มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[สุขสดใส]

อยากทราบว่า ถ้าต้องอยู่นอกวัดแต่ต้องการรักษาศีลแปด แต่ไม่แน่ใจในเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
1 การทาโลชั่น
2 การทาครีมกันแดด เพราะสมัยนี้แดดแรงมาก
3 การทาแป้งเด็ก
4 การนอนที่นอนที่มีฟูกหนา
4 การฟังเพลงของวัด
เหล่านี้ จะทำให้ผิดศีลหรือเปล่า คือจริง ๆ แล้วก็อยากรักษาศีลแปดอยู่เหมือนกัน แต่เพราะกลัวว่าระหว่างการรักษาศีลห้าบริสุทธิ์ กับรักษาศีลแปดแล้วไปผิดศีลแปดเข้า อย่างเรื่องที่นอนนี่ ต้องลงมานอนที่พื้นแบบปูเสื่อนอนเลยหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าห้ามนอนที่นอนสูงใหญ่หรือเปล่าคะ คือที่นอนเป็นเตียงมีฟูกหนาเหมือนกัน หรืออย่างการทาแป้งนี่ได้มั้ย คือไม่แต่งหน้า แต่ถ้าใช้โลชั่น ครีมกันแดด แล้วทาแป้งเด็ก จุดประสงค์ไม่ได้ต้องการให้สวยสะดุดตาใคร แต่ต้องการความมั่นใจก่อนออกจากบ้านว่าหน้าไม่หมองจนเกินไปและได้ปกป้องผิวจากมลภาวะแสงแดดแล้ว ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ ที่รักษาศีลแปด ปฏิบัติตนอย่างไรกันบ้าง ช่วยแนะนำคนที่อยากรักษาศีลแปดอย่างถูกต้องด้วยนะคะ

[อริยสัจ4]

ไม่มีใครตอบเลยหรือครับ อยากทราบความเห็นเหมือนกัน โดยเฉพาะข้อ 4 สงสัยเหมือนกับเจ้าของกระทู้เลยครับ


สาธุครับ

[supy]

มารออ่านคำตอบเหมือนกันค่ะ พอดีไปเจอกระทู้นี้มาลองอ่านดูนะคะ

http://www.dmc.tv/fo...p?showtopic=328

[อริย 072]

ขออณูญาตตอบจากความเข้าใจ และจากที่ได้สอบถามพระอาจารย์ ในการถือศีลแปดทั้งที่ยังไปทำงานปกติไว้บ้าง เมื่อพรรษาปี50 ปีที่แล้วนี่
ท่านแนะให้ใช้ เจตนา เป็นตัวกรองสำหรับเรื่องที่สมัยก่อนไม่มี เช่นพวกเวชสำอางค์ ยารักษาผิว
หรือใช้ ความจำเป็น เป็นตัวปรับใช้สำหรับข้อห้ามบางอย่าง ให้สามารถทำได้บ้าง เช่นถ้าไม่ใช้ครีมกันแดด อีกหน่อยต้องเสียทรัพย์รักษาฝ้า ก็ถือว่าป้องกันไว้ ก็ใช้ได้
แต่ถ้าลงโลชั่น ที่มีคุณสมบัตให้หน้าขาวใส สวยงาม อะไรอย่างนั้นไม่เหมาะนัก ถ้าทำงานห้องแอร์ป้องกันผิวแห้งแตก ดูจะเหมาะกว่า
การใช้แป้งเด็กทาหน้า ก็ไม่ถือว่าผิดตรงๆ แต่ก็ไม่บริสุทธิ์ทีเดียวนัก ถ้าเราทาเพื่อเสริมความขาว ความผ่องใส(ดูที่เจตนา)
แต่ถ้าไม่ทาแล้ว หน้ามันวาว ดูราวกับคนโทรม เพิ่งจะหายป่วย มาทำงานก็คงไม่ดี ก็ลูบๆให้ดูสะอาด น่าถือศีล เอาตามอย่างเรา ไม่ใช่เห็นสภาพแล้วปลงสังเวช...
ถ้างานที่ทำไม่ต้องพบปะลูกค้า หรือไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องดูแลภาพลักษณ์ เป็นหน้าตาของบริษัทฯ ก็ต้องงดการลงเครื่องประทินโฉมทั้งหลาย โดยเพาะพวกที่ให้สีสัน หรือ ให้ดูสวยขึ้นทั้งหลาย
ท่านว่า ให้เน้นว่าให้ดูแล้วสะอาดสะอ้าน เย็นตาเย็นใจ ดูแลให้มากขึ้นอีกทั้งเสื้อผ้า ทรงผม ก็ต้องใช้เป็นแบบเรียบๆ เพราะจะทำให้ไม่ดูขัด กับผิวหน้าที่ไร้เครื่องสำอางค์ คนก็จะมองแล้วรื่นตา ไม่ขัดแย้ง

