มีความสุขเล็ก ๆ นะครับที่อ่านสิ่งที่แต่ละท่าน อยากเปลี่ยนแปลง
เพราะล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามทั้งนั้น
สนใจที่นักเรียนอนุบาล ณ 072 กล่าวไว้เรื่อง
ทุกคนในโลกนี้มีศีลธรรม เชื่อกฏแห่งกรรมไม่กล้าทำบาปเรื่องนี้ มนุษย์ที่อยู่ในชมพูทวีป โดยเฉพาะยุคสมัยนี้
อาจมองว่า
เป็นเรื่อง เป็นไปไม่ได้แต่ที่จริง เป็นไปได้และเป็นไปแล้วครับ
ในอุตตรกุรุทวีป*แต่สำหรับมนุษย์ในชมพูทวีป หรือ โลกใบนี้
ผมก็เข้าใจว่า คงมีในยุคต้นกัปป์เท่านั้น
ยุคหลัง ๆ คงทำได้แต่
ให้มีมนุษย์ที่ทรงศีล มีหิริ-โอตตัปปะ มากกว่า มนุษย์ทุศีล
ด้วยการเผยแผ่สัจธรรมและความรู้ในสรรพสิ่ง
ที่พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า่ ค้นพบและทรงแสดงไว้
รวมถึงสนับสนุน ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม สมาธิ ภาวนา ให้กว้างขวางไปทั่วโลก
คือ ทั้งปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม
คงได้แบบนี้
และที่บอกว่า
ให้ตัวเองได้รู้จักและได้พบหลวงพ่อ คุณยายให้เร็วกว่านี้ ...รู้จักแบบรู้จักจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ผิวเผิน หรือเสียงลื่อเสียงเ่ล่าอ้างก็ได้ข้อคิดนะครับว่า
การอธิษฐานบารมี ที่ว่า
ขอให้ได้เกิดในยุคสมัยที่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย เจริญรุ่งเรืองคงไม่พอกระมังครับ
เพราะก็เห็น ๆ กันอยู่ว่า
ในยุคพุทธกาล มนุษย์ที่มีวาสนาเกิดร่วมสมัยกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้เห็นลักษณะมหาบุรุษ ได้เห็นฉัพพรรณรังสี และ
ปาฏิหาริย์ **ก็ยังมีมนุษย์มากมาย ที่นอกจากไม่เลื่อมใส แล้วยังใส่ร้ายป้ายสี ถึงขนาดขั้นทำร้าย ด้วยซ้ำ
แม้ในยุคนี้ มนุษย์ี้มากกว่า ๖,ooo ล้านคน
คนไทย ชาวพุทธมากกว่า ๕o ล้านคน
ก็มีลักษณะคล้าย ๆมนุษย์ยุคนั้น
ส่วนว่าจะอธิษฐานบารมีข้อนี้ให้รอบคอบอย่างไร
คงต้องไปพิจารณากันเองครับ
ความรู้ที่เกี่ยวข้อง
*อุตตรกุรุทวีป
ว่าด้วย คุณธรรมของเทวดาและมนุษย์ ๑
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
“ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย
มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป ประเสริฐกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์และมนุษย์ชาวชมพูทวีป
ด้วยฐานะ ๓ ประการ
๓ ประการเป็นไฉน ? คือ
ไม่มีทุกข์ ๑ ไม่มีความหวงแหน ๑ มีอายุแน่นอน ๑ ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย….
๓ ประการนี้แล ฯ....
พึงทราบวินิจฉัย โดยนัยแห่งอรรถกถาว่า
ชาวอุตตรกุรุทวีปเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้เจริญที่สุด (มีความประพฤติดี) ไม่มีตัณหา (อมฺมา)
คือ ความดิ้นรน จึงไม่มีทุกข์ ทั้งไม่มีความหวงแหนว่า สิ่งนี้ของเรา
คนเหล่านั้นมีอายุหนึ่งพันปีเท่ากันหมด
แม้คติก็เท่ากัน คือ ตายแล้วเกิดในสวรรค์เท่านั้น ฯ
อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ข้อที่ ๒๒๕
มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีปนี้มีการรักษาศีล ๕ เป็นนิจ เมื่อตายไปแล้วย่อมเกิดในเทวโลก แน่นอน
ดังสารัตถทีปนีฏีกา แสดงว่า
คติปิ นิพฺพตฺถา มโต สคฺเคเยว นิพฺพตฺตนฺติ แปลความว่า
มนุษย์อุตตกุรุนี้ เมื่อตายแล้ว ย่อมไปบังเกิดในชั้นเทวโลกอย่างแน่นอน หมายความว่า เมื่อตายจากภพมนุษย์แล้วย่อมไปบังเกิดในชั้นเทวโลกแต่ถึงเวลาที่จุติจากเทวโลกแล้ว อาจไปเกิดในอบายภูมิ ๔ หรือมนุษย์ในทวีปอื่นใดก็ได้ จะไม่ไปสู่อบายภูมิเพียงชั่วภพถัดไปจากที่กำลังเป็นมนุษย์อุตตรกุรุเท่านั้น
http://board.palungjit.com/showthread.php?t=436
**ปาฏิหาริย์
ปาฏิหาริย์ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน
คือ
อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ ๑
อาเทสนาปาฏิหาริย์ ดักใจเป็นอัศจรรย์ ๑
อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนเป็นอัศจรรย์ ๑
สังคารวสูตร /พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต