![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/ee15d2d4a0f8e5d37fb132a42a4ae0c5?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
แค่คิดก็ผิดแล้ว ??
#1
โพสต์เมื่อ 30 June 2008 - 10:44 PM
แค่คิดดี ถึงแม้ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว
แค่คิดชั่ว ถึงแม้ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็ถือว่าเป็นบาปแล้ว
อยากทราบว่า การคิดดี คิดชั่ว เราจะได้ผลบุญผลบาปข้อใด นอกจากความสุขใจและทุกข์ใจ ?
ขอบคุณค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 03:15 AM
พอดีฟังหลวงพ่อพูดใน DMC เมื่อกี๊พอดีเลยมาตอบเพิ่มว่าหากเราคิดชั่วแล้วแสดงว่าแหล่งกำเนิดของใจได้รับเอาความชั่วเข้ามาแล้วเดี๋ยวมันจะค่อยๆคืบคลานให้เริ่มพูดชั่วและทำชั่วต่อไปได้
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#3
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 09:23 AM
(๑) เหยียบมดตาย มีเจตนา มีโทษ, ไม่เจตนา มีโทษน้อย
(๒) คนๆเดียวใช้ดาบฆ่าคนทั้งเมืองนาลันทาตายในครั้งเดียวไม่ได้, แต่ผู้มีฤทธฺิ์ทางจิตเผาเมืองให้เป็นเถ้าถ่านในครั้งเดียวได้
แล้วอุบาลีคฤหบดีคนดังเมืองนาลันทา ก็ฟังธรรมแล้วบรรลุพระโสดาบัน เปลี่ยนจากนิครนถ์เป็นพุทธ
#4
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 09:34 AM
สาธุ.. สาธุ.. สาธุ..
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#5
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 10:08 AM
#6
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 12:17 PM
#7
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 12:54 PM
บางทีทำให้นั่งสมาธิไม่ก้าวหน้า พอจิตกำลังจะนิ่ง ก็จะผุดนิมิตเป็นภาพและเสียงตัวเองกำลังด่าพระอย่างนั้นอย่างนี้ จนต้องเลิกนั่งเป็นต้น
#8
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 05:33 PM
แค่คิดจะทำก็มีเจตนาไปกว่าครึ่งแล้ว
ถ้าคิดไม่ดีบ่อยๆ ก็จะเป็นอย่างที่คุณ somchet และคุณหัดฝันว่า
และถ้าคิดซ้ำๆ บ่อย ก็จะทำให้เกิดอกุศลจิตพอกพูนเรื่อยๆ อาจทำให้ตอนตายมีอกุศลจิตก็มีสิทธิ์ไปอบายได้ค่ะ มีเคสถ้าหาเจอจะเอามาโพสต์ให้อ่านค่ะ
สามารถหาอ่านเพิ่มเติมในเรื่องศีลได้
ศีลเป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#9
โพสต์เมื่อ 01 July 2008 - 06:25 PM
#10
โพสต์เมื่อ 04 July 2008 - 12:42 PM
ด้วยความอับอายมาณพนั้นจึงหลบออกจากเมืองนั้นไป ภายหลังได้แต่งงานใหม่กับเศรษฐีต่างเมืองและมีบุตรกับเศรษฐีอีก ต่อมาได้พบเพื่อนจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพื่อนจึงแนะนำให้ไปขอขมาต่อพระมหากัจจายนะที่คิดล่วงเกินท่าน เมื่อได้ขอขมาแล้ว มาณพนั้นก็กลายเป็นเพศชายตามเดิม
นี่น่าจะเป็นตัวอย่างอธิบายได้ว่า "แค่คิดก็ผิดแล้ว" นะคะ
ส่วนมาณพนั้นเกิดความสังเวชใจในสังสารวัฏ จึงออกบวช แต่เมื่อบวชแล้ว เพื่อนสมณะที่รู้ข่าวมักพากันสอบถามถึงความรู้สึกว่า ตอนเป็นชายกับตอนเป็นหญิง ตอนไหนรักลูกมากกว่ากัน ซึ่งภิกษุบวชใหม่จะตอบว่า ตอนเป็นหญิงรักลูกมากกว่าเพราะต้องอุ้มท้องด้วย แต่เมื่อถูกถามบ่อยๆ เข้า ก็เกิดความรู้สึกว่าไม่เป็นแก่นสาร จึงหลบไปบำเพ็ญสมณธรรมเพียงลำพังจนกระทั่งในที่สุดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์พระองค์หนึ่ง (ขออภัย ณ ขณะนี้นึกนามท่านไม่ออก ต้องขอค้นก่อนค่ะ หากท่านใดทราบ รบกวนช่วยเสริมด้วยนะคะ)
หมายเหตุ - ขอเสริมเป็นปกิณกะธรรมเผื่อว่ามีท่านใดที่เพิ่งเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนานะคะ
พระมหากัจจายนะ (หรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักในนาม พระสังกัจจาย) มีรูปกายงามมาก มองเผินๆ คล้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากประกอบด้วยลักษณะมหาบุรุษหลายประการ เพราะได้สั่งสมบารมีมามากด้วยปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง แต่ได้เปลี่ยนความปรารถนาขอเข้านิพพานก่อนจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์ในสมัยของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า และต่อมาได้อธิษฐานให้คนทั่วไปเห็นรูปกายท่านไม่งาม (แต่กายจริงๆ ของท่านยังงามอยู่นะคะ) เนื่องจากคนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นต่อมาคนจึงเข้าใจว่าพระมหากัจจายนะมีรูปลักษณะแบบรูปเคารพที่เห็นกันทั่วไปค่ะ