![unsure.gif](style_emoticons/default/unsure.gif)
![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/6744868d2ad0c8582f22a50dfd0782f8?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
ไขข้อข้องใจ
เริ่มโดย เด็กใจใหญ่, Mar 22 2008 12:02 AM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 12:02 AM
อยากทราบว่าเพราะเหตุใด? ทำไมเราต้องรักษาพรหมจรรย์ เพราะอะไร?
มีท่านใดพอจะไขข้อข้องใจได้บ้าง กราบขอบพระคุณล่วงหน้า...
![unsure.gif](style_emoticons/default/unsure.gif)
#2
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 08:45 AM
เท่าที่เคยฟังหลวงพ่อทัตตะแสดงธรรมนะนครับ พอจำความได้ว่า
การรักษาพรหมจรรย์ทำให้เราไม่มีห่วง และ บ่วง ติดกับกายและใจของเรา ไม่ต้องคิด พูด และ ทำ แบบทางโลก
การรักษาพรหมจรรย์ทำให้เราไม่มีห่วง และ บ่วง ติดกับกายและใจของเรา ไม่ต้องคิด พูด และ ทำ แบบทางโลก
#3
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 08:46 AM
หากเรามองต้นแบบ เช่น พระพุทธเจ้า พระอริยะ หรือมองใกล้ๆตัว ก็อย่างเช่น หลวงปู่ของเรา เป็นต้น
แล้วเรายึดท่านเป็นต้นแบบ
หมั่น "พิจารณา" ตนเองอยู่เสมอ โดยมี "มาตรฐาน" คือบุคคลต้นแบบเหล่านั้น
โยนิโสมนสิการจะค่อยๆ มีเกิดขึ้น ทีละน้อยๆ
- ความไม่ประมาท
- ทำความเพียร
- ความมักน้อย -- พึงพอใจในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่แม้เพียงน้อยนิด
- ความสันโดษ -- รักสันโดษ ไม่ยินดีในการเข้าสังคม ยินดีในการทำใจหยุดใจนิ่ง ใจจะหยุดนิ่งได้ ต้องรักสันโดษ จิตต้องออกจากกาม
"ผู้ที่จะขจัดกิเลสได้ โดยปกติแล้วจะอยู่ในเพศของนักบวช หรือ ประพฤติพรมจรรย์ เท่านั้น"
แล้วเรายึดท่านเป็นต้นแบบ
หมั่น "พิจารณา" ตนเองอยู่เสมอ โดยมี "มาตรฐาน" คือบุคคลต้นแบบเหล่านั้น
โยนิโสมนสิการจะค่อยๆ มีเกิดขึ้น ทีละน้อยๆ
- ความไม่ประมาท
- ทำความเพียร
- ความมักน้อย -- พึงพอใจในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่แม้เพียงน้อยนิด
- ความสันโดษ -- รักสันโดษ ไม่ยินดีในการเข้าสังคม ยินดีในการทำใจหยุดใจนิ่ง ใจจะหยุดนิ่งได้ ต้องรักสันโดษ จิตต้องออกจากกาม
"ผู้ที่จะขจัดกิเลสได้ โดยปกติแล้วจะอยู่ในเพศของนักบวช หรือ ประพฤติพรมจรรย์ เท่านั้น"
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#4
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 09:32 AM
ขอตอบแบบ ตัวเองเข้าใจนะคะ
เพราะว่า หากเรายังพึงพอใจใน "กาม" ใจยังติดอยู่กับ รูปสวยๆ รสอร่อย กลิ่นอันเย้ายวนใจ เสียงอันไพเราะ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่เที่ยงค่ะ
สวยไม่นาน ก็เหี่ยวแห้งไป / รส กินบ่อยๆ ก็เบื่อ / กลิ่นหอมๆ ก็ไม่นาน และ พอได้กลิ่น ไม่หอม (เหม็น) ก็ ไม่ชอบ เป็น ทุกข์ / พอได้ยินเสียงไม่ไพเราะ ใจก็ขุ่นมัว
สรุปแล้วก็คือ ต้องไปแสวงหา "สุขนอกตัว" ตลอดเวลา เพื่อ"สร้างสุข" ให้ตนเอง
หากเรา ไม่ติดใน "กามคุณ" ไม่มี ภาระทางโลก (ไม่มีแฟน ก็ไม่ต้อง กลัวไปมี กิ๊ก)
เป็นการปลด ภาระทางใจ ออกไป
ไม่มีลูก ก็ไม่ต้องมีกังวล
ปิดโอกาสที่จะสร้างบาปเพิ่มขึ้นอีก
แต่ เปิดโอกาส ให้ได้สร้างบุญ สร้างความดี ช่วยเหลือสังคมรอบข้างได้เต็มที่
แทนที่ เสียเวลาในชีวิต เพื่อ แก้ปัญหาครอบครัว ตนเอง ไป ซะ หมด (เวลา)
QUOTE
เพราะเหตุใด? ทำไมเราต้องรักษาพรหมจรรย์ เพราะอะไร?
