หากมีสักครั้ง คุณจะทำตัวเช่นไร
#1
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 02:31 PM
ที่ผมมาถามไม่ใช่เพราะอยากจะให้คิดอะไรมากนักหรอกนะครับ แต่ผมเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ถึง2ครั้ง ได้ไปเที่ยวแล้วทั้งก๊วนดันมีผมเป็นผู้ชายแค่คนเดียว บอกตามตรงแทนที่ผมจะได้สนุกกับการเที่ยว กลายเป็นเครียดไปโดยปริยาย จึงอยากขอความเห็นพี่ๆเพื่อนๆกัลยาณมิตรช่วยแนะนำทีครับ หากเจอสถานะการณ์เช่นนี้ควรจะทำยังไงดี
ครั้งแรกซัพพายเออร์ที่ส่งวัตถุดิบให้บริษัทผม เขาจัดทัวร์ตอบแทนลูกค้า ทางบริษัทส่งผมไปคนเดียว แทนที่ผมจะได้สนุก กลับต้องมาทุกข์ถนัด เพราะเหมือนมีผมเป็นแกะดำอยู่แค่คนเดียว - -"
ครั้งที่2 เป็นลูกค้าของบริษัทผม เขาจัดโปรแกรมไปเที่ยวกัน และได้ส่งบัตรเชิญมาให้บริษัทผมให้ส่งตัวแทนไป พนักงานที่บริษัทผมดันไม่มีใครไป สุดท้ายทางบริษัทจึงยกหน้าที่ให้ผม พอไปถึงจุดนัดพบเท่านั้นแหล่ะคร้าบพี่น้อง อยากเรียกแท๊กซี่กลับบ้านเลยอ่ะ มีผมเป็นผู้ชายคนเดียวอีกแล้ว - -" นั่งรถเดินทางผมเลือกนั่งข้างหลัง แกล้งทำหลับ สัมมาอะระหังตลอดทาง ตอนบนรถไม่เท่าไหร่ แต่อยู่ที่เที่ยวนี่สิครับ พระเจ้าช่วยกล่วยทอด บอกได้เต็มปากอยากกลับบ้านครับพี่น้อง!
ยอมรับนะครับว่าผมยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา เจอสถานะการณ์เช่นนี้เข้าทำเอาใบ้รับประทานเหมือนกัน ที่สำคัญรักษาใจไว้ที่กลางท้องยากสุดๆ หากพูดภาษาชาวบ้าน ก็ต้องบอกว่า ยากโค...คร้าบพี่น้อง -*-"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#2
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 04:46 PM
ถูกจัดให้ไปเที่ยว ไม่รู้ว่ากี่วัน ถ้าสถานที่ที่ได้ไปเที่ยว ไม่เคยไป ก็คิดว่าได้มาเที่ยวฟรีซะ วันสองวัน
ถ้าไม่ชอบโปรแกรมเที่ยวนั้น แล้วดูแล้วว่ายังไงคงไม่สนุกสำหรับเราแน่ เราก็จะบอกกับคณะนั้นตรงไปตรงมาว่า
"ขอตัวนะคร้าบ ขอให้ท่านทั้งหลายเที่ยวให้สนุกสนาน"
#3
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 05:46 PM
แต่ผมก็ว่า โอเคนะ เพราะที่สำคัญคือ ยังรู้ว่า ตัวเองนะยังหวันไหว
และมีสติคิดได้ ซึ่งถือว่า ยอดเยี่ยมมากครับ
#4
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 09:16 PM
เคยคิดแบบนี้แล้วทำให้มีมานะในการรักษาใจค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 10:47 PM
แต่ว่าคนที่รู้โทษของกามอย่างพวกเรา
ต้องบอกว่าเจอสถานการณ์ลำบากหรือบททดสอบสำคัญเข้าให้แล้ว
คิดซะว่าบทสอบเหล่านี้เป็นโอกาสให้เราได้สร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป
ถ้าเป็นผม ก็จะทำแบบคุณเคยเข้าวัดเหมือนกัน
พยายามรักษาใจไว้แล้ววางอุเบกขา ไม่ให้ใจหวั่นไหวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
#6
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 01:41 AM
เดี๋ยวก็ไม่มีใครสนใจเองแหละ
#7
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 10:04 AM
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
#8
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 12:18 PM
#9
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 02:55 PM
#10
โพสต์เมื่อ 05 June 2008 - 09:08 PM
ทั้งหมดอยู่ที่เราคนเดียวเลยครับ
ใจต้องมั่นคงและบริสุทธิ์ครับ และขึ้นกับว่าเป้าหมายหรือสิ่งที่กำหนดไว้ของเราคืออะไร
หมายถึง เช่นกำหนดว่าต้องการถือเนกขัมตลอดชีวิต อย่างนี้ก็ง่ายหน่อยเพราะไม่สนใจในการครองเรือนอยู่แล้ว
แต่ถ้ากำหนดว่าต้องการครองเรือนแบบนี้ยากหน่อยเพราะปุถุชนไม่รู้ใจตนเอง ถูกใจ ชอบใจไปได้เรื่อยๆ
ซึ่งทางออกก็มีมากมายเพราะเป็นทางออกแบบทางโลกเช่น กำหนดคุณลักษณะเฉพาะของคนที่เราต้องการไว้ก่อน
หากไม่เจอ ไม่ใช่ เป็นไม่สนใจ แล้วก็มีความสุขุมคำภีรภาพในการเข้าหาเพศตรงข้าม หากใช่สำหรับเรา เราก็คงหาทางต่อไป
แต่ถ้าหากเราไม่ใช่สำหรับฝ่ายตรงข้ามบ้างก็เดินจากออกมาโดยที่ไม่เสียฟอร์ม
บ่อยครั้งมากครับสมัยก่อนตอนที่ผมยังไม่แต่งงาน เคยอยู่ในกลุ่มสตรีจำนวนมาก
ทั้งที่ทำงาน กลุ่มเพื่อนสถาบัน กลู่มทางสังคม หรือกลุ่มกิจกรรมต่างๆ
สำหรับผมในเรื่องทางโลก คนเราต้องรู้จักพอ ต้องรู้จักหยุดกับใครเมื่อเจอ
ซึ่งก็ไม่เคยเกิดเหตุที่ต้องทำให้เสื่อมเสียชื่อเลย
ก็คบคนเดียว หากเลิกกันไป จะมีใหม่ก็มีคนเดียว
#11
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 11:32 PM
ภรรยาของผมเธอยังแซวเลยว่า ทำไมทำงานช้าจังยังไม่เสร็จอีกเหรอ ที่ต้องทำช้าๆเพราะว่าพอเราลุกจะยกของ ภาพที่เห็นมันอย่างที่บอกไปตอนต้น เลยต้องนั่งลงไปอีก เป็นอย่างนี้หลายๆรอบ กว่าจะผ่านพ้นวันนั้นไปได้เล่นซะเกือบแย่เลย วันนั้นจึงเป็นวันที่ผมทำงานลำบากใจมากที่สุดเลยก็ว่าได้ พอขากลับจึงเล่าให้ภรรยาฟังและให้เธอไปเตือนพวกเพื่อนๆเธอทราบ ไม่รู้ว่าพวกคุณเธอจะคิดยังไงบ้าง แต่ผมไม่คิดครับไม่งั้นผมคงไม่เล่าให้ภรรยาฟังแน่ เรื่องมีเท่านี้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 07 June 2008 - 09:41 AM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
คุณเคยเข้าวัดก็คิดซะว่า.. นั่นคือ อดีตผู้ชายสิคะ..
พวกเดียวกันทั้งนั้น.. มองผู้หญิง.. มองทะลุอดีตชาติไปเลย
เดี๋ยวก็หมดอารมณ์ไปเอง.. อิอิ
มองว่าเธอคนนั้นนะ คนนี้นะ.. ชาติก่อนก็คือผู้ชายนี่แหละ คงเจ้าชู้มาก เลยมาเป็นผู้หญิง
ดังนั้น.. ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบเธอ.. ต้องหยุด
หยุดเป็นตัวสำเร็จ..
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#13
โพสต์เมื่อ 07 June 2008 - 11:16 AM
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
#14
โพสต์เมื่อ 08 June 2008 - 12:52 PM
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
#15
โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 02:19 PM
สัมมา อะระหัง
สัมมา อะระหัง
ดัง ๆ ในกลางกาย ช่วยได้
ผมเคยเกือบเหมือนกัน ต่างตรงที่เป็นผู้ชาย 1 เกือบเป็นผู้ชาย 1 ที่เหลืออีก 15 เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ผมใช้ 2 อย่างคือ
คุยเรื่องธรรมะ เมื่อต้องคุย
กับ สัมมา อะระหัง เมื่อต้องเงียบครับ