เคยไปดู ทศชาติหลายๆอันมาแล้วที่จำได้คือ ของพระเจ้าเนมิราช
ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเล่าถึงชาติของพระเจ้าเนมิราช พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์(เขียนถูกป่าวเนี่ย)แล้วพระอานนท์ก็ทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงตรัสไปประมาณว่า (จำประโยคจริงๆไม่ได้แต่จำความได้คร่าวๆ) นี่เป็นที่ที่ตถาคตตอนเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าเนมิราชซึ่งก็คือพระองค์เอง)เคยอยู่ (อะไรประมาณนี้)
ผมเลยอยากจะถามว่า
1.เมื่อกัปป์จะสิ้น โลกนี้จะแตกแล้วถูกสร้างให้เป็นโลกใหม่แล้วรอเวลาจนโลกเย็นหรือเปล่าครับ
2.ถ้าสร้างแบบนี้แล้วโลกแตก เมื่อเกิดเป็นโลกใหม่ขึ้นมาก็หมายความว่า โลกในกัปป์เก่าหายไปเหตุใดพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงบอกว่าเป็นที่ๆเราเคยอยู่ เพราะโลกนี้คือโลกใหม่อ่ะครับ ไม่ใช่โลกที่ต้นตระกูลพระเจ้าเนมิราชอยู่ในกัปป์นั้นหรือว่าโลกใหม่จะเหมือนโลกเก่าทุกอย่างครับ
ป.ล. ผมไม่ทราบว่าพระเจ้าเนมิราชเกิดในกัปป์นี้รึเปล่านะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
ช่วยตอบให้ทีครับ
เริ่มโดย ผู้สนใจในธรรม, Apr 26 2008 11:21 AM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 11:21 AM
#2
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 01:05 PM
"1.เมื่อกัปป์จะสิ้น โลกนี้จะแตกแล้วถูกสร้างให้เป็นโลกใหม่แล้วรอเวลาจนโลกเย็นหรือเปล่าครับ
2.ถ้าสร้างแบบนี้แล้วโลกแตก เมื่อเกิดเป็นโลกใหม่ขึ้นมาก็หมายความว่า โลกในกัปป์เก่าหายไปเหตุใดพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงบอกว่าเป็นที่ๆเราเคยอยู่ เพราะโลกนี้คือโลกใหม่อ่ะครับ ไม่ใช่โลกที่ต้นตระกูลพระเจ้าเนมิราชอยู่ในกัปป์นั้นหรือว่าโลกใหม่จะเหมือนโลกเก่าทุกอย่างครับ"
ตอบ ตามที่ศึกษาได้อ่านมานะครับโลกเองมิได้แตกสลายหายไปไหน แม้จะโดนไฟบรรลัยกันต์เผาเป็นเวลานาน
และเมื่อโลกเย็นลง จากโลกที่โดนเผาเวลานานนั้น ดินบนผิวโลกจะมีกลิ่นหอมมาก(น่าจะเรียกว่าม้วนดิน) จนเทวดาชั้นพรหมลงมายังพื้นโลกเพื่อหมายจะลองชิมม้วนดินนั้นจนร่างกายที่เป็นทิพย์เปลี่ยนเป็นกายหยาบ และจะอาศัยบนโลกต่อมา
หาเนื้อหาเพิ่มเติมได้นะครับ ในหนังสือ "กำเนิดโลก"(จำผิดก็ขออภัย) แผนกธรรมปัญญาของทางวัดก็น่าจะมีนะครับ
2.ถ้าสร้างแบบนี้แล้วโลกแตก เมื่อเกิดเป็นโลกใหม่ขึ้นมาก็หมายความว่า โลกในกัปป์เก่าหายไปเหตุใดพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงบอกว่าเป็นที่ๆเราเคยอยู่ เพราะโลกนี้คือโลกใหม่อ่ะครับ ไม่ใช่โลกที่ต้นตระกูลพระเจ้าเนมิราชอยู่ในกัปป์นั้นหรือว่าโลกใหม่จะเหมือนโลกเก่าทุกอย่างครับ"
ตอบ ตามที่ศึกษาได้อ่านมานะครับโลกเองมิได้แตกสลายหายไปไหน แม้จะโดนไฟบรรลัยกันต์เผาเป็นเวลานาน
และเมื่อโลกเย็นลง จากโลกที่โดนเผาเวลานานนั้น ดินบนผิวโลกจะมีกลิ่นหอมมาก(น่าจะเรียกว่าม้วนดิน) จนเทวดาชั้นพรหมลงมายังพื้นโลกเพื่อหมายจะลองชิมม้วนดินนั้นจนร่างกายที่เป็นทิพย์เปลี่ยนเป็นกายหยาบ และจะอาศัยบนโลกต่อมา
