ทำไมถึงต้องมีการอัญเชิญจักรแก้ว
#1
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 09:13 AM
#2 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 09:28 AM
บอกถึงว่า หากกัปป์ใดไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มีพระเจ้าจักรพรรดิบังเกิด ก็ยังถือว่าเป็นบุญของยุคนั้น
เป็นการยากเหมือนกันที่จะอธิบายให้เพื่อนๆที่ไม่รู้จักวัดเข้าใจว่าหลวงปู่ เกี่ยวข้องอะไรกับพระเจ้าจักรพรรดิ จึงต้องอัญเชิญจักรแก้วไว้ที่บริเวณวิหารหลวงปู่
คงต้องฝันในฝันแล้วกระมัง
#3
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 10:17 AM
#4
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 10:39 AM
คือ ในพระพุทธศาสนา จักรแก้ว มีปรากฏว่า เป็นสิ่งที่เลิศวิเศษ
เป็นของคู่บุญคู่บารมีของผู้มีบุญมาก เช่นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เป็นต้น
เราจึงอัญเชิญ จักรแก้ว มาประดิษฐาน ที่มหาวิหาร เพื่อเชิดชูบูชา
พระเดชพระคุณหลวงปู่ ซึ่งเป็นผู้เลิศทั้งคุณธรรม คุณวิเศษ
ซึ่งจะทำให้ ใครก็ตามที่มาเห็น จะได้เกิดศรัทธาเลื่อมใส ในตัวพระเดชฯ
เราก็จะได้บุญ ถือเป็นผู้มีกตัญญูกตเวที บูชาครูบาอาจารย์ผู้ควรแก่การเคารพบูชา
#5 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 11:47 AM
หากเป็นนิพพานสมบัติ ใยต้องอันตรธานเมื่อพระเจ้าจักรพรรดิออกผนวช
ในมุมมองเราธรรมจักรคือนิพพานสมบัติ
จะนำคำแนะนำของ sithman ไปตอบเพื่อนๆ
แต่ถ้ามีคนสงสัยว่า ใยต้องนำจักรแก้วจำลองมาตั้งเรียงไว้ถึง 6จักร เราจะตอบเขาอย่างไรดี(ที่มาของ 6น่ะ เดี๋ยวมีคนถามอีกว่า ทำไมไม่อัญเชิญ 10จักรล่ะ)
#6 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 09:56 PM
1.มีภูมิธรรมรู้จักพระพุทธศาสนาแค่ไหน
2.มีวลาอธิบายได้นานแค่ไหน
3.มีความรู้จักกันเป็นการส่วนตัวแค่ไหน
ต้องประเมินดูนะครับว่าจะอธิบายได้ลึก ได้ละเอียดแค่ไหนขึ้นกับปัจจัยเหล่านี้ ถ้าไม่มีเวลา แต่พูดเรื่องละเอียดมากที่เขารับไม่ได้ ระวัง เขาจะเป็นอีก 1 กระบอกเสียงที่จะกล่าวโทษเราได้ และจะกระจายความเข้าใจผิดต่อไป ให้เข้าใจกันไว้ก่อนดีที่สุดครับ
ดร.มอส
#7 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 23 December 2005 - 11:20 PM
จักรแก้วในพระไตรปิฎก จะกล่าวถึง จักรแก้วในรัตนะ 7 ของพระเจ้าจักรพรรดิเท่านั้น แต่จากธรรมะปฏิบัติทำให้ค้นพบว่า การทำวิชชานั้น จำเป็นต้องมีรัตนะ 7 เช่นเดียวกัน ซึ่งรัตนะ 7 ก็จะมีทั้งจักรแก้ว ดวงแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ง ช้างแก้ว ม้าแก้ว เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นรัตน 7 คนละแบบกับพระเจ้าจักรพรรดิและไม่มีบันทึกในพระไตรปิฎก ถึงแม้ว่าจะว่าชื่อเรียกเหมือนกันก็ตามแต่วัตถุประสงค์ต่างกัน สรุปง่ายๆ ก็คือ
รัตนะ 7 ของพระเจ้าจักรพรรดิ มีไว้ครอบครองทวีปทั้ง 4 รอบเขาพระสุเมรุ และแสดงพระราชอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิ
รัตนะ 7 ของผู้ทำวิชชา ถือเป็นสมบัติของผู้ที่ทำวิชชาได้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองทวีปทั้ง 4 รอบเขาพระสุเมรุ และแสดงพระราชอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิแต่อย่างใด
สรุปคือ ชื่อเหมือนกัน แต่ในรายละเอียดและวัตถุประสงค์การใช้งานแตกต่างกันครับ
ส่วนธรรมจักร ไม่ใช่รัตนะ 7 แต่เป็นการเปรียบเทียบว่า ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสมือนจักรที่ทรงอานุภาพ ไม่มีสิ่งใดมาต้านทานได้ เหมือนจักรแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งเมื่อพระเจ้าจักรพรรดิปล่อยออกไปแล้ว ก็ไม่มีบุคคลใดจะมาทัดทานได้
ส่วนจักรที่เอามาประดิษฐานที่หน้าวิหารหลวงปู่ ในความคิดผม คิดว่าสื่อได้ 2 ความหมายครับ คือ
1) เปรียบเหมือนรัตนะ 7 คือสมบัติของผู้ทำวิชชา หรือ
2) เปรียบเหมือนธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือก็คือวิชชาธรรมกาย นั่นเอง ไม่ว่าจะเผยแผ่ไปทิศทางใด ก็ไม่มีสิ่งใดจะต้านทานได้ เพราะเป็นสัจจธรรม
(ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด เป็นความรู้ที่ออกมาจากพระธรรมกายอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าภายในที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรลุในวันเพ็ญวิสาขบูชาครับ)
