ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

บวชเมื่ออายุ 75 ปี (15 มิถุนายน 2547)


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 02:52 AM

ย่อเรื่อง บวชเมื่ออายุ 75 ปี (15 มิถุนายน 2547) โดย Extra happy.gif




ปู่ของเจ้าของเคสเป็นคนร่างใหญ่ แข็งแรง ผิวเข้มและดุมาก ปู่ไม่เคยด่าว่าหลานด้วยถ้อยคำหยาบคายเลยสักครั้ง แต่ใบหน้าเรียบเฉยของท่านทำให้พวกหลานๆ กลัวจนตัวสั่น วันใดที่พวกหลานๆ ไปเยี่ยมย่าและพบปู่อยู่ที่บ้าน วันนั้นพวกหลานๆ จะยืน เดิน นั่ง นอนไม่เป็นสุขเลย หลาน ๆ ไม่เข้าหาปู่และปู่ก็ไม่เข้าหาใครเหมือนกัน ชีวิตของท่านไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเลย ชอบอยู่สันโดษ ไม่ดิ้นรนทะเยอทะยานในการแสวงหาทรัพย์สมบัติ ใครขออะไรก็ยกให้ง่าย ๆ แม้แต่ที่ดินซึ่งเป็นของมีราคา ท่านก็ยังเคยยกให้คนอื่น กุ้งหอยปูปลาที่เป็นของฟรี ๆ ก็ไม่เคยสนใจ ท่านบอกว่า มันเป็นบาป บางคนมองว่าท่านขี้เกียจ แต่สำหรับคนที่เข้าใจก็รู้ว่า ท่านขี้เกียจทำบาปมากกว่า ท่านเริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่ออายุ 75 ปี โดยการออกบวช [/color]

[color="#800080"]


หลวงปู่เริ่มต้นชีวิตในเพศสมณะเหมือนภิกษุที่พึ่งจะออกบวชในวัยหนุ่ม ท่านปฏิบัติสมณกิจอย่างสมภาคภูมิเพศบรรพชิตทุกประการ เมื่อบวชแล้วท่านก็ออกแสวงหาครูบาอาจารย์เพื่อเรียนรู้หลักปฏิบัติกรรมฐาน ประมาณปี พ.ศ.2526 ท่านก็เดินทางจากอีสานใต้สู่อีสานเหนือมุ่งสู่ จ.สกลนครและอยู่ที่นั่น 4 ปีเพื่อฝึกหัดทำสมาธิอย่างจริงจัง ชีวิตส่วนใหญ่ของท่านอยู่กับถ้ำเขาลำเนาไพร มีฉันบ้าง ไม่มีฉันบ้าง ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะท่านมุ่งปฏิบัติธรรม ไม่เน้นภัตตาหาร หลวงปู่เคยนั่งสมาธิแล้วฝนตกลงมา ก็ไม่ยอมลุกจากที่นั่งจนเวลาผ่านไปถึง 12 ชม. ฝนตกแดดออกมดกัดก็ไม่เคยย่อท้อ ท่านไม่ได้ปฏิบัติตนเหมือนภิกษุชราวัย 80 ปีเลย ไม่โอนอ่อนผ่อนตามสังขาร เรียกว่าสังขารมีไว้ให้ใช้สร้างบารมี ท่านก็ใช้กันสะบั้นหั่นแหลกกันไปเลย เมื่ออยู่ในเพศสมณะแล้วได้ฉายาว่า หลวงปู่ใจดี มีญาติโยมมาปฏิบัติดูแลท่านเหมือนญาติสนิทแต่ท่านก็ไม่ติดญาติโยม ปฏิสันถารตามสมควรเท่านั้น



ปี พ.ศ.2546 หลวงปู่อายุได้ 94 ปี เริ่มป่วย แขนไม่มีแรงพอที่จะฉันเอง แต่ท่านสามารถนั่งสมาธิกายตั้งตรงติดต่อกันเป็นเวลาหลาย ชม.ได้ ญาติโยมเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ท่านจะป่วย ท่านจะนั่งสมาธิเป็นวัน ไม่ออกมาฉันเลย ท่านบอกว่าต้องนั่งสมาธิ ถ้าไม่นั่ง ร่างกายจะเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ หลวงปู่มรณภาพเมื่ออายุ 95 ปี มีโอกาสอยู่ในเพศสมณะได้แค่ 20 พรรษาเท่านั้น