เพราะว่า หากเรายังพึงพอใจใน "กาม" ใจยังติดอยู่กับ รูปสวยๆ รสอร่อย กลิ่นอันเย้ายวนใจ เสียงอันไพเราะ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่เที่ยงค่ะ
สวยไม่นาน ก็เหี่ยวแห้งไป / รส กินบ่อยๆ ก็เบื่อ / กลิ่นหอมๆ ก็ไม่นาน และ พอได้กลิ่น ไม่หอม (เหม็น) ก็ ไม่ชอบ เป็น ทุกข์ / พอได้ยินเสียงไม่ไพเราะ ใจก็ขุ่นมัว
สรุปแล้วก็คือ ต้องไปแสวงหา "สุขนอกตัว" ตลอดเวลา เพื่อ"สร้างสุข" ให้ตนเอง
หากเรา ไม่ติดใน "กามคุณ" ไม่มี ภาระทางโลก (ไม่มีแฟน ก็ไม่ต้อง กลัวไปมี กิ๊ก)
เป็นการปลด ภาระทางใจ ออกไป
ไม่มีลูก ก็ไม่ต้องมีกังวล
ปิดโอกาสที่จะสร้างบาปเพิ่มขึ้นอีก
แต่ เปิดโอกาส ให้ได้สร้างบุญ สร้างความดี ช่วยเหลือสังคมรอบข้างได้เต็มที่
แทนที่ เสียเวลาในชีวิต เพื่อ แก้ปัญหาครอบครัว ตนเอง ไป ซะ หมด (เวลา)
ไฟล์แนบ
" เกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง + แสวงบุญ + สร้างบารมีค่ะ "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#5
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 02:03 PM
- กามภพ ถูกครอบงำด้วยกามคุณ
- มนุษย์ผู้มีปัญญาทางธรรม ย่อมพิจารณา เห็นโทษของกาม เห็นทุกสรรพสิ่งว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่จีรังยั่งยืน
- พิจารณาอย่างถ่องแท้ก็เบื่อหน่ายกามคุณ มาแสวงหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากอำนาจของกามสุข
- โดยพิจารณา ก็สามารถรู้ว่ากามคุณเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ เพราะเป็นเครื่องกังวล
- แม้จะผละจากกามคุณ บังเกิดฌาน ก็ยังต้องผจญกับรูปราคะ อรูปราคะ ในภพอื่น จนกว่าจะสิ้นกิเลสอาสวะจึงจะพ้นจากภพ3
- มนุษย์ผู้มีปัญญาทางธรรม ย่อมพิจารณา เห็นโทษของกาม เห็นทุกสรรพสิ่งว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่จีรังยั่งยืน
- พิจารณาอย่างถ่องแท้ก็เบื่อหน่ายกามคุณ มาแสวงหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากอำนาจของกามสุข
- โดยพิจารณา ก็สามารถรู้ว่ากามคุณเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ เพราะเป็นเครื่องกังวล
- แม้จะผละจากกามคุณ บังเกิดฌาน ก็ยังต้องผจญกับรูปราคะ อรูปราคะ ในภพอื่น จนกว่าจะสิ้นกิเลสอาสวะจึงจะพ้นจากภพ3
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#6
โพสต์เมื่อ 22 March 2008 - 05:51 PM
I like Khun "Christal Mind"'s explanation because it has a simple clarification which is good to be remembered for teaching myself.
#7
โพสต์เมื่อ 23 March 2008 - 11:10 AM
กามคุณ มีสุขน้อย ทุกข์มาก อยู่เป็นโสดดีกว่าไม่มีเครื่องกังวลใจครับ สามารถสร้างบารมีได้เต็มที่...สาธุ