"สวช.ปิ๊งไอเดียเปิดร้านเกมในวัด"... ง่ะ - -'
#1
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 06:36 PM
เลขาธิการกวช. กล่าวต่อไปว่า ส่วนของร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต จะมีการออกเป็นกฎกระทรวง โดยเฉพาะเงื่อนไขของเวลาการเปิด - ปิด ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาก สวช.จะขอความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด หารือกับผู้ประกอบการว่า ควรเปิด - ปิดเวลาไหน เพราะแต่ละจังหวัดมีสภาพสังคมที่ต่างกัน เช่น บางจังหวัดมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากควรเปิด 24 ชั่วโมง เป็นต้น เพื่อสรุปส่งมายังสวช. สำหรับอายุของผู้ใช้บริการ ตนเห็นว่า เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่จะเข้าใช้บริการร้านเกม อินเตอร์เน็ต ควรต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรว่าให้เล่นกี่ชั่วโมง ซึ่ง สวช.จะทำแบบฟอร์มการอนุญาตมอบให้แก่ร้านเกมทั่วประเทศ ส่วนเด็กและเยาวชนที่อายุ 15 ปีขึ้นไป จะต้องแสดงบัตรประชาชนก่อนเข้าเล่นทุกครั้ง และทางร้านเกมจะต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผู้เล่นทุกคนเก็บไว้เป็นหลัก ฐานด้วย
"ผมจะนำแนวทางดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ก่อนที่จะเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อออกเป็นกฎกระทรวง รวมทั้งจะเสนอการจัดโซน ของผู้ใช้บริการด้วย เช่น โซนผู้ใหญ่สามารถดูเว็บโป๊ได้แต่ห้ามเด็กเข้าใช้บริการ โซนเด็กก็จะมีเกมที่สร้างสรรค์ เป็นต้น ส่วนสถานที่ตั้งร้านเกม ควรเปิดกว้าง โดยสามารถเข้าไปตั้งในสถานศึกษาหรือวัดได้ เพราะมองว่า ร้านเกมเป็นเหมือนแหล่งเรียนรู้ ไม่ควรที่จะมีการปิดกั้น ซึ่งถ้าอยู่ในวัด จะทำให้เด็กได้เข้าวัดหลังจากเล่นเกม และถ้าอยู่ในโรงเรียนจะป้องกันเด็กหนีเรียนออกไปเล่นเกมไกลหูไกลตาผู้ใหญ่ อีกด้วย"
นายเอกพล สามัตถิยดีกุล เลขาธิการสมาคมการค้านักธุรกิจผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไทย กล่าวว่า ตนได้ยื่นข้อเสนอต่อรมว.วัฒนธรรม เพื่อขอมีส่วนร่วมในการออกกฎกระทรวง รวมทั้งได้เสนอขอให้เปิดร้านเกม 24 ชั่วโมง โดยห้ามเด็กหนีเรียนเข้าร้านก่อน 14.00 น. แต่หลัง 22.00 น.เด็กจะต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองว่าให้เล่นกี่ชั่วโมง และจะปรับปรุงร้านเกมให้ถูกกฎหมาย ไม่เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กเยาวชน อีกทั้งจะช่วยกันดูแลร้านเกมที่กระทำผิดกฎหมาย เพื่อร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ให้ร้านเกมเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีของเด็กและ เยาวชนต่อไป
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#2
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 06:44 PM
#3
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 07:06 PM
๑.กุศลธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีขาวใส กายในกายขาวใสทั้งหมด เรียกว่าภาคพระ ภาคขาว ภาคบุญ
๒.อกุศลาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีดำ กายในกายดำทั้งหมด เรียกว่า ภาคมาร ภาคดำ ภาคบาป
๓.อัพยากตาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอัพยากตา เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีตะกั่วตัด กายในกายสีตะกั่วตัดทั้งหมด เรียกว่า ภาคกลาง ภาคไม่บูญไม่บาป
ทั้ง ๓ ธาตุธรรมนี้ ย่อมมีต้นธาตุ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมตลอดสาย
ต้นธาตุถือเป็นผู้บัญชาการในธาตุธรรมนั้นๆ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมในนิพพาน
#4
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 08:46 PM
#5
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 09:32 PM
#6
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 09:53 PM
#7
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 10:10 PM
#8
โพสต์เมื่อ 06 May 2008 - 10:59 PM
จาก...เด็ก ม.ต้น
#9
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 08:32 AM
ผมเกรงว่าจะเล่นกันจนร้านปิดแล้วก็กลับบ้าน คิดมาได้รัฐบาลที่เราเลือกกันเหรอเนี่ย
#10
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 08:47 AM
#11
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 11:21 AM
อีกหน่อย เห็นเด็กๆชอบไปผับไปเทค ก็คงเสนอให้เปิดในวัดอีกแหละ ให้เด็กมาแต่หัวค่ำหน่อย มาสวดมนต์ทำวัตรกันก่อนแล้วค่อยเข้าไปเที่ยวกัน คงสนุกดีพิลึกหละ
น่าสงสารจริงๆคนพวกนี้ เรื่องดีๆมีให้คิดตั้งเยอะ ไม่คิดกัน
ปล.คนที่เป็นต้นคิดเรื่องผิดศีลผิดธรรมนั้น แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังมีคนที่หลงผิดกระทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้นั้นอยู่ ตนเองคนต้นคิดจะรู้จักหรือไม่รู้จักบุคคลผู้นั้นก็ตาม วิบากกรรมก็จะบังเกิดขึ้นทุกๆครั้งตลอดไปที่มีคนกระทำตามจนกว่าเรื่องๆนั้นจะไม่มีใครทำอีก นั่นคือที่มาของคำว่า ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด นั่นแล.....
อนุโมทนากับทุกคนที่ "ไม่" ด้วยครับ
#12
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 01:11 PM
อืม ถ้าหากเป็นเกมที่เกี่ยวกับคุณธรรม เกมที่ทำให้เด็กเรียนรู้พุทธศาสตร์ได้จะยอมให้เลย เครียดแทนประธานสมาคมเลยอ่ะ -*-
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#13 *YTTRA*
โพสต์เมื่อ 07 May 2008 - 04:17 PM
#14
โพสต์เมื่อ 08 May 2008 - 10:12 AM
#15
โพสต์เมื่อ 08 May 2008 - 01:30 PM
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย