อนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมสอบ พระอาจารย์ทั่นำนั่งสมาธิ และเจ้าหน้าที่วัดทุกท่านครับสาธุ
วันนี้ผมสอบที่ศูนย์สอบวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ในอุโบสถ ซึ่งเป็นวัดของเจ้าคณะจังหวัดอุบล
มีรองผู้ว่ามากล่าวเปิดและร่วมสอบด้วยท่านชื่นชมในกิจกรรมครั้งนี้มากมาก
world pec 2
เริ่มโดย วัดในดวงใจ, Jan 20 2008 08:27 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:27 PM
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#2
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:35 PM
สาธุด้วยค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:35 PM
มีกล่าวว่า ถ้ามวลมนุษยชาติทั่วโลกตั้งอยู่ในสัมมาทิฎฐิอย่างแท้จริงโลกนี้จะมีแต่สันติชัสุขและไมตรีจิตมิตรภาพปานสวรรค์
บนดินท่านมีความเข้าใจคำกล่าวนี้อย่างไรโปรดอธิบายให้ชัดเจน
แต่ละท่านมีคำตอบอย่างไรบ้างครับ
บนดินท่านมีความเข้าใจคำกล่าวนี้อย่างไรโปรดอธิบายให้ชัดเจน
แต่ละท่านมีคำตอบอย่างไรบ้างครับ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#4
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:42 PM
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑ สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้น
เป็นสัมมาสติ ฯ
ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น ฯ
นี่คือคำตอบผมเพื่อนเพื่อนช่วยให้คะแนนหน่อยซิครับสาธุ
เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑ สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้น
เป็นสัมมาสติ ฯ
ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น ฯ
นี่คือคำตอบผมเพื่อนเพื่อนช่วยให้คะแนนหน่อยซิครับสาธุ
ไฟล์แนบ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#5
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:55 PM
ปุยขาวละเอียดนุ่มนวล อ่อนโยน
ของมวลหมู่เมฆงดงามจับตาบนฟากฟ้า
ความบางเบาของปุยเล็กๆ แต่ละปุย
เมื่อมาผสมผสานรวมตัวกันเข้ามากขึ้นๆ
จนเป็นเมฆก้อนมหึมา ก่อให้เกิดเป็นสายฝนเม็ดใส
ยังความชุ่มชื่นแก่มวลสิ่งมีขีวิตทั้งหลาย
บนผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ
ความงดงามแห่งการกระทำก็เช่นกัน
แม้ในวันนี้จะดูน้อยนิด
ไม่เกิดสิ่งใดที่เป็นรูปธรรมให้เห็นได้
แต่ความสุขนั้นได้ก่อเกิดแล้วในดวงใจ
สักวันหนึ่งความงดงามจากสิ่งที่ได้กระทำลงไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมให้ความชุ่มเย็นแก่ผู้กระทำ
และสามารถเกื้อหนุนสิ่งแวดล้อมในโลกนี้ให้สวยงามได้
เรา...คือผู้ออกแบบชีวิต
เรา...ลิขิตชีวิตเราเอง
ไม่ใช่พรหม...หรือฟ้า...หรือใคร
อยากเป็นอะไร...แล้วแต่ใจของเรา
ที่สำคัญ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ตัวเองและคนรอบข้างในการทำความดีด้วย ครับสาธุ
ของมวลหมู่เมฆงดงามจับตาบนฟากฟ้า
ความบางเบาของปุยเล็กๆ แต่ละปุย
เมื่อมาผสมผสานรวมตัวกันเข้ามากขึ้นๆ
จนเป็นเมฆก้อนมหึมา ก่อให้เกิดเป็นสายฝนเม็ดใส
ยังความชุ่มชื่นแก่มวลสิ่งมีขีวิตทั้งหลาย
บนผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ
ความงดงามแห่งการกระทำก็เช่นกัน
แม้ในวันนี้จะดูน้อยนิด
ไม่เกิดสิ่งใดที่เป็นรูปธรรมให้เห็นได้
แต่ความสุขนั้นได้ก่อเกิดแล้วในดวงใจ
สักวันหนึ่งความงดงามจากสิ่งที่ได้กระทำลงไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมให้ความชุ่มเย็นแก่ผู้กระทำ
และสามารถเกื้อหนุนสิ่งแวดล้อมในโลกนี้ให้สวยงามได้
เรา...คือผู้ออกแบบชีวิต
เรา...ลิขิตชีวิตเราเอง
ไม่ใช่พรหม...หรือฟ้า...หรือใคร
อยากเป็นอะไร...แล้วแต่ใจของเรา
ที่สำคัญ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ตัวเองและคนรอบข้างในการทำความดีด้วย ครับสาธุ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#6
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 08:56 PM
สาธุค่ะ สอบเส็จแล้ว ศูนย์สอบตจว.ทำไม่ทันเลยค่ะ
รูปหลวงพ่อดูแล้วปิติจัง อยากทราบกลอนทีหลวงพ่อกล่าวไว้ตอนอยู่ที่ดอยสุเทพ กรุณาด้วยคะ
รูปหลวงพ่อดูแล้วปิติจัง อยากทราบกลอนทีหลวงพ่อกล่าวไว้ตอนอยู่ที่ดอยสุเทพ กรุณาด้วยคะ
#7
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 09:06 PM
อนุโมทนา สาธุ กับผู้เข้าสอบ ทุกท่านค่ะ
ขอให้มี world PEC ทุกๆ ปีนะคะ จะเข้าสอบทุกปีเหมือนกันค่ะ
^o^
ขอให้มี world PEC ทุกๆ ปีนะคะ จะเข้าสอบทุกปีเหมือนกันค่ะ
^o^
#8
โพสต์เมื่อ 20 January 2008 - 10:00 PM
สัมมาทิฏฐิ รู้บุญ บาป ดีชั่ว ถูก ผิด
ทำให้รู้จักศีลธรรม
ทำให้เข้าใจเบญจศีล เบญจธรรม อันเป็นปรกติ
โดยสรุป รู้จัก ทำดี โดยการทำทาน รักษาศีล และ เจริญภาวนา
โดยรวม โลกจะมีสันติสุข ครับผม
ทำให้รู้จักศีลธรรม
ทำให้เข้าใจเบญจศีล เบญจธรรม อันเป็นปรกติ
โดยสรุป รู้จัก ทำดี โดยการทำทาน รักษาศีล และ เจริญภาวนา
โดยรวม โลกจะมีสันติสุข ครับผม
#9
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 05:00 AM
อนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญทุกท่านนะครับ...สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 09:19 AM
อนุโมทนา สาธุ ค่ะ