หาเนื้อหาเพิ่มเติมได้นะครับ ในหนังสือ "กำเนิดโลก"(จำผิดก็ขออภัย) แผนกธรรมปัญญาของทางวัดก็น่าจะมีนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 03:29 PM
ลงเรียน DOU จักรวาลวิทยาซิครับ สนุกนะ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#4
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 06:46 PM
คือ ประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสิบชาตินั้น คือ เต ชะ สุ เน ม ภู จะ นา วิ เว (เตมียใบ้ มหาชนก สุวรรณสาม เนมีราช ภูริทัต จันทกุมาร นารถพรหม วิทูรบัณฑิต และพระเวสสันดร)
เป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในกัปสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็คือ ภายในกัปเดียวกันนี้ไงล่ะครับ
เพราะฉะนั้น กัปที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระเนมีราช กับ กัปที่พระองค์มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นกัปเดียวกันนี่แหละครับ
เป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในกัปสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็คือ ภายในกัปเดียวกันนี้ไงล่ะครับ
เพราะฉะนั้น กัปที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระเนมีราช กับ กัปที่พระองค์มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นกัปเดียวกันนี่แหละครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#5
โพสต์เมื่อ 27 April 2008 - 08:21 AM
อ้าว หลวงพี่หัดฝัน ลาสิกขามาเมื่อไหร่ครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
#6
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 11:39 AM
กราบอนุโมทนาบุญกับหลวงพี่หัดฝันด้วยครับ
#7
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 12:35 PM
ตอนนี้ลาสิกขาแล้วครับ ไม่ใช่หลวงพี่แล้วครับ ตอนช่วงเป็นพระประทับใจมาก ได้มีโอกาสหล่อพระธรรมกายประจำตัวจริงๆ แล้วก็ยังได้มีโอกาสขึ้นไปดูองค์พระบนเจดีย์แบบใกล้ๆ ในระยะไม่ถึง 1 เมตรด้วยล่ะครับ
อ้อ แล้วก็ยังมีโอกาสได้ไปบิณฑบาตรในงานตักบาตรพระ 1000 รูปที่ฮอด ด้วยครับ อีกทั้งยังได้ช่วยต้อนรับ พระมหาเถระระดับ เจ้าคณะจังหวัด จนถึง พระมหาเถระระดับสมเด็จเลยทีเดียวครับ
อ้อ แล้วก็ยังมีโอกาสได้ไปบิณฑบาตรในงานตักบาตรพระ 1000 รูปที่ฮอด ด้วยครับ อีกทั้งยังได้ช่วยต้อนรับ พระมหาเถระระดับ เจ้าคณะจังหวัด จนถึง พระมหาเถระระดับสมเด็จเลยทีเดียวครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#8
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 01:14 PM
แวะมาอนุโมทนา บุญกุศลในการบวชพระและการทำคุณงามความดี อื่น ๆ ของพี่ หัดฝันด้วยครับ
#9
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 08:33 AM
อนุโมทนาบุญด้วยครับพี่หัดฝัน สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 29 April 2008 - 08:01 PM
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณหัดฝันด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
#11
โพสต์เมื่อ 30 April 2008 - 08:31 AM
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับพี่หัดฝันด้วยคนครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย