รักแบบบริสุทธิ์ รักแบบเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่และเจ็บตาย รักแบบเสียสละไม่หวังครอบครอง กลับให้อิสระทุกวินาที
โดยไม่สนว่าจะรักตอบหรือไม่ แล้วรู้ได้ยังไงว่ารักหรือไม่รัก ใช้อะไรเป็นเกณฑ์
![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/37460e6dc2448ee5ffaca19649b7d8c5?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
จะมีบ้างไหม ที่ความรักไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
เริ่มโดย usr21122, Feb 24 2008 08:59 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 24 February 2008 - 08:59 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 February 2008 - 09:04 PM
ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่รู้แค่ว่ารักแบบเมตตา และ รักแบบพ่อแม่รักลูกนั้น ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
#3
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 10:00 AM
เอาอะไรเป็นเกณฑ์ จะเอาเกณฑ์ไหนละ ถ้าเอาเกณฑ์ความรักแบบหนุ่มสาว แค่คุณรู้สึกดีกับคน ๆ หนึ่งก็เป็นประตูสู่ความรักแล้ว
รัก จะเริ่มจากคิดถึง แล้วห่วง หวง อยากเป็นเจ้าของ ยิ่งรักมากยิ่งทุกข์มาก แต่รักที่บริสุทธิ์จะไม่มีอุปทานรักมั่นถือมั่น จะมีพรหมวิหาร 4 เมตตา ความเอ็นดู กรุณาส่งสารและยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มุทิตา ยินดีเมื่อคนที่เรารักมีความสุข อุเบกขา รู้จักวางเฉย หากไม่ได้ดังใจ
รัก จะเริ่มจากคิดถึง แล้วห่วง หวง อยากเป็นเจ้าของ ยิ่งรักมากยิ่งทุกข์มาก แต่รักที่บริสุทธิ์จะไม่มีอุปทานรักมั่นถือมั่น จะมีพรหมวิหาร 4 เมตตา ความเอ็นดู กรุณาส่งสารและยื่นมือเข้าช่วยเหลือ มุทิตา ยินดีเมื่อคนที่เรารักมีความสุข อุเบกขา รู้จักวางเฉย หากไม่ได้ดังใจ
#4
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 10:31 AM
ความรักก่อให้เกิดทุกข์เป็นจริงอย่างยิ่ง ไม่เว้นแม้ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก เมื่อรักลูกก็จะหวงห่วง แค่นี้ก็เป็นประตูทุกข์แล้ว
...จะไม่ทุกข์น่าจะมีอย่างเดียวคือไม่รัก หรือในใจมีแต่อุเบกขา100% มองทั้งคนสัตว์สิ่งของในโลกนี้ล้วนเป็นสะสารอย่างหนึ่งเท่านั้น คงมีแต่พระอรหันต์
...ข้อความนี้มิได้หมายความว่าไม่ให้พ่อแม่ลูกรักกันนะ
...จะไม่ทุกข์น่าจะมีอย่างเดียวคือไม่รัก หรือในใจมีแต่อุเบกขา100% มองทั้งคนสัตว์สิ่งของในโลกนี้ล้วนเป็นสะสารอย่างหนึ่งเท่านั้น คงมีแต่พระอรหันต์
...ข้อความนี้มิได้หมายความว่าไม่ให้พ่อแม่ลูกรักกันนะ
#5
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 10:57 AM
อื่ม นิ่ม ว่า ไม่มี แต่ ไม่รู้ สิค๊ะ ลึกซึ้งตอบยาก
ลูกได้พบกับสิ่งที่ลูกตามหามาตลอด
#6
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 12:22 PM
รักที่ว่านั้น เขาเรียกรักแบบเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลกครับ
เมตตา หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่น มีความสุข
กรุณา หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่น พ้นจากทุกข์
ถามว่า รักแบบนี้มีบ้างไหม คำตอบคือ มีในพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนาลงไปในใจคนไงล่ะครับ
รู้ได้อย่างไร ว่าเขารักแบบนี้ อ๋อ ก็สังเกตุที่คำพูด และการกระทำน่ะสิครับ ที่เขาัมักบอกกันว่า
"อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับญาติมิตรให้ระวังวาจา อยู่กับปวงประชาให้ระวังการกระทำ"
เมตตา หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่น มีความสุข
กรุณา หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่น พ้นจากทุกข์
ถามว่า รักแบบนี้มีบ้างไหม คำตอบคือ มีในพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนาลงไปในใจคนไงล่ะครับ
รู้ได้อย่างไร ว่าเขารักแบบนี้ อ๋อ ก็สังเกตุที่คำพูด และการกระทำน่ะสิครับ ที่เขาัมักบอกกันว่า
"อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับญาติมิตรให้ระวังวาจา อยู่กับปวงประชาให้ระวังการกระทำ"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 01:23 PM
รักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปรารถนาให้เราพ้นทุกข์
รักของหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ ผู้ปรารถนาจะรื้อสัตว์ขนสัตว์สู่พระนิพพานโดยท่านจะเป็นผู้สุดท้าย
ครับ
รักของหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ ผู้ปรารถนาจะรื้อสัตว์ขนสัตว์สู่พระนิพพานโดยท่านจะเป็นผู้สุดท้าย
ครับ
#8
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 01:50 PM
มีครับ รักของแม่ และความรักที่ลูกลูกทุกคนมีให้หลวงพ่อสุดที่รักของพวกเรา รักยิ่งกว่าจักรวาลและไม่ต้องการสิ่งตอบแทนแน่นอน รักที่ซู้ดดดครับบ
#9
โพสต์เมื่อ 25 February 2008 - 11:36 PM
มีแน่นอน..
แต่ต้องเป็นความรัก.. ที่ไม่เจือปนด้วย กาม ราคะ..
ดังเช่น..
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว
สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้สบายๆ..
โดยไม่จำเป็นต้องเทศน์สอนใครเลยก็ได้..
แต่พระองค์ทรงเลือก.. ที่จะพบกับความยากลำบาก
ในการเทศน์สอน เผยแผ่พระธรรมออกไป
ถามว่าเพราะอะไรหรือ.. ?
รักของหลวงปู่+หลวงพ่อ+คุณยายอาจารย์..
ที่ลำพังท่านเอง.. สามารถรอดพ้นจากวัฏฏะสงสารได้สบายๆอยู่แล้ว..
แต่ท่านเลือก.. ที่จะลำบาก.. คือ พาลูกๆทุกคนไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน
ถามว่า.. เพราะอะไรหรือ.. ?
ตัวอย่างอื่นๆก็คือ
รักของพ่อ+แม่ ที่มีต่อลูก..
ครูบาอาจารย์ที่รักและหวังดีต่อศิษย์..
(หากผิดถูกประการใด.. ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ)
แต่ต้องเป็นความรัก.. ที่ไม่เจือปนด้วย กาม ราคะ..
ดังเช่น..
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว
สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้สบายๆ..
โดยไม่จำเป็นต้องเทศน์สอนใครเลยก็ได้..
แต่พระองค์ทรงเลือก.. ที่จะพบกับความยากลำบาก
ในการเทศน์สอน เผยแผ่พระธรรมออกไป
ถามว่าเพราะอะไรหรือ.. ?
รักของหลวงปู่+หลวงพ่อ+คุณยายอาจารย์..
ที่ลำพังท่านเอง.. สามารถรอดพ้นจากวัฏฏะสงสารได้สบายๆอยู่แล้ว..
แต่ท่านเลือก.. ที่จะลำบาก.. คือ พาลูกๆทุกคนไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน
ถามว่า.. เพราะอะไรหรือ.. ?
ตัวอย่างอื่นๆก็คือ
รักของพ่อ+แม่ ที่มีต่อลูก..
ครูบาอาจารย์ที่รักและหวังดีต่อศิษย์..
(หากผิดถูกประการใด.. ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ)
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#10
โพสต์เมื่อ 26 February 2008 - 12:11 PM
QUOTE
มีบ้างไหม รักแบบบริสุทธิ์
ก็ความรักของบุพการี ครูบาอาจารย์ เพื่อนสนิท ไงครับ
QUOTE
รักแบบเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่และเจ็บตาย
ก็ความรัก เพื่อนมนุษย์ของพระสัพพัยยุพุทธะ พระปัจเจกพุทธะ พระอริยบุคคล
และเหล่าพระโพธิสัตว์ กัลยาณมิตร กัลยาณธรรม เพื่อนนักสร้างบารมี
QUOTE
มีบ้างไหม รักแบบเสียสละไม่หวังครอบครอง กลับให้อิสระทุกวินาที
โดยไม่สนว่าจะรักตอบหรือไม่ แล้วรู้ได้ยังไงว่ารักหรือไม่รัก ใช้อะไรเป็นเกณฑ์
โดยไม่สนว่าจะรักตอบหรือไม่ แล้วรู้ได้ยังไงว่ารักหรือไม่รัก ใช้อะไรเป็นเกณฑ์
ถ้าหมายถึงความรักแบบหนุ่มสาว ก็พอมีบ้าง แต่มีน้อยคนที่มีจิตใจแบบนี้และทำได้แบบนี้
จะพอรู้ได้บ้าง ว่าใครรักเราแบบนี้
ก็จากพฤติกรรมการกระทำ ทางกาย วาจา สายตาที่มอง
แต่ถ้าไม่คุยกันแบบเปิดใจ ก็ยากที่จะรู้ได้ว่า
ใครบ้างที่มีความรักแบบเสียสละไม่หวังครอบครอง กลับให้อิสระทุกวินาที
ซึ่งที่จริงแล้ว ความรักแบบเสียสละ ไม่คาดหวังการครอบครอง ไม่หึงหวงนี้
สามารถนำทั้งความแช่มชื่นใจ ความอิ่มเอิบใจที่เห็นคนที่เรารักมีความสุข ความสำเร็จ
คือ มีความสุขใจ ที่ประณีตยิ่งกว่า ความรักที่หวังครอบครอง มากมายนัก
เพียงแต่ทำได้ไม่ง่าย
ยกเว้นแต่
มีสัมมาทิฎฐิ เข้าใจวงจรชีวิตในสังสารวัฎ์ และกฎแห่งกรรม การกระทำที่ต้องเป็นไป
ก็พอจะลด ละความทุกข์ใจ เกี่ยวกับความรักได้บ้าง ได้มาก
หรือ
เข้าถึงฌานสุข
ก็พอเปรียบเทียบได้ว่า ความรักในแบบรูปราคะและอรูปราคะ มีความสุขหยาบมาก เมื่อเทียบกับฌานสุข
ก็จะคลายความยึดมั่น ถือมั่นความรักแบบหนุ่มสาวได้
( Dd2683 : กามวัตถุ วัตถุ สิ่งที่มีรูปให้เห็น คือ ยินดีในกาม ราคะ โดยอาศัยวัตถุ สิ่งที่มีรูป /
ยินดีในกาม ราคะ โดยไม่อาศัย สิ่งที่มรูป วัตถุ
เช่น การปรุงแต่ง ฟุ้งซ่านทางความคิด เกี่ยวกับกามารมณ์ )
หรือ
พัมนาจิตใจ หลุดพ้นกามานุสัย ราคะนุสัย ของรูปราคะ อรูปราคะ
เข้าสู่สภาวะ พระอนาคามีอริยะบุคคล พระอรหันตเจ้า พระพุทธเจ้า
สรุปว่า
การคาดหวังจากความรักของคนอื่น ในแบบใด ๆ
ก่อให้เกิดความกังวลและทุกข์กินเปล่าครับ
( ภาษาฟุตบอล : free kick = ลูกเตะกินเเปล่า นอกเขตโทษ
ภาษาธรรม ; free suffering = ทุกข์(ใจ)กินเปล่า เพราะความคิดของตนเอง ทำร้ายตนเอง
จากความคาดหวังและฟุ้งซ่านไปเอง )
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม