี้ที่เกิดขึ้นมานั้น แท้จริงเกิดขึ้นเพื่อตัวของพวกเราเอง

ต่อแต่นี้เราจะได้เห็นพระธรรมกายชัดๆ เหมือนลืมตาเห็นวัตถุ แล้วได้รู้ด้วยว่า

เป้าหมายของเราที่จะต้องเข้าถึงธรรมกาย ได้รู้ว่าธรรมกายเป็นอย่างนี้


และไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จากธรรมกายเจดีย์ในครั้งนี้

แม้พวกเราจะละโลกกันไปแล้วอีกเป็นร้อยเป็นพันปี

ตราบใดธรรมกายเจดีย์นี้ยังอยู่

ขอให้มีคนที่พอจะมีบุญอยู่บ้าง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติใดภาษาไหนก็ตาม
ขอให้ผ่านมาถึงที่ธรรมกายเจดีย์นี้

บุญในตัวของเขาจะเตือนให้ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า

เขาจะต้องปฏิบัติธรรม แล้วเขาจะเห็นนิมิตพระธรรมกายนี้ปรากฏประทับลงไปในใจเขา
เหมือนอย่างกับคนรุ่นเรานี้แหละ

เพราะฉะนั้น หลวงพ่อขอฝากความหวังเอาไว้ว่า

QUOTE
ธรรมกายเจดีย์ที่จะสร้างในครั้งนี้ต้องสำเร็จ
เพราะเมื่อเราได้ร่วมสร้างธรรมกายเจดีย์ตั้งแต่ครั้งนี้

สิ่งสำคัญที่เราจะได้ คือ

๑) เป็นบุญใหญ่ต่อเนื่องให้เราได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวได้โดยง่าย

๒) ที่สำคัญกว่านั้น เราเองก็ได้มีโอกาสที่จะให้ผู้อื่น ได้พึ่งบุญด้วย
เพราะเมื่อเราสร้างธรรมกายเจดีย์แล้ว
ใครได้มาเห็นธรรมกายเจดีย์และพระธรรมกายแล้ว ก็เข้าถึงธรรมตามเรามา
เสมือนเรานี้ได้เป็นที่พึ่งให้แก่เขา เหมือนไม้ใหญ่เป็นที่พึ่งให้แก่เขา

๓) แม้ว่าเราจะละโลกไปแล้ว ใครมาเข้าถึงธรรมได้ที่ธรรมกายเจดีย์นี้
หรือมาฉุกใจได้คิดที่จะปฏิบัติธรรมที่ธรรมกายเจดีย์แห่งนี้

ก็ทำให้เราพลอยได้บุญใหญ่ไปด้วย

ยิ่งกว่านั้นถ้าได้กลับมาเกิดอีกในช่วงพันปีนี้
และได้มานั่งปฏิบัติธรรมต่ออีก
เราก็ได้บุญต่อเนื่องไม่ขาดสายจากการสร้างธรรมกายเจดีย์อย่างนี้แหละ


และนี่ก็เป็นข้อคิดที่หลวงพ่อได้มาจากพระไตรปิฎกนั่นเอง
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#5 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 04:58 AM

ขออนุโมทนาบุญกับคุณDd2683 ที่นำเอาธรรมะดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง ขอให้ทำต่อไปนะครับ ...Sa Thu Krub