ส่วนที่ทำไมต้องมี 6 จักร อันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าผมเดาว่า หมายถึงทิศ 6 หรือป่าว คือวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่ไปทิศทั้ง 6 คือ ซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่างและบน อ่า...อันนี้เดาเอานะครับ หรือบางทีหลวงพ่อท่านให้มี 6 จักร อาจจะไม่มีความหมายอะไรก็ได้ ที่ทำจักร 6 อัน อาจจะแค่ สวยๆ พอดีกับพื้นที่ก็เป็นได้ครับ
#8
โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 12:51 PM
ถ้าจะให้อธิบายในทางลัด ให้นำความศรัทธาต่อพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ฯและครูไม่ใหญ่เป็นตัวตั้งไว้ก่อน แล้วค่อยประเมินภูมิธรรม เวลาและความรู้จักของผู้รับว่าสามารถทำความเข้าใจได้มากน้อยเพียงใด ตามที่ผู้มาเยือนแนะไว้
#9
โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 03:49 PM
#10
โพสต์เมื่อ 24 December 2005 - 08:48 PM
อัญเชิญธง อัญเชิญสาส์น
ตามมหาวิทยาลัยยังมีอัญเชิญพระเกี้ยวทุกปีเลย
ส่วนจักรแก้วเป็นสัญลักษณ์ของสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ มีไว้เป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกนึกถึงการสร้างบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ การมีพิธีอัญเชิญเพื่อให้จดจำและย้ำเตือนให้นึกถึงการสร้างบารมีอย่างอุกฤษฏิ์อย่างไม่ไขว้เขว
อืมม์...เข้าใจอย่างนี้นะคะ รอผู้รู้ท่านต่อไป
#11
โพสต์เมื่อ 26 December 2005 - 04:42 PM
ถ้าคนที่เข้าวัดสม่ำเสมอ ก็ตอบคร่าว ๆ ว่า การอัญเชิญจักรแก้วนี้ เปรียบเสมือนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางมหาวิหารหลวงปู่ เอาไว้ใช้ปราบมาร จึงนำมาตั้งไว้ด้านหน้า
#12 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 27 December 2005 - 04:00 PM
#13
โพสต์เมื่อ 27 December 2005 - 06:37 PM
ทราบกันอย่างนี้แล้ว
"ปีใหม่ ปีใหม่ ปีนี้ คนดีมีนัดหรือยัง
จะไป จะไป ไหนกัน
ถ้าไปกับฉันได้บุญทันที
ปีใหม่ ปีใหม่ ปีนี้ คนดีมาธุดงค์กัน
29 ธันวาสุขสันต์ มาธุดงค์กันได้บุญทันที
ปีใหม่ ปีใหม่ ปีนี้ คนดีมาอัญเชิญจักรแก้ว
31 ธันวาสุขสันต์ มาอัญเชิญจักรแก้วได้บุญทันที"
ไม่ทราบว่าร้องถูกหรือเปล่า
#14 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 28 December 2005 - 01:51 PM
ดังนั้นการอัญเชิญจักรแก้วในวาระวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงเป็นกิจกรรมงานบุญที่แสดงออกถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงกันของชาวไทยและชาวพุทธทั่วโลกผู้รักการแสวงบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป
#15
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 04:21 PM
[๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพระราชาจักรพรรดิ์ พระนามว่า ทัลหเนมิ
ผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรง
ชำนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้า
แก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ ๗ พระราชบุตรของพระองค์มี
กว่าพัน ล้วน กล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์
ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตราครอบครองแผ่นดิน มีสาคร เป็นขอบเขต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น โดยล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลาย พันปี ท้าวเธอตรัสเรียก
บุรุษคนหนึ่งมารับสั่งว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ ท่านเห็นจักรแก้ว อันเป็นทิพย์ถอยเคลื่อนจากที่ในกาลใด
พึงบอกแก่เราในกาลนั้นทีเดียว ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย บุรุษนั้นทูลสนองพระราชดำรัสของท้าวเธอ
แล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย โดยล่วงไปอีกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี บุรุษนั้นได้เห็นจักรแก้ว
อันเป็นทิพย์ถอยเคลื่อนจากที่ จึงเข้าไปเฝ้าท้าวเธอถึงที่ประทับ แล้วได้กราบทูลว่า ขอเดชะพระ
พุทธเจ้าข้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ จักรแก้วอันเป็นทิพย์ของพระองค์ถอย เคลื่อนจากที่แล้ว ฯ
ถ้าเจอคำถามแบบนี้บอกเขาให้ค้นคว้าในพระไตรปิฏกดูประกอบครับ
ที่มา :พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
จักกวัตติวัตรอันประเสริฐนั้น เป็นไฉน ฯ
ร. พระพุทธเจ้าข้า ก็จักกวัตติวัตรอันประเสริฐนั้น เป็นไฉน ฯ
ราช. ดูกรพ่อ ถ้าเช่นนั้น พ่อจงอาศัยธรรมเท่านั้น สักการะธรรม ทำความเคารพ
ธรรม นับถือธรรม บูชาธรรม ยำเกรงธรรม มีธรรมเป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอด มีธรรมเป็น
ใหญ่ จงจัดการรักษาป้องกันและคุ้มครองอันเป็นธรรมในชนภายใน ในหมู่พล ในพวกกษัตริย์
ผู้เป็นอนุยนต์ ในพวกพราหมณ์และ คฤหบดี ในชาวนิคมและชาวชนบททั้งหลาย ในพวกสมณ
พราหมณ์ ในเหล่าเนื้อ และนก ดูกรพ่อ การอธรรมอย่าให้มีได้ในแว่นแคว้นของพ่อเลย ดูกร
พ่อ อนึ่ง บุคคลเหล่าใดในแว่นแคว้นของพ่อ ไม่มีทรัพย์ พ่อพึงให้ทรัพย์แก่บุคคลเหล่านั้น ด้วย
ดูกรพ่อ อนึ่ง สมณพราหมณ์เหล่าใด ในแว่นแคว้นของพ่อ งดเว้นจาก ความเมาและความ
ประมาท ตั้งมั่นอยู่ในขันติและโสรัจจะ ฝึกตนแต่ผู้เดียว สงบตนแต่ผู้เดียว ให้ตนดับกิเลส
อยู่แต่ผู้เดียว พึงเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้น โดยกาลอันควร แล้วไต่ถามสอบถามว่า ท่าน
ขอรับ กุศลคืออะไร ท่านขอรับ อกุศลคืออะไร กรรมมีโทษคืออะไร กรรมไม่มีโทษคืออะไร
กรรมอะไรควรเสพ กรรมอะไรไม่ควรเสพ กรรมอะไรอันข้าพเจ้ากระทำอยู่ พึงมีเพื่อไม่เป็น
ประโยชน์ เพื่อทุกข์ สิ้นกาลนาน หรือว่ากรรมอะไรที่ข้าพเจ้ากระทำอยู่ พึงมีเพื่อประโยชน์
เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน พ่อได้ฟังคำของสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว สิ่งใด เป็นอกุศล พึงละ
เว้นสิ่งนั้นเสีย สิ่งใดเป็นกุศลพึงถือมั่นสิ่งนั้นประพฤติ ดูกรพ่อ นี้แล คือจักกวัตติวัตรอัน
ประเสริฐนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวเธอรับสนองพระดำรัสพระราชฤาษีแล้ว ทรง ประพฤติในจักกวัตติวัตร
อันประเสริฐ เมื่อท้าวเธอทรงประพฤติจักกวัตติวัตรอัน ประเสริฐอยู่ จักรแก้วอันเป็นทิพย์ซึ่งมี
กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วย อาการทุกอย่าง ปรากฏมีแก่ท้าวเธอผู้สระพระเศียร ทรง
รักษาอุโบสถอยู่ ณ ปราสาทอันประเสริฐชั้นบน ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ท้าวเธอทอดพระเนตร
เห็นแล้ว มีพระดำริว่า ก็เราได้สดับมาว่า จักรแก้วอันเป็นทิพย์ มีกำพันหนึ่ง มีกง มีดุม
บริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง ปรากฎมีแก่พระราชาผู้เป็นกษัตริย์พระองค์ใด ผู้ได้มูรธาภิเษก สระ
พระเศียร ทรงรักษาอุโบสถอยู่ ณ ปราสาทอันประเสริฐชั้นบน ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ พระ
ราชาพระองค์นั้น เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เราได้เป็น พระเจ้าจักพรรดิ์หรือหนอ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินที่อยู่ ณ ทิศบูรพาพากันเสด็จ เข้าไปเฝ้าพระเจ้า
จักรพรรดิ์ ได้กราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเชิญเสด็จมาเถิด มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาดีแล้ว
ราชอาณาจักรเหล่านี้ เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น ขอ พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทเถิด
มหาราชเจ้า ท้าวเธอจึงตรัสอย่างนี้ว่า
พวกท่านไม่พึงฆ่าสัตว์
ไม่พึงถือเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้
ไม่พึงประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
ไม่พึงกล่าวคำเท็จ
ไม่พึงดื่มน้ำเมา
จงบริโภคตามเดิมเถิด
ที่มา :พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#16
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 11:14 AM
พิธีอัญเชิญรูปหล่อทองคำหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ประดิษฐาน ณ มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
http://www.dhammakay...cher_day_th.php
#17
โพสต์เมื่อ 05 February 2007 - 03:18 PM