กม.ใหม่ "ป.ธ.9"เทียบเท่าปริญญาเอก
#1
โพสต์เมื่อ 18 June 2008 - 06:54 PM
กฎหมายใหม่ “ป.ธ.9” เท่าปริญญาเอก
นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กองพุทธศาสนศึกษาเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.การศึกษาวิชาการพระพุทธศาสนา ต่อนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ก่อนที่จะเสนอต่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ. เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทั้งนี้ ในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีการปรับเกณฑ์ในการเทียบระดับการศึกษาให้กับผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนาใหม่ คือ หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมสนามหลวง เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวงชั้นเปรียญธรรม (ป.ธ.) 3 ประโยค เป็นการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับ ป.ธ. 6 ประโยค เป็นการศึกษาชั้นปริญญาตรี
โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อว่า ระดับ ป.ธ. 8 ประโยค เป็นการศึกษาระดับปริญญาโท ระดับ ป.ธ. 9 ประโยค เป็นการศึกษาระดับปริญญาเอก ในส่วนการดำเนินงานจะกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารงาน คือ คณะกรรมการการศึกษาของคณะสงฆ์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดนโยบายแผนการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ วางระเบียบ ออกข้อบังคับต่างๆ ขณะเดียวกันจะกำหนดให้กองพุทธศาสนศึกษา เป็นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาของสงฆ์ นอกจากนี้ จะมีการกำหนดสถานภาพให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีสถานภาพเป็นพนักงานศาสนการด้วย.
ข่าวไทยรัฐ 18 มิ.ย.51
#2
โพสต์เมื่อ 18 June 2008 - 07:13 PM
#3
โพสต์เมื่อ 18 June 2008 - 07:29 PM
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#4
โพสต์เมื่อ 18 June 2008 - 09:28 PM
#5
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 05:58 AM
#6
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 08:58 AM
#7
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 10:42 AM
#8
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 11:06 AM
#9
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 11:46 AM
ไม่ต้องมาแจงกันใหม่ครับ เตรียมไว้เลย สาธุครับ
#10
โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 04:28 PM
#11
โพสต์เมื่อ 20 June 2008 - 03:21 PM
#12
โพสต์เมื่อ 20 June 2008 - 06:18 PM
แต่หวังว่าไม่ทำให้พระปธ.9สึกไปเป็นฆราวาสเยอะขึ้นนะ
#13
โพสต์เมื่อ 21 June 2008 - 08:51 AM
อันที่จริงแล้ว ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่มีความพยายามในการเทียบคุณวุฒิทางธรรมกับคุณวุฒิทางโลกอยู่เนือง แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีต่อผู้ศึกษาในทางธรรมอย่างเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังคงเห็นว่า การศึกษาในทางธรรมจะให้ไปเทียบเคียงกับทางโลกนั้นเห็นจะเป็นการยาก เพราะแม้ว่าจะมีวิธีการศึกษาที่คล้ายๆกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันทีเดียว อีกทั้งเป้าประสงค์สำคัญก็ยังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมจึงสันนิษฐานเองว่า เหตุที่ต้องมีการเทียบวุฒิให้นั้นอาจจะเป็นการเอื้ออำนวยให้ผู้ที่เคยอยู่ในเส้นทางธรรม(เคยเป็นบรรพชิตมาก่อน)สามารถเรียนต่อหรือสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเหมือนฆราวาสทั่วไป หากท่านยังคงดำรงเพศภาวะของนักบวชอยู่ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องไปเทียบเคียงคุณวุฒิทางโลก ด้วยเหตุทีการศึกษาทางธรรมเป็นทางแห่งอริยะที่สูงส่งและสูงสุดอยู่แล้ว ไม่ต้องว่าได้บาลีประโยคไหนหรอกครับ แม้จดจำอักขรธรรมในพระบาลีได้นิดหน่อย แต่เอามาใช้พัฒนาตน พัฒนาคนได้ ก็มีค่าเกินกว่าคำว่า ปริญญาเอก เป็นไหนๆ
กลับเข้าสู่ประเด็นสำคัญคือ การให้เปรียญธรรมเก้าประโยคเทียบเท่าปริญญาเอก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก หลายท่านที่จบปริญญาเอกก็คงจะทราบว่า การเรียนระดับนี้ต้องอาศัยการทำวิจัยระดับลึกหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆให้กับวงการวิชาการ บางท่านใช้เวลาสามปี สี่ปี เป็นสิบๆปีก็ยังมีอยู่ คงต้องถามสำนักงานอุดมศึกษาบ้านเราว่า ให้คำจำกัดความของคำว่า ปริญญาดุษฎีบัณฑิตเอาไว้แคบกว้างขนาดไหน หรือ มีทัศนะอย่างไรต่อประเด็นนี้ เพราะปัจจุบันแม้การเรียนปริญญาเอกให้หลายๆที่ก็เกือบจะเป็นการซื้อขายมากกว่าจะเป็นการเรียนการสอน
ทางเลือกที่ดีคือการยกย่องให้เป็นปริญญากิตติมศักดิ์ หรือให้สิทธิพิเศษในการทำวิจัยหรือผลงานทางวิชาการเพื่อยื่นขอปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าเรียน คล้ายๆกับการเรียนปริญญาเอกแบบวิจัยในหลายๆหลักสูตร เพราะชึ้นชื่อว่าเป็นดุษฎีบัณฑิตแล้ว ไม่ใช่มีแต่เพียงสายตาคนในประเทศที่มองอยู่ แต่ยังมีสายตาจากชาวต่างชาติมากมายที่จับจ้องการศึกษาบ้านเราอยู่เช่นกัน
ความคิดเห็นของผมนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวในเชิงการศึกษานะครับ ไม่มีเจตนาจะดูเบาการศึกษาพระบาลีแม้แต่น้อย อีกประการหนึ่งก็ใช่ว่าคนจบปริญญาเอกจะมีความรู้ความสามารถสูงกว่าคนจบปริญญาตรีหรือคนที่ไม่มีปริญญา ด้วยสิ่งสำคัญกว่าการเรียนก็คือประสบการณ์และการฝึกฝนตลอดชีวิตนั่นเองครับ
#14
โพสต์เมื่อ 22 June 2008 - 04:44 PM
อันความเห็นนี้ดูรุนแรงหน่อยแต่ขอฟันธงว่า ประโยค 9 ไม่ควรให้ด๊อกเตอร์ ประโยค 9 ต้องเรียน ประโยค 10 ก่อน ศึกษาความรู้ในตัวซึ่งได้ทั้งความรู้ใบไม้ในกำมือและใบไม้ในป่า จะได้เป็นด๊อกเตอร์ทั้งในและนอกครับ