ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

หลวงพ่อ ตอบปัญหา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 03:01 AM

หลวงพ่อครับ ตอนนี้สมาชิกในบ้านของผมก็มีลูกๆ หลานๆ กันอยู่หลายคน

ผมอยากให้เด็กๆ ที่บ้านโตมาอย่างมีความเคารพพระรัตนตรัย

อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ หลวงพ่อมีวิธีฝึกความเคารพอย่างไรบ้างครับ


#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 03:21 AM

หลวงวิจิตรวาทการ ใช้คำพูดอยู่คำหนึ่ง ท่านบอกว่า

งานทุกอย่างต้องมีกุศโลบาย
คือ อุบายหรือวิธีการที่จะทำให้สำเร็จอย่างมีกุศล อย่างฉลาด หรืออย่างดีๆ


เป็นต้นว่าตัวของเรานี้ รู้อยู่ว่า ร่างกายนั้นต้องการอาหารพวกโปรตีน แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือแร่

แต่ว่าเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็มีความจำเป็นจะต้องหาอาหารประเภทโปรตีนมากิน

ถ้าเอาโปรตีนล้วนๆ มากิน ก็กินไม่ลงหรอก

ยกตัวอย่าง

เรารู้ว่าในไข่มีโปรตีนมาก ถ้าให้กินไข่เข้าไปทุกวันๆ เอาไหม?
ไม่เอา

วันหลังๆ เห็นไข่แล้วส่ายหน้า เบื่อเลย

เราจึงจำเป็นต้องรู้จักเปลี่ยนรายการอาหารบ้าง เช่น

วันนี้เป็นข้าว วันต่อไปเป็นเส้นหมี่บ้าง เป็นกวยจั๊บบ้าง เป็นก๋วยเตี๋ยวบ้าง

วันดีคืนดีก็เปลี่ยนเป็นขนมปังสักหน่อย
ถ้าอย่างนี้ คนกินจะรู้สึกไม่เซ็ง ไม่จำเจ

ขนาดอาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันก็ยังต้องมีกุศโลบาย
คืออุบายที่เป็นกุศล ปรับเปลี่ยนให้งานนั้นสำเร็จประโยชน์ได้
โดยไม่เก้อไม่เขิน ไม่หนักแรงจนเกินไป

เด็กบางคน แม่เลี้ยงมาอยากจะให้แข็งแรงดี
ให้กินไข่ทุกวันๆ พอตื่นขึ้นมาเท่านั้น เด็กร้องไห้ก่อนเลย บอกว่า

แม่ วันนี้ไม่อยากกินไข่

นี่เป็นเพราะแม่ขาดกุศโลบาย

พอแม่ไม่อยู่บ้านเมื่อไร เด็กทุบไข่ในบ้านทิ้งหมด เพราะกินไข่เสียจนเข็ด

เพราะฉะนั้น เรื่องของความเคารพก็เช่นกัน เป้าหมายที่เราต้องการนั้น

ขั้นต้นเลยคือให้นึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถ้ายังเป็นเด็กนั้น เขายังนึกพระคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ออก
แต่ถ้าให้นึกถึงประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เขาพอจะนึกออกว่า

พระองค์ลำบากลำบนมาก กว่าจะเอาธรรมะมาให้เราได้ แล้วพอพระองค์ตรัสรู้ธรรมะมาได้แล้ว พระองค์ก็ลำบากลำบนไปเทศน์ไปสอนสารพัด

แม้แต่โจรที่ฆ่าคนมาเป็นร้อย พระองค์ก็ต้องไปโปรด
หรือถ้าเป็นฤาษี ชีไพรอยู่ที่ไหน พระองค์ก็ต้องไปโปรด

บางครั้ง พระองค์รู้ว่าจะโดนฆ่า ก็ยังไป


ถ้านึกถึงพุทธประวัติอย่างนี้ เด็กนึกถึงพระพุทธคุณออก
นึกถึงด้วยความชื่นชม อยากจะเป็นผู้เสียสละ อยากเป็นผู้มีปัญญา
เป็นผู้มีความบริสุทธิ์อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถ้าเด็กคิดอย่างนี้ก็ถือว่านี่ เป็นเคารพมากมายแล้วสำหรับเด็ก

เมื่อเด็กโตขึ้นมาอีกนิด เราจะให้เขานึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไร
คำสอนของพระองค์มีว่าอย่างไร ว่าไป
หลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างนี้

เราก็ให้หัดนึกถึงพระองค์ในฐานะที่ว่า

QUOTE
ตั้งแต่พระองค์ตรัสรู้มา ธรรมะมีเท่าไร
พระองค์ก็นำมาร้อยมาจัดเป็นหมวดเป็นหมู่อย่างวิเศษเลย เพื่อเตรียมจะสอนลูกศิษย์ลูกหา

ตั้งแต่ตรัสรู้แล้วก็ช่วยสั่งสอนชาวโลกชาวบ้านชาวเมือง ไม่หยุดไม่หย่อนเลย

พระองค์เสด็จไปสอนที่นั่นก็สอนว่าอย่างนั้น เสด็จไปสอนที่นี่ก็สอนว่าอย่างนี้

พระองค์มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจต่อทุกคนอย่างนั้นอย่างนี้
ไม่เลือกที่รัก มักที่ชังใดๆ ทั้งสิ้น

พระองค์เป็นนักฝึกคนที่ไม่มีใครเทียบเสมอได้
เป็นผู้ปราบกิเลสหมดได้คนแรกในโลก ใครๆ ก็สู้พระองค์ไม่ได้เลย


เราฝึกให้เด็กเขานึกถึงพระองค์ในทำนองนี้

ทั้งเห็นเป็นพฤติกรรมและหลักธรรมระคนควบคู่กันไป

ซึ่งแน่นอนผู้ใหญ่ก็จะต้องลงมือศึกษาธรรมะให้เข้าใจด้วย
เพื่อจะได้ใช้ประคับประคองการคิดอ่านของลูกหลานไปด้วย

คราวนี้ พอเด็กมีพื้นฐานเรื่องความเคารพในพระพุทธคุณมากเข้า
เขาจะซึมซับเอาธรรมะเข้าไปในใจโดยอัตโนมัติ
แล้วเด็กจะมีนิสัยจับแง่คิดดีๆ เป็น


เพราะฉะนั้น
เมื่อใครมีความดีเท่าไร พ่อแม่มีความดีเท่าไร ลุงป้าน้าอามีความดีเท่าไร
เด็กจะเริ่มจับแง่คิดเป็น

เมื่อเขาโตมาถึงระดับหนึ่ง ได้รับการปลูกฝังมาอย่างต่อเนื่องจากพ่อแม่
ครั้งใดที่ขี้เกียจจะสวดมนต์ ขี้เกียจ นั่งสมาธิ
แม้ที่สุดจะทำความชั่วอยู่แล้ว

แต่ก็จะมีความรู้สึกว่าเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนอยู่ต่อหน้า
เลยไม่ทำ ไม่เอาแล้ว หันหลังกลับ

นี่ก็เป็นกุศโลบายที่ปู่ย่าตาทวดทำกันมา เพื่อให้ลูกหลานเป็นคนดี

แต่กว่าจะไปเป็นอย่างนี้ได้ พ่อแม่ต้องอบรมพื้นฐาน มาให้เขาได้ดีระดับหนึ่ง
แล้วเขาก็มาอบรมเคี่ยวเข็ญตัวเอง
ซึ่งคราวนี้เขาจะต้องเป็นคนอบรมตัวเองตลอดทั้งชาติ

#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 04:49 AM

ขออนุโมทนาบุญกับคุณDd2683 ที่นำเอาธรรมะดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง ขอให้ทำต่อไปนะครับ ...Sa Thu Krub


#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 23 November 2007 - 11:32 AM

ยกตัวอย่างที่วัดพระธรรมกายของเรา
ก็ใช้กุศโลบาย ในการฝึกความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เช่นกัน

เช่น

QUOTE
ในเวลาที่พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาจะกินข้าว เราก็ยังอุตส่าห์มีบทฝึก
โดยให้นึกเอาข้าวที่ตั้งอยู่ตรงหน้ามาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแทนดอกไม้ธูปเทียน
เรียกว่า บูชาข้าวพระ

ซึ่งเป็นการเอาข้าวมาเป็นนิมิตในการทำสมาธิด้วย
จากนั้นนึกอธิษฐานกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว พอใจใสแล้วค่อยลงมือกินข้าว


QUOTE
หรือว่าตื่นเช้าขึ้นมาตีสี่ครึ่ง เก็บที่หลับที่นอนเรียบร้อยแล้ว
ตีห้าก็ให้มาพร้อมกันสวดมนต์ทำวัตรเช้า สวด อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา ฯ กันไป

ขอให้ได้เอ่ยชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันก่อน แล้วสบายใจ


อันนี้ก็เป็นกุศโลบาย


QUOTE
หรือพระที่ห้อยคออยู่นี่ แทนที่จะเอาโน่นๆ นี่ๆ มาห้อยคอ เราก็ไม่เอาแล้ว

เราไปเอารูปพ่อมาแขวนคอ ก่อนจะทำอะไรจะได้คิดหน้าคิดหลัง คิดระวังถึงพ่อถึงแม่ด้วย

บางรายถึงกับทำให้เป็นกริ่งด้วย คือ ข้างในกลวง พอขยับแล้วก็มีเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ เช่น

วันนี้จะคว้าเหล้ามาดื่ม พอขยับตัวได้ยินเสียงดังกริ๊ง ก็คิดว่าอย่าดื่มเข้าไปนะ มันมีเสียงเตือนสติเหมือนอย่างกับว่าท่านมาเตือนด้วยตัวเอง


อย่างนี้ก็เรียกว่ากุศโลบาย

เพราะฉะนั้น ปู่ย่าตาทวดได้หากุศโลบายมามากมาย
เพื่อให้ตัวเราและลูกหลานในภายหน้า
เวลาจะทำอะไรไปทุกย่างก้าวให้เอาใจผูกไว้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


หลวงพ่อยังจำได้ เมื่อตอนนั้นหลวงพ่ออยู่ชั้นมัธยม

โยมพี่สาวมาเรียนอยู่ที่วิทยาลัยครูสวนสุนันทา
พอ กลับไปบ้าน เอารูปดาราภาพยนตร์ฝรั่งไปติดที่ผนังบ้าน
ดาราเขาก็รูปร่างหน้าตาเรียบร้อย ไม่ได้โป๊ไม่ได้เปลือยอะไรหรอก

แต่ขนาดนั้น โยมพ่อยังห้าม
โยมพ่อมาเห็นเข้าปั๊บ โยมพ่อว่าเลย

“อุตส่าห์ส่งไปเรียน แค่นี้ยังแยกไม่ออกว่าอะไรควรหรือไม่ควร
รูปพวกนี้มันทำให้จิตใจดีงามอะไรขึ้นมาได้บ้าง”


โยมพี่ตอบไม่ได้ เลยเก็บทิ้งหมด

ตกเย็นพ่อก็มาบอกว่า

QUOTE
เวลาที่เขาเอารูปติดไว้ในบ้าน เขาจะติดไว้สำหรับยกใจคน

เขาจะเอารูปพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดมาติด เพื่อนึกถึงพระคุณของท่าน
เดินผ่านรูปท่านไป ก็ยังนึกถึงคำสอนของท่าน เห็นหน้าท่าน ทีหนึ่ง
คำสอนคำห้ามที่ท่านให้เอาไว้ ว่าอย่างไร มันจะลอยขึ้นมาในใจ

ถ้าไม่เอารูปพ่อรูปแม่

ก็เอารูปพระมหากษัตริย์ เห็นแล้วก็นึกถึงว่า
เราจะช่วยพระองค์ทำแผ่นดินนี้ให้ดี ให้เจริญ

หรือไม่ก็เอารูปพระสงฆ์องคเจ้า พระอุปัชฌาย์อาจารย์ ที่เคยเคี่ยวเข็ญเรามา
เอามาติดไว้ให้เห็นหน้าท่าน ก็นึกถึงคำสอนของท่าน
ผ่านรูปท่านก็ยกมือไหว้ก่อนแล้วถึงจะไป

ถ้าไม่อย่างนั้นก็เอารูปพระพุทธรูป จะเอาพระประธานประจำโบสถ์
หรือพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช หรือพระไหนที่เคารพนับถือ

มาติดเอาไว้เพื่อให้นึกถึงพระพุทธเจ้า เดินผ่านท่าน นึกถึงพระคุณความดีของท่าน นั่นแหละ

คือจุดประสงค์ที่เขาเอารูปมาติดกัน

เราไปเอารูปดารามาติดบ้าน มันได้อะไร ความดีไม่เกิดหรอกลูกเอ๊ย
พอเห็นรูปดาราผู้หญิงสวยๆ อย่างนี้

เห็นแล้วมันก็มีแต่น่ากอด น่าจูบ แล้วกุศลจิตมันเกิดตรงไหนเล่าลูก”


นี่คือทัศนคติที่โยมพ่อให้เอาไว้แก่พี่สาวหลวงพ่อ

เพราะฉะนั้น การฝึกลูกหลานให้มีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ฝึกให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน กับผู้ใหญ่ ต้องมีกุศโลบายให้เด็กเกิดกุศลจิต รู้จักไตร่ตรองจับแง่คิดให้เห็นเหตุเห็นผลในคุณค่าของเรื่องนั้น
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#5 Regenbogen

Regenbogen
  • Members
  • 441 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 November 2007 - 04:15 AM

สาธุจ้ะ ขออนุโมทนาบุญที่มีเนื้อหาที่น่าอ่านนี้ด้วย ขอบคุณจ้า