ช่วงที่ถือศีลแปดตลอดพรรษานั้น ผู้เขียนเอง ก็ไม่ได้ตั้งสัจจะว่าถือศีลแปด เพราะกังวลเหมือนกันในข้อนี้
แต่แจ้งเจตนากับพระอาจารย์ท่านเป็นพยานว่า ว่าจะปฏิบัตตัวเสมือนศีลแปดตลอดพรรษา
เนื่องด้วยหน้าที่ที่ต้องดูแลภาพลักษณ์ให้ดีตลอดเวลา พร้อมที่จะไปพบปะ สมาคมกับลูกค้าที่อาจมาเยี่ยมโดยกระทันหันไม่ทราบล่วงหน้า จึงยังต้องใช้เครื่องสำอางค์จำพวกแป้ง และลิปมันมีสีน้อยๆ
เวลาทานอาหารเพล ก็ต้องตามที่ออฟฟิศเลิก คือ เที่ยงกว่า ซึ่งก็เลยเลยเพล ก็ต้องยอม แต่ก็ต้องกำหนดลิมิตเวลาให้ชัด
ส่วนเรื่องที่นอนนั้น ขอเน้นว่าต้องนอนที่นอนบางจ้ะ อันนี้ควรปฏิบัต เพราะไม่ยากอะไรนัก ยุ่งนักก็ลงมาปูผ้าหนาๆ นอนพื้นแทนเตียง
งดดูหนัง ละคร (ซึ่งไม่ชอบดูอยุ่แล้ว เลยง่าย) เพลง งดฟังเพลงฟุ้งๆ ก็ฟังแต่เพลงDMC หรือเพลงบรรเลง ที่เป็นเสียงธรรมชาตให้ใจสบาย เพราะช่วงนั้นนั่งสมาธิมาก จึงต้องรักษาความสบายของใจให้ต่อเนื่องไว้ทั้งวัน
ในช่วงนั้น ก็นั่งสมาธิวันละ 2-3 ช่วง ช่วงละ1/2-2ชม. สังเกตว่าหน้าจะดูผ่องใส กว่าช่วงแต่งปกติเสียอีก (ซึ่งปกติก็แต่งบางๆอยู่แล้วนะ)
นั่งธรรมะเยอะๆสิจ๊ะ เวลา พลังแสงออร่า เปล่งประกายเมื่อไร รับรองผ่องกว่าแป้งตลับละหลายพัน หลายเท่า ตอนนั้นเล่นเอาเพื่อนต้องถามค่ะว่าใช้แป้งอะไรทาหน้า ก็เลยเป็นโอกาส ที่เราจะทำตัวเป็นต้นแบบ ในการทำความดีที่ทำได้ยากเช่นการถือศีลแปดนี้ และได้มีโอกาส อธิบายให้คนทางโลกเขาเห็นดีเห็นงามไปด้วยนะ

[สุภาพบุรุษ072]

ตอบข้อ1ข้อ2--->ทาโลชั่น อาจอนุโลมให้ทาได้ในกรณีทาเพื่อกันแดด(เอาชนิดที่มีกลิ่นหอมน้อยที่สุดนะครับ เพราะเมื่อกลิ่นหอมจะทำให้คนที่ได้รับกลิ่นนั้นและตัวเราเอง ใฝ่ในกามารมณ์และกระตุ้นให้กามกำเริบได้) แต่เพื่อจะรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งนั้นผมว่า ศีลจะเป็นเครื่องที่ทำให้เราผ่องใสได้เองครับ เมื่อกาย วาจา ใจของเราบริสุทธิ์ประกอบกับ ทาน ศีล ภาวนาที่กระทำ ก็จะทำให้ภายนอกดูผ่องใสผิวพรรณดี แม้ผิวดำก็จะดำมีน้ำมีนวลครับ ถ้าขาวก็ขาวผ่อง โดยโลชั่นยี่ห้อนั้นๆถึงกับอายไปเลย

ตอบข้อ3---->การทาแป้งเด็กนี้ตามศีลข้อที่7 นั้นทาแป้งไม่ได้ครับ เพราะเป็นสิ่งลูบไล้อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมด้วย

ตอบข้อ4---->การนอนที่นอนนั้นถ้าให้ดีควรจะหาที่นอนที่ไม่มีฟูกหนาเกินไป และไม่นุ่มเกินไป เอาแบบพอดีๆครับ และการไม่นอนที่นอนอันสูงใหญ่หรือฟูกที่หนาก็คือ ที่นอนอันภายในยัดด้วยนุ่นหรือสำลีซึ่งมีขนาดสูงเกินกว่า ๑ ศอกขึ้นไปเมื่อนับจากพื้นครับ
ซึ่งจะขยายความในศีลข้อที่8นี้ให้เข้าใจมากขึ้น คือ ได้พบหนังสือชื่อว่า "คู่มือเตรียมสอบ บทท่องสอบผ่านสนามหลวง เบญจศีล เบญจธรรม อุโบสถศึล อุปสมบทวิธี " โรงพิมพ์เลี่ยงเซียง มีข้อมูลเกี่ยวกับที่นอนสูงใหญ่ในศีลแปดดังต่อไปนี้ เผื่อสมาชิกผู้รู้
ท่านใดอาจช่วยขยายความ ให้เข้าใจง่ายๆ อย่างน้อยๆก็เพื่อประดับความรู้

ที่นอนสูง หมายเอาเตียงและตั่งที่ถักทอด้วยหวาย ตอก หรือผูกด้วยผ้าทำด้วยไม้กระดาน มีทั้งแบบเท้าคู้ และเท้าตรง มีสันฐานรี สี่เหลี่ยม
หรือกลม ส่วนเท้าเตียงนั้น กำหนดให้สูงเพียง 8 นิ้วพระสุคต (10 นิ้วกับ 3กระเบียดช่างไม้) ต่ำกว่านั้นท่านไม่ห้าม สูงกว่านั้นไม่สมควร
ถ้าเป็นตั่งสี่เหลี่ยม แม้จะมีเท้าสูงเกิน 8 นิ้วพระสุคตก็ใช้ได้ ถ้าเตียงทำพนักข้างทั้งสามด้าน แม้สูงกว่าประมาณที่กำหนดก็ใช้ได้ เตียง
หรือตั่งมีเท้าสูงเกินประมาณ ติดตั้งอยู่กับที่ยกไปไหนไม่ได้ก็ไม่ควร ถ้าเป็นเตียงไม่มีพนักพิง ทำให้สูงได้อีกนิดหน่อย คือเอาไม้รองเท้าได้อีก สูง 8 นิ้วช่างไม้เท่านั้นจึงควร การห้ามมิให้ใช้ที่นั่งนอนสูงนั้น ก็เพราะไม่ต้องการให้เป็นของโอ่โถงยั่วยวนให้เกิดราคะความกำหนัดยินดี

ที่นอนใหญ่ที่เขาตกแต่งหรือปูลาดด้วยของไม่สมควรนั้น ท่านจัดไว้ 19 อย่างคือ
๑ บัลลังก์สำหรับนั่ง ที่ประดับด้วยรูปสัตว์ มีเสือหรือจระเข้ เป็นต้น
๒ ผ้าขนสัตว์ใหญ่มีขนยาว (คือขนผ้านั้นยาว 4 นิ้ว)
๓ เครื่องปูลาด ทำด้วยขนแกะที่วิจิตรด้วยลายเย็บปัก
๔ เครื่องปูลาดทำด้วยขนแกะมีลายเป็นแผ่น
๕เครื่องปูลาดทำด้วยขนแกะมีลายดอกไม้แน่นเนื่องกัน
๖ เครื่องปูลาดทำด้วยขนแกะวิจิตรด้วยรูปสัตว์ต่างๆ
๗เครื่องปูลาดทำด้ยขนแกะ มีขนขึ้นทั้งสองด้าน
๘เครื่องปุลาดทำด้วยขนแกะมีขนขึ้นข้างเดียว
๙เครื่องปูลาดเป็นชั้น เขาเย็บด้วยหนังเสือ
๑๐ เครื่องปูลาดมีเพดานแดงคาดข้างบน
๑๑ เครื่องปูลาดบนหลังช้าง
๑๒ เครื่องปูลาดบนหลังม้า
๑๓ เครื่องปูลาดบนรถ
๑๔ เครื่องปูนอนทอด้วยด้ายทอง ในระหว่างด้ายไหมขลิบด้วยทอง
๑๕ เครื่องปูลาดทอด้วยไหมขลิบทอง
๑๖ เครื่องปูนอน ทำด้วยขนแกะ ขนาดใหญ่พอนางฟ้อน ๑๖ คนยืนรำได้
๑๗ เครื่องปูนอนอย่างดี ทำด้วยหนังชะมด
๑๘ ที่นอนมีหมอนแดงทั้ง๒ ข้างเตียง
๑๙ ฟูกเบาะยัดนุ่นอย่างเดียว
เครื่องปูลาดทั้ง ๑๙ อย่างนี้เรียกว่าที่นอนใหญ่ คนรักษาอุโบสถศีลไม่ควรนำมาใช้ในขณะรักษาอุโบสถ ที่นอนใหญ่
หมายความตรงๆว่าที่นอนซึ่งนอนได้ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป อันเป็นที่นอนของคนคู่ ผู้รักษาอุโบสถซึ่งเป็นผู้งดเว้นจาก
การเป็นอยู่แบบคนคู่แล้ว ไม่ควรนอนที่นอนเช่นนั้น แต่ถ้าศีล8ก็ไม่เคร่งถึงขนาดนั้น แต่ให้หลักไว้ว่าคือ ไม่นอนที่นอนอันสูงภายในยัดด้วยนุ่น หรือเป็นที่นอนที่นุ่มนิ่มทำให้เกิดความสบายเกินไป

ตอบข้อ5----> การฟังเพลงของวัด ฟังได้ครับ ตัวผมเองก็ฟังอยู่ เช่นเพลงวิสาขบูชานี้ผมชอบฟังมาก จะฟังตอนนั่งสมาธิระลึกถึงพระพุทธคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอีกหลายๆเพลงที่เอื้อประโยชน์ต่อการปฎิบัติธรรมครับ เช่น เพลง สบายสบาย เป็นต้น และทำให้มีใจอยู่ในบุญ ความฟุ้งซ่านอันเป็นนิวรณ์ข้าศึกต่อพรหมจรรย์นั้น ก็จะเบาบางลงและมลายหายไป

***การรักษาศีล8นี้ดีมากๆครับ ทำให้ความฟุ้งซ่านภายในจิตลดลงได้ นั่งสมาธิก็จะหยุดที่ศูนย์กลางกายได้โดยง่าย และที่สำคัญมากๆๆที่สุดในการรักษาศีล8หรือศีล5ก็ตามนั้นก็คือ อย่าขาดจากการทำสมาธิภาวนา แม้แตเพียงวันเดียว จะทำให้อินทรีย์คือ ตา หู จมูก ลึ้น กาย ใจ ของเราอาจจะหลงและติดในกามคุณได้โดยไม่รู้ตัวและเกิดอาการท้อในการรักษาศีล8ได้ จิตก็จะดิ้นเพื่อแสวงหากามคุณอีกครั้ง เพราะขาดภูมิคุ้มกันของใจ คือสมาธินั่นเอง

[เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี]

^ แต่ละท่านตอบได้ดี สุดยอด..

สาธุ.. สาธุ.. สาธุ..

[TOondayagokids]

หนูก็ถือศีล8ค่ะ เรียนไปถือไป
อยากได้บุญนี้ค่ะ
จะทำให้นั่งสมาธิดีขึ้นนะคะ
และถ้ากลัวว่ารักษาศีลไม่ดี
หนูจะทบทวนศีลบ่อยๆค่ะในแต่ละวัน
เวลาทบทวนก็จะนึกถึงองค์พระกลางท้อง
ให้ท่านเป็นพยานใหนการรับรู้ว่าเราถือศีล8ค่ะ

[อริยสัจ4]

แล้วการฟังเพลงตอนรร.อนุบาลฝันในฝัน จะผิดศีลมั๊ยครับ

สาธุครับ

[สุภาพบุรุษ072]

ฟังเพลงรร.อนุบาลฝันในฝัน ไม่ผิดศีลครับ เพราะเป็นเพลงธรรมะ หรือเพลงที่เอื้อประโยชน์ในการฟังธรรม ฟังได้อย่างรื่นเริงบันเทิงบุญครับ

[หัดฝัน]

ความจริงเรื่องนี้สำคัญที่เจตนาเป็นหลักน่ะครับ

เพราะแม้ไม่ได้ฟังเพลงใดๆ เลย แต่จิตใจกำลังล่องลอย คิดถึงบรรดาสาวสวย หนุ่มหล่อ อย่างนี้ศีลแปดเริ่มด่างพร้อยแล้วล่ะครับ

หรือต่อให้ฟังหลวงพ่อเทศน์ในวัด แต่จิตใจครุ่นคิดไปถึงเรื่องกามรมณ์ ศีลก็กระพร่องกระแพ่งแล้วล่ะครับ

แต่ถ้าหากฟังเพลง แม้เป็นเพลงทางโลก เพราะทำงานอยู่ทางโลก ก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ยินเพลงเหล่านี้ แม้เป็นเพลงทางโลก ถ้าเราเพียงคิดว่า นี่คือ เสียงธรรมชาติอย่างหนึ่ง เหมือนเสียงหรีดหริ่งเรไรในยามค่ำคืน ไม่ได้ไปปรุงแต่งจิตใจให้กระเจิดกระเจิงตามไป อย่างนี้ไม่ผิดศีลอัีนใดครับ

[kasaporn]

อยากจะบอกว่าการทาครีมกันแดดสำคัญมากนะคะ ไม่ใช่เพราะเพื่อความสวยงามไม่ให้เกิด ฝ้ากระ แต่เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ อัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังสูงมากเลยค่ะ แดดแรงมากๆถ้ารักษาศีล8 แต่ทาครีมกันแดดเพื่อเป็นเภสัช อย่างนี้ไม่น่าด่างพร้อยนะคะ เพราะถ้าคนยังทำงานทางโลกอยู่ต้องอนุโลมให้ตนเองบ้างดูที่เจตนาเป็นหลักค่ะเพราะทาครีมกันแดดไม่ได้จะทำให้สวยงามแต่อย่างใดค่ะ เป็นการป้องกันโรคนะคะ

[สุภาพบุรุษ072]

ครีมกันแดดทาได้ครับไม่ผิดศีล