ย่าของเจ้าของเคสเป็นคนอ่อนโยน รักลูกหลานมาก ท่านไม่ได้มีใจอนุโมทนากับการบวชของหลวงปู่มากนัก เพราะตอนนั้นปู่มีอายุมากแล้ว และท่านทั้งสองไม่เคยพรากจากกันเลย ย่าจึงร้องไห้และตัดพ้อเล็กน้อย เพราะคิดว่าปู่ทิ้งท่านไป ไม่ยอมดูแลท่านยามแก่ชรา ย่าตักบาตรทุกวัน วันพระก็ไปถือศีล 8 ตามประเพณี กลับจากวัดมาถึงบ้าน พอถึงบ้านก็คุยแต่เรื่องครอบครัวและบุตรหลานกิจการงาน ความรวยความจน มหรสพ หนัง ลิเก ส่วนปู่คุยแต่เรื่องธรรมะกับเพื่อน ๆ เมื่อย่าอายุได้ 91 ปี ก็ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจเต้นแรง เหนื่อยหอบ ผุดลุกผุดนั่ง นั่งนอนไม่เป็นสุขเลย บางครั้งท่านเห็นคนตัวดำ ๆ มาหาเต็มไปหมด บางครั้งเพ้อร้องเสียงเหมือนม้า ถามท่านตอนที่ได้สติแล้ว ท่านบอกว่าคิดถึงพ่อ ที่บ้านพ่อเลี้ยงม้าไว้หลายตัว สมัยสาว ๆ ขี่ม้าที่บ้านพ่อ ย่ามีความผูกพันกับบ้านช่องลูกหลานมาก แม้เจ็บหนักและอายุมากแล้ว ท่านก็ไม่อยากตาย บอกให้ท่องสัมมาอะระหัง ท่านก็บอกว่ายาวไป เลยให้ท่องพุทโธ ท่านก็บอกว่า พุทโธมา 10 ปีแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลูกหลานเข้าใจท่านดีเพราะว่าท่านเจ็บหนัก และก็ไม่ได้คุ้นเคยกับหลักวิชชาเหล่านี้เลย และเมื่อความตายมาถึง ย่าก็ทำใจไม่ได้ ท่านเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเมื่ออายุได้ 92 ปี ก่อนหลวงปู่มรณภาพเพียง 3 เดือนเท่านั้น



ที่บ้านแม่ของเจ้าของเคสได้ติดดาวธรรมตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2546 ทำให้แม่อยากไปนั่งสมาธิที่พนาวัฒน์จนยั้งไม่อยู่ แม่เข้าใจเรื่องบุญมากขึ้น ไม่ฆ่าสัตว์ทำอาหาร ตักบาตรทุกวัน วันไหนดาวธรรมขัดข้อง วันนั้นแม่จะรอคอยช่างซ่อมด้วยความกระวนกระวายใจเหมือนอะไรขาดหายไปในชีวิต ตอนแรกเจ้าของเคสคิดว่าแม่ดูละครทุกวันเพราะติดละคร แต่เมื่อมีดาวธรรมแล้วจึงทราบว่าแม่ดูละครเพื่อรอเวลาให้หลับไปเท่านั้น ที่ดูละครเพราะว่าไม่รู้จะดูอะไรจริง ๆ ตอนนี้แม่บอกว่าเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับแม่คือ 19.30-22.00 น.



คำถาม
1. ทำไมหลวงปู่จึงออกบวชเมื่ออายุมากแล้ว ท่านนั่งสมาธิได้รับความสุขอย่างไรจึงสามารถนั่งได้นาน ท่านมรณภาพแล้วไปไหน ก่อนสิ้นท่านหลับตากวักมือเรียกให้เข้ามา ท่านเห็นอะไร ทำอย่างไรท่านจึงจะได้ไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เมื่อหลวงปู่ป่วย มีคนออกความเห็นให้หลวงปู่สึกเพื่อลูกหลานชายหญิงจะได้ปรนนิบัติได้อย่างใกล้ชิด แต่ท่านไม่ยอมคิดที่จะสึกจากพระ คนคิดสึกพระเพราะอยากดูแลตามฆราวาสวิสัย ถือว่าบาปมากหรือไม่


2. ย่าสิ้นใจแล้วไปไหน พอจะคิดถึงบุญที่ทำบ่อย ๆ คือ ตักบาตร ไหว้พระ ไปวัดได้บ้างหรือไม่

3. แม่ฆ่าสัตว์มากมาย บางครั้งทำเพราะลูกบุ้ยใบ้ให้ทำ แต่พอฟัง Case study มาก ๆ ท่านก็กลัวอายุสั้น ทำอย่างไรท่านจะอายุยืนและแข็งแรง

4. เจ้าของเคสทำบุญอะไรมาจึงเข้าวัดได้สะดวก และสร้างบารมีอย่างมีความสุข ชาติหน้าเธอขอสมัครเป็นพระ บวชแล้วไม่สึก



คำตอบ ปู่เคยบวชมาหลายชาติ เลยมีอัธยาศัยข้ามชาติติดมา คือ น้อมไปในทางบวช บำเพ็ญเนกขัมบารมี ซึ่งบางชาติก็บวชตอนหนุ่ม บางชาติก็บวชตอนแก่ น่าชื่นชมที่ท่านเป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนาจริง ๆ ขนาดอายุ 75 ยังทำความเพียรต่อเนื่องถึง 20 ปี อย่างนี้เรียกว่าบวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เรียกว่าเป็นเนื้อนาบุญของพระศาสนา เป็นพุทธบุตรที่แท้จริง การนั่งสมาธิของท่านก็ค่อยเป็นค่อยไป ใช้ความอดทน ปรารภความเพียรจนชนะทุกขเวทนาได้ จนกระทั่งนั่งได้นานเพราะใจเป็นสมาธิในระดับใจว่าง ๆ สบาย ๆ บางครั้งเห็นความสว่างมากบ้างน้อยบ้าง ท่านศึกษาตามที่ครูบาอาจารย์ทางนั้นแนะนำมา โดยพิจารณาสังขารร่างกายจนความเจ็บปวดหายไป แต่ยังไม่ถึงดวงสว่างหรือดวงธรรม นี่คือพระที่โยมต้องการ ถึงแม้จะไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ท่านประพฤติดี ปฏิบัติชอบ พระอย่างนี้อยู่ในป่าในเขา โยมก็อยากเจอ อยู่โคนไม้ก็อยากไปเจอที่โคนไม้ อยู่ที่ป่าช้าก็อยากจะไปเจอที่ป่าช้า อยู่ที่วัดก็อยากจะไปเจอที่วัด โดยไม่ต้องไปแจกอะไรเลย แค่นั่งนิ่ง ๆ ทำสมาธิ แค่เป็นพระเท่านั้นเอง คิดแบบพระ พูดแบบพระ ทำแบบพระ และให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่กุมารทอง รักยม



ให้ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทคือ ใช้ชีวิตในแต่ละวัน สั่งสมกุศลธรรมเอาไว้ ละชั่วทำดี ทำใจให้ใส นี่คือการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ถ้าสั้น ๆ ก็คือ ทำใจหยุดใจนิ่งทั้งวันทั้งคืน ศีล สมาธิ ปัญญาก็จะหยุดรวมประชุมกันและจะเข้าถึงศีล สมาธิภายในได้ ท่านได้ชื่อว่าหลวงปู่ใจดีเพราะท่านมีปฏิสันถารรับแขก รับโดยธรรม คือมาก็พูดคุยเรื่องธรรมะ ถามเรื่องอื่นก็นิ่งไม่พูด ถ้าถามเรื่องธรรมะปากเปิดพูดยิ้ม ถามเรื่องอื่นนิ่ง คล้าย ๆ ท่านไม่มีเวลาไปคุยเรื่องกะโหลกกะลา ท่านอยากจะคุยเรื่องเพชรพลอยในท้อง ของใส ๆ ในท้อง เมื่อไหร่มนุษย์เห็นเพชรพลอยในท้อง สันติสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นกับโลก พระอย่างนี้อยู่วัดไหน วัดนั้นก็รุ่งเรือง จะอยู่ป่า ป่าก็รุ่งเรือง อยู่ป่าช้า ป่าช้าก็รุ่งเรือง ตรงไหนที่ท่านนั่ง ตรงนั้นเรียกว่าที่อริยะ นั่งอยู่ในป่าอยู่ในถ้ำ ถ้ำนั้นก็เรียกว่าถ้ำอริยะ นั่งอยู่โคนไม้ไหน โคนไม้นั้นก็เป็นอริยะ นั่งกุฏิไหนกุฏินั้นก็เป็นอริยะ



หลวงปู่กวักมือก่อนมรณภาพ เพราะท่านเห็นบริวารของท่านซึ่งเป็นกายละเอียดมากมายมารับท่านด้วยเทวรถทองประดับรัตนชาติ และเมื่อมรณภาพแล้วไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อชั้นยามา มีวิมานเป็นทองประดับรัตนชาติขนาดปานกลาง ชั้นยามาเป็นสวรรค์ชั้นที่ 3 เป็นที่ชุมนุมของพระที่บวชสืบอายุพระพุทธศาสนาแต่ไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูง และพวกที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหนัก ๆ จะไปอยู่กัน แต่ถ้าเช้าเอน เพลนอน บ่ายพักผ่อน ค่ำจำวัด ดึกสงัดซัดมาม่า ก็ไปเกิดเป็นหมู เป็นวัวควาย ถ้าฟุ้งซ่านก็ไปเกิดเป็นคนธรรพ์



สำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ (สด จันทสโร) ของเรา ท่านไม่ได้กวักมือ ท่านถามพวกที่อยู่ในโรงงานทำวิชชาว่า เห็นไหมวะ พระอินทร์มาอาราธนาพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ เห็นกันหรือเปล่าวะ พวกที่อยู่ในโรงงานทำวิชชาก็นั่งนิ่งแล้วตอบว่า “เห็นเจ้าค่ะ ขอกราบอาราธนาหลวงพ่ออยู่โปรดสัตว์ก่อน” ปกติคำว่า ไม่ไหว ท่านจะไม่พูดนะ มีวันนั้นวันเดียวที่ท่านตอบว่า “จะโปรดมันไหวหรือวะ” แล้วท่านก็นิ่ง คำว่าไม่ไหว ท่านพูดอยู่คำเดียวในชีวิตท่าน คือ ท่านทำมาจนกระทั่งสังขารท่านกรอบทั้งวันทั้งคืน ลูกระเบิดจะหล่นตูมตาม ท่านก็ไม่หวั่นไหว ก็ทำอยู่อย่างนั้น พักผ่อนวันหนึ่งไม่กี่ ชม.จะอยู่ในความเพียรตลอด



ส่วนคุณยาย (มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) ของเรา “ใครมากันตั้งเยอะแยะ” ทักอย่างนี้ได้อย่างไร ครูไม่ใหญ่เลยบอกว่า ใครมาก็ไปก่อน ให้ยายอยู่ อยู่ต่อมาได้อีก 3 ปี แล้วพูดเป็นนัยอยู่เรื่อย ๆ ว่า “ยายอยากกลับบ้าน” ครูไม่ใหญ่ก็ตอบว่า ‘บ้านยายอยู่นี่ ไม่ได้อยู่ไหน” บอกอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ ท่านจะพูดอ้อม ๆ เพราะท่านรู้ว่าครูไม่ใหญ่ไม่ค่อยชอบ ถ้าจะพูดว่า ถ้ายายตายแล้วจะอย่างนั้นอย่างนี้ บอกหยุด ๆ คุยเรื่องอื่นก่อน ท่านก็จะพูดเลี่ยง ๆ ว่า “ยายอยากกลับบ้าน” อารีพันธ์ก็พาท่านกลับไปที่นครชัยศรี ก็ไปดูอย่างนั้นเอง กลับมาก็ยังอยากกลับบ้านเหมือนเดิม เพราะที่ยายหมายถึง มันคนละบ้านกัน



ถ้าอยากให้หลวงปู่ไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เจ้าของเคสต้องทำวิชชาธรรมกายให้เป็นแล้วก็ให้ละเอียดมาก ๆ แล้วใช้วิธีการพิเศษรวมทั้งท่านต้องสมัครใจด้วย แต่ท่านไม่เข้าใจเรื่องวงบุญพิเศษ ท่านเพียงต้องการหลุดพ้น เพราะเบื่อหน่ายวัฏฏะ แต่บารมีของท่านยังไปไม่ถึงตรงนั้น ท่านได้วางเข็มทิศแล้วว่าจะไป ณ จุดตรงนั้น จึงประพฤติปฏิบัติเข้าสู่ลู่ชีวิต เกราะชีวิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดกรอบเอาไว้ เอกานยมรรค หนทางเอกสายเดียวแน่วไปเลย ท่านฝึกหัดเป็นนักบวชตั้งแต่ตอนเป็นคฤหัสถ์ ท่านมีความพร้อม เมื่อบุญเก่าตามมาทัน อะไรก็รั้งท่านไม่อยู่ ท่านก็ออกบวชเพื่อบำเพ็ญพรต การไปอยู่ป่าอยู่เขาตามลำพัง ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีหลักของใจ มีเป้าหมายของชีวิต ต้องมีมโนปณิธานอย่างแน่วแน่ เพราะการไปอยู่ตามลำพังอย่างนั้น ถ้าไม่มีที่พึ่งที่ระลึก หรือแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกภายใน จะอยู่ยาก เพราะลำบาก มีฉันก็ฉัน ไม่มีฉันก็ไม่ฉัน อยู่เป็นสุขในธรรมปฏิบัติของท่าน ในความสบาย ๆ ว่าง ๆ บางครั้งก็สว่างมาก บางครั้งก็สว่างปานกลาง บางครั้งก็สว่างน้อย แล้วก็พิจารณากายคตาสติสังขารของท่านไป



เมื่อหลวงปู่ป่วยและลูกหลานอยากให้ท่านสึก เพื่อลูกหลานจะได้ดูแลใกล้ชิดแต่ท่านไม่ยอม ผู้แนะนำมีเจตนาดี จิตเป็นกุศล แต่ขาดปัญญา ก็จะทำให้มีวิบากกรรมบ้างเพราะว่าท่านไม่ได้สึก วิบากกรรมคือ มีความหลงผิดติดตัวไปข้ามชาติ พอถึงเวลาที่ตัวเองจะบวชก็จะถูกห้าม หรือถึงคราวของตัวก็จะไม่ยินดีในการบวช ซึ่งจะทำให้ล่าช้าต่อการไปนิพพาน แต่ก็อย่าไปกังวลใจ ให้เร่งรีบสั่งสมบุญทุกบุญให้มาก ๆ ดีกว่า



ย่าของเจ้าของเคสตายแล้วไปเป็นภุมเทวาสายยักษ์ระดับชั้นกลาง ๆ ดีพอสมควรแต่ไม่ถึงกับหรู เพราะท่านยังเป็นห่วงลูกหลาน มีบ้านอยู่ มีอาหารทิพย์ มียักษ์ที่อยู่ในการดูแลของท่านบ้าง ด้วยบุญที่ทำแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป และก่อนตายจิตของท่านก็ไม่ค่อยผ่องใสร่วมกับกรรมที่ฆ่าสัตว์ทำอาหารเป็นหลัก บุญได้ช่องก่อนจึงไปเป็นยักษิณีที่ไม่มีเขี้ยวงอกนอกจากเวลาโกรธ ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ก็ทำให้มีสภาพที่ดีกว่าเดิม คือมีบ้านโตขึ้น วิมานสวยขึ้น มีอาหารทิพย์มากขึ้นและกายสว่างขึ้นกว่าเดิม



