เวลาสวดมนต์บูชาพระ
#1
โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 03:25 PM
#2
โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 04:06 PM
"มนต์ทั้งหลาย มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน"
มีความเห็นว่า เวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเข็มนาฬิกาไม่น่าจะสำคัญเท่า "เวลาที่ใจใสใส สะอาดที่สุด พร้อมที่จะกล่าวคำนอบน้อมพระรัตนตรัย"
เราทั้งหลายต่างมีเวลา และภารกิจทางโลกไม่เหมือนกัน
อีกทั้งยังมีจริตวิสัยปฏิบัติ แตกต่างกัน
จากพุทธพจน์ข้างต้น ขอตีความโดยความเห็นส่วนตัวว่า
สวดมนต์เวลาใดก็ตาม ก็ยังดีกว่าไม่ได้สวดมนต์เลย
และถึงแม้ได้สวดมนต์ เวลาที่เราใจใสที่สุด น่าจะสำคัญกว่าเลือกสวดเวลาที่เป็นปกติวิสัยของคนอื่น ซึ่งเราอาจไม่สะดวก สวดไปใจก็คำนึงหรือห่วงภารกิจที่จะต้องไปทำ
ดังนั้น เลือกเวลาที่เราพร้อม ใจเราใสสะอาดที่สุด น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังที่พระอาจารย์เคยบอกว่า
เวลาเราสวดมนต์ เทวดาทั้งหลายจะลงคุ้มครอง และอนุโมทนากับเรา เพราะเรากำลังเอ่ยวาจาสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
ส่วนเรื่องการถวายผลไม้
ขออ้างอิงคำสอนของพระอาจารย์ขณะอบรมธรรมทายาทมาเล่าให้ฟัง
ทุกมื้ออาหาร พระอาจารย์สอนให้พวกเรากลั่นอาหารทุกอย่างให้ใส เพื่อบูชาข้าวพระ กลั่นไว้ในกลาง ให้ใสสะอาด และนึกน้อมถวายพระธรรมกายในศูนย์กลางกาย พวกเราจะทำเช่นนี้ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร วันหนึ่งมีคนถามพระอาจารย์ว่าแล้วถ้าหลังเที่ยงเราจะน้อมถวายข้าวพระแบบนี้ในอาหารมื้อเย็นได้ไหม เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ถือศีลแปดภายหลังการอบรมฯ พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกว่าห้ามทำแต่อย่างไร แต่ให้ดีที่สุดถ้าเป็นอาหารควรถวายก่อนเที่ยง
ในกรณี อย่างที่คุณนักเรียนอนุบาล supatถามมา ถ้ากลั่นผลไม้ที่จะถวายพระให้ใสใสที่กลางกายแล้วถวายตอนกลางคืนก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่างถวายสังฆทานที่ไม่ใช่กับข้าวยังสามารถถวายหลังเที่ยงได้
ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆมีความเห็นว่าอย่างไร
อืม...เป็นคำถามที่น่าสนใจนะ
เดี๋ยวจะรออ่านความคิดเห็นของเพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่น
“ไม่ได้ไม่มี ไม่ดีไม่ได้ ต้องได้และดี ให้ดีที่สุด”
#3
โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 04:42 PM
แต่ถ้าจะถวายกับพระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชา ไม่ค่อยมีผู้นิยมถวายหลังเพลนะครับ แต่ถ้าถวายก็คงไม่ผิด (แค่ความคิดเห็นนะครับ)
ก็คงทำแบบนี้ดีกว่าเพื่อความสบายใจและปิติในบุญ ถ้าเป็นของที่นับเป็นภัตตาหาร ให้น้อมถวายหลังเพล ส่วนหลังเพลก็ถวายพวกน้ำปานะ หรือน้ำเปล่าแทน ได้บุญแบบไม่ต้องสงสัยเลยครับ
#4
โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 08:18 PM
การทำความดี นั้น ทำเมื่อไร ก็ดี เมื่อนั้น
แม้บางกรณี มีเรือง ควร / ไม่ควร บ้างก็ตาม
แก่น คือ การได้ทำความดี / จิตเลื่อมใส
ส่วนเลือกและกระพี้ คือ พิธีกรรม / มิติแห่งกาลเวลา / จารีต
#5
โพสต์เมื่อ 04 February 2008 - 09:12 PM
#6
โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 01:29 AM
น่าจะได้นะ เพราะพระในตัวน่าจะไม่ขึ้นอยู่กับเวลา กลางวัน หรือกลางคืน แม้แต่พระพุทธรูปก็เช่นกัน
ในแดนนิพพาน ไม่มีการนอน ดื่ม กิน ไม่มีกลางคืนไม่มีกลางวัน ทุกองค์ ต่างก็เข้ากลางไปเรื่อย (จำมาจากหลวงพ่อ ผิดพลาดประการใด ขออภัย)
แต่การถวายอาหารให้พระพุทธรูป ตอนกลางคืน คงมีคนทำกันน้อย เว้นแต่คนไทยเชื้อสายจีน
ก็เปลี่ยนมาถวายตอนใกล้รุ่ง หรือช่วงเช้า ไปก่อน กิจกรรมไหว้พระ สวดมนต์ จะทำเวลาไหนก็ได้ ตามแต่สะดวก เป็นเวลาที่ไม่มีสิ่งรบกวน
#7
โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 10:19 AM
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็สามารถทำได้ทุกเวลาครับ ลองสังเกตุดูสิครับว่า แม้เวลาในประเทศไทย เราประกอบพิธีบูชาข้าวพระ ตอนช่วงเพล แต่ในต่างประเทศ เวลาของเขาเป็นช่วงบ่ายบ้าง ช่วงค่ำบ้าง ช่วงดึกตีสองตีสาม ก็ยังมี ถ้าเกิดเราไปกำหนดว่า ประกอบพิธีบูชาข้าวพระ ต้องเป็นเวลาก่อนเพลเท่านั้น แล้วประเทศอื่นๆ เขาจะมาบูชาพร้อมครูไม่ใหญ่ได้อย่างไรล่ะครับ
#8
โพสต์เมื่อ 05 February 2008 - 12:34 PM
#9 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 08:07 AM
#10
โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 03:26 PM
ส่วนแบบเข้าถึง หมายถึง การทำแบบเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่า ผู้ที่กระทำเป็นผู้่มีสมาธิจิตเข้าถึงพระธรรมกายโคตรภูขึ้นไปน่ะสิครับ
#11 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 06 February 2008 - 09:57 PM
แบบเข้าถึงก็แบบที่วัดในอาทิตย์ต้นเดือนใช่มั้ยคะ
#12
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 04:21 AM
#13
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 11:51 AM
เอาความเข้าใจในระดับเบื้องต้นแค่นี้ก่อน ส่วนในระดับลึกซึ้ง คงต้องอาศัยการศึกษาปฏิบัติเพิ่มเติมต่อๆไปครับ
#14 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 07 February 2008 - 11:46 PM
#15
โพสต์เมื่อ 27 December 2015 - 09:03 AM