ผมบังเอิญผ่านไปพบข้อความเชิญชวนไปดูหนังเรื่องหนึ่ง โดยเนื้อหาของหนังไม่สมควรได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้เลย ไม่รู้จะทำไงดีครับ ขอความเห็นว่าเราควรจะช่วยกันแสดงความเห็นทั้งต่อการฉายหนังและคนที่สร้างหรือไม่ครับ มีเบอร์โทรศัพท์และ website มาด้วยในรูปนะครับผม
--------------------------------------------------------
แสงศตวรรษ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Syndromes and a Century เป็นภาพยนตร์ไทย กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นหนึ่งในชุดผลงานของผู้กำกับ 6 คนจากทั่วโลก ร่วมกับผู้กำกับจากปารากวัย อิหร่าน ชาด ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ที่ได้รับเชิญให้ร่วมผลิตภาพยนตร์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล “นิว คราวน์ โฮป” ในโอกาสเฉลิมฉลอง 250 ปีชาตกาลของ โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท คีตกวีชาวออสเตรีย เมื่อ พ.ศ. 2549 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากทางการกรุงเวียนนา และออกฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทย ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 แบบจำกัดโรง จำนวน 2 โรง แต่ภาพยนตร์ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และ 10 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยมีเงื่อนไขให้ตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก ซึ่งทางคณะกรรมการชี้ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ จึงจะอนุญาตให้ฉายได้ ซึ่งอภิชาติพงศ์ ได้ตัดสินใจที่ไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย
ฉากที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากกองเซ็นเซอร์คือ
1) ฉากพระกำลังเล่นกีตาร์
2) ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาลขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่
3) ฉากหมอชายจูบแสดงความรักกับแฟนสาวที่แวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ก่อนจะต้องจากกันเมื่อฝ่ายหญิงต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และเกิดอารมณ์ทางเพศจนเห็นความผิดปกติของเป้ากางเกง
4) ฉากพระเล่นเครื่องร่อน
47896.jpg 75.99K
84 ดาวน์โหลด
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 มีประกาศว่าผู้กำกับภาพยนตร์ได้นำภาพยนตร์นี้เข้ารับการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถูกสั่งให้ตัดเพิ่มเป็น 6 ฉาก โดยอภิชาติพงษ์ใส่ฟิล์มดำแทนฉากที่โดนตัด เพื่อแสดงถึงการโดนบังคับตัดออก
ทำไปได้ยังไง???
เริ่มโดย n00m, Apr 12 2008 08:34 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 12 April 2008 - 08:34 PM
#2
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 07:02 AM
Oh! ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม ตนจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น...สาธุ
#3
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 08:36 PM
art ไม่ clean
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#4
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 09:29 PM
มันจะมีมาเรื่อยๆ ครับ เพราะเป็นช่วงไขลงครับ
หลากหลายรูปแบบ หลายลีลา
ที่หมู่มารทั้งห้าฝูง เสกสรรปั้นมา
ที่เห็นนี่ เป็นเทวบุตรมาร เสกสรรปั้นแต่งมา
วิธีการในรูปแบบที่ทำได้ด้วยกายเนื้อ ในการปรับโครงสร้างของสิ่งไม่ดี (อธรรม)
คือการที่จะต้องสร้างเครือข่ายคนดี อย่างด่วนครับ
แบบหมู่คณะวัดพระธรรมกาย นี่แหละครับ ยอดเยี่ยม
หลากหลายรูปแบบ หลายลีลา
ที่หมู่มารทั้งห้าฝูง เสกสรรปั้นมา
ที่เห็นนี่ เป็นเทวบุตรมาร เสกสรรปั้นแต่งมา
วิธีการในรูปแบบที่ทำได้ด้วยกายเนื้อ ในการปรับโครงสร้างของสิ่งไม่ดี (อธรรม)
คือการที่จะต้องสร้างเครือข่ายคนดี อย่างด่วนครับ
แบบหมู่คณะวัดพระธรรมกาย นี่แหละครับ ยอดเยี่ยม
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#5
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 11:13 AM
แล้วเราจะรู้ได้งัยว่าใครคือมาร ใครคือเทวบุตรมาร อะไรมารทำมา
#6
โพสต์เมื่อ 18 April 2008 - 11:11 PM
สังคมปัจจุบันเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะ ดูง่าย ๆ สื่อต่าง ๆ ทั้งสื่อทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพิ์ นิตยสาร วารสาร มักที่จะเสนอข่าวในทางเสื่อมเสีย แม้กระทั่งหนังถ้าใครอยากดังต้องสร้างแบบเกอร์อินโต แล้วต้องแบบเปิดโลกทัศน์ที่คับแคบและเป็นเชิงลบของคนสร้าง เนี่ยเกอร์อินโตชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความศรัทธานี่เสียหายหนัก ดูเวลามีข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องคเจ้ารวมสามเณร เถร ชี เรื่องที่บุคคลท่านเหล่านี้ทำความดีทำคุณประโยชน์โปรดสัตว์ ไม่เคยมีให้ได้ชม ได้ยลกันหรอกไปดูได้เลยทุกช่อง ซึ่งจริง ๆ มีข่าวที่บุคคลเหล่านี้สร้างสรรค์ไว้มากมายในทุกวัน ไม่ใช่มีแต่ข่าวพระสวดศพกับฌาปนกิจศพเป็นอย่างเดียว แต่ลองพอมีข่าวเสื่อมเสียทั้งจริงและไม่จริงไม่รู้ล่ะขอลงข่าวประจาน ทำลายไว้ก่อน ไม่มีการกรองข่าว แค่ขอมีข่าวไม่ดีของผู้อื่นจะจริงหรือไม่ ไม่สนใจ ขอเอามาสนองกิเลสหวังแค่ให้มีข่าวเลี้ยงปากท้องตัวเองไปวันหนึ่ง ๆ กับสังคมที่ไม่ชอบเห็นใครดีกว่าตัวเองมักชอบที่จะบริโภคข่าวไม่ดีของคนอื่นโดยที่ไม่ไตร่ตรองว่าจริงเท็จแค่ไหน แบบว่าคอยสมน้ำหนวกอะไรประมาณนั้น แล้วพอข่าวที่ออกไปทำให้เขาเสียหายทั้งที่สรุปแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อยแต่ข่าวกลับเงียบหายไม่มีการกลับมารายงานแก้ข่าว ปล่อยความดีให้ลืมหายแต่เอาความชั่วร้ายไปป้ายผู้อื่น ปล่อยให้เขาเป็นจำเลยของสังคม บางกรณีมีการลงสื่อแก้ข่าวแล้วขอโทษแต่ไม่เห็น ขอโทษแบบกระหน่ำ ๆ เหมือนตอนที่โจมตีเขาเลย นี่มันเป็นอย่างนี้ แค่ต้องการบริโภคสื่อเชิงสร้างสรรจรรโลงใจจะมีที่ไหนให้ได้จิตใจจะได้ไม่หดหู่ ตกต่ำลงทุกวัน ๆ สงสัยจะมีแต่ DMC ช่องนี้ช่องเดียวจริง ๆ ถ้าใครไม่ติดจานก็อดรับรู้ว่าแท้ที่จริงยังมีพระ เณร เถร ชี ที่เขาทำคุณประโยชน์แก่ชาวโลกไว้มากมายเพียงใด
แม้มืดตื้อมืดมิดก็มีสิทธิเข้าถึงธรรม