คนที่อยู่ด้วยกันในภพมนุษย์ แต่เมื่อตายแล้วไปกันคนละทาง ไม่ใช่ว่าสองเรารักกัน จดทะเบียนเป็นหนึ่งเดียวกัน ตายแล้วจะไปเป็นคนหนึ่งคนเดียวกันอีกหาเป็นเช่นนั้นไม่ อีกคนหนึ่งเป็นยักษ์ อีกคนหนึ่งเป็นเทพบุตรสุดหล่อ เมื่อมาเจอกัน ยักษิณีต้องไหว้เทพบุตร เมื่อคุยว่าจำบุพกรรมได้ไหม ยักษิณีจะร้องไห้ และคิดว่า รู้อย่างนี้ตอนเป็นมนุษย์สั่งสมบุญบารมีไว้เยอะ ๆ ดีกว่า แต่พอเป็นยักษ์แล้วก็ต้องเป็นยักษ์ไปอย่างนั้น กว่าจะหมดความเป็นยักษ์ก็นานทีเดียว เพราะ 1 ปีของสวรรค์ชั้นที่ 1 เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์ ซึ่งบางครั้งก็อยู่ถึง บางครั้งก็อยู่ไม่ถึง แล้วแต่กำลังบุญ ถ้าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ก็ดีขึ้น เป็นยักษ์สวยขึ้น มีหนุ่ม ๆ ยักษ์มาตามจีบ



แม่ของเจ้าของเคสฆ่าสัตว์มามากเพื่อทำเป็นอาหาร หากกลัวอายุสั้นก็ต้องรีบสั่งสมบุญทุก ๆ บุญทั้งทาน ศีล ภาวนาให้มาก ๆ โดยเฉพาะบุญให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ต้องหมั่นปล่อยสัตว์ปล่อยปลาบ่อย ๆ และอุทิศบุญกุศลไปให้สัตว์ที่เราเคยฆ่าไว้ หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย ตายก็จะไปดี และยิ่งปฏิบัติธรรมเข้าถึงพระธรรมกายก็จะมีสิทธิ์ไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้



เจ้าของเคสเคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะ โดยเป็นกองเสบียงและมีนิสัยชอบทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรชวนคนเข้าวัด ชาติที่ผ่านมาเป็นผู้หญิงและมีครอบครัว แต่มีทุกข์ที่เกิดจากการครองเรือนจึงเกิดความเบื่อหน่าย จึงอธิษฐานจิตขออย่าได้มีครอบครัวในภพชาติถัดไป ให้ได้เป็นอุบาสิกาประพฤติพรหมจรรย์ ชาตินี้จึงได้เข้าวัดสะดวกโยธิน หากว่าชาตินี้ประพฤติพรหมจรรย์รักษาศีล 8 ได้ตลอดชีวิตก็จะพ้นจากกรรมที่เป็นหญิง จะได้เกิดเป็นผู้ชายและก็จะได้ออกบวชสมความปรารถนา



เพราะฉะนั้นใครที่ได้บวชให้ดีใจไว้ เพราะเป็นเพศที่สูงส่ง ชาติหลัง ๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกือบจะทุกชาติ ท่านจะออกบวช ถึงแม้จะเกิดในวรรณะกษัตริย์ก็จะออกบวช คือ ท่านเกิดในตระกูลสูงแต่ก็ออกบวช ขนาดเป็นพระเตมีย์พูดได้แต่ไม่พูด จนเขานึกว่าเป็นใบ้ เพื่อที่จะไม่ต้องครองราชสมบัติ เพราะท่านเห็นภาพว่า ตัวเองเคยไปตกนรกมาเนื่องจากเคยเป็นผู้ปกครองที่ตัดสินประหารชีวิต ท่านมีบารมี เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วกลัว ถ้าเราเชื่อฟังและเชื่อถือท่าน คือ เลือกเชื่อผู้บริสุทธิ์ ถือว่าเราเป็นผู้มีบุญ



#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 07:42 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณExtra ด้วยนะครับ...สาธุ

#3 อยู่กับยาย

อยู่กับยาย
  • Members
  • 138 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 10:04 AM

สาธุค่ะ

#4 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 11:02 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณExtra ด้วยนะครับ...สาธุ ถ้ามีโอกาสควรไปเผยแพร่ที่อื่นด้วยนะครับสาธุ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#5 100กะรัต

100กะรัต
  • Members
  • 209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 03:30 PM

ขออนุโมทนาบุญดัวยค๊ะ สาธุ

100กะรัต


#6 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 05:29 PM

สาธุครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#7 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 March 2008 - 11:32 PM

Sathu krub