เข้าพรรษานี้น้ำหนักขึ้นพรวดๆเลย
#1
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 02:16 PM
ตั้งแต่เข้าพรรษามาเนี้ย น้ำหนักขึ้นมา ๕ โลแล้วครับท่าน อ้วนกลม อ้วนกลม ตอนนี้ถ้าเล่นซ่อนหากันแล้วผมไปยืนเทียบข้างๆถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตรก็ไม่มีใครหาเจอแล้วครับ คงมีแต่คนแปลกใจว่าทำไมถังน้ำมันใบนี้ถึงใส่เสื้อ โฮ.....
ตอนไปพนาวัฒน์ก็โทษ โรงครัวมหาทานของพนาวัฒน์ว่าทำอาหารอร่อยสะเด็ดยาด บรรยากาศก็เป็นใจ จิตใจก็สบาย เลยกินซะไขมันปลิ้น ตอนขานั่งรถขึ้น คนที่นั่งข้างๆไม่เห็นเป็นอะไร แต่ขากลับลงมา ทำไมนั่งไม่สบายอึดอัดกันทั้งคู่ก็ไม่รู้ สงสัยเก้าอี้เขาจะเปลี่ยนให้เล็กลงแหงๆ
แต่นี่อยู่บ้านตัวเองแท้ๆ กับข้าวก็ทำเอง(ฝีมือไม่ถึงขนาดพนาวัฒน์ แต่ก็ขอโทษ สุนัขที่บ้านอ้วนทุกตัว การันตีได้ว่า ฝีมือผมนี้สุนัขรับทานครับผม) งานก็เยอะ เครียดก็เครียด ไหงน้ำหนักขึ้นได้นะ อาหารสองมื้อเช้า เพลก็ทานปกติไม่ได้เยอะขึ้นแต่อย่างใด หลังเพลก็มีชาเย็นหนึ่งเหยือก ๑ ลิตรตุนไว้ตลอดคืนเท่านั้นเอง พอสี่ทุ่มยังหิว หิ๊ว หิว อีกต่างหาก บางทีทนไม่ไหวก็จะทานกล้วยน้ำว้าลูกเล็กๆ ๑ ลูกพอไม่ให้ทรมาน
ตอนนี้ทุกคนในบ้านเริ่มแซวแล้วครับ ว่าทำไมไม่ทานข้าวเย็นแต่ยังอ้วนเอา อ้วนเอาอยู่อีก
เฮ้อ.... ใครว่างๆช่วยเข้ามาแนะนำอะไรหน่อยซิครับ อึดอัดจะแย่แล้ว
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
#2
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 02:24 PM
#3
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 02:24 PM
ศีล ๘ กล้วยน้ำว้าได้ด้วยหรอครับเนี่ย๐๐
#4
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 03:41 PM
นึกถึงคำสอน... เวลาทานอาหารเสร็จ(ไม่ต้องทานอิ่ม) ให้ดื่มน้ำตามซัก สองแก้ว แล้วจะรู้สึกว่าอิ่มพอดี
ชาเย็น 1 ลิตร ผมว่ามากไปมั้ง เดี๋ยวนี้ก็ลดกาแฟเหมือนกัน วันไหนทานเยอะรู้สึกว่าทำให้นอนไม่สนิท
ถ้าศีลแปด ก็ต้องงดกล้วยน้ำว้าครับ... ถ้าเพียงแค่งดอาหารเย็นก็ต้องหากิจกรรมทำให้วุ่นๆ จะได้ไม่หิวครับ ถ้าผ่านไป 1 อาทิตย์ ความหิวน่าจะลดลงเอง
สู้ๆครับ ถ้าคุณได้ทำ คุณก็ทำได้แน่นอน
#5
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 04:13 PM
#6
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 04:31 PM
แล้วชาเย็นก็คือ ตัวชาจริงๆ ๑ กล่อง ๒๐๐ ซีซี(นม ๑ กล่อง ๒๕๐ ซีซี) ที่เหลือคือน้ำแข็งเต็มเหยือกครับ ผมเป็นคนชอบน้ำเย็น ก็ปล่อยให้ละลายไปเรื่อยๆ กว่าโรงเรียนอนุบาลจบ กว่าจะเคลียงานเอกสารเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ละลายหมดเหยือกพอดี เอามาทานตอนเข้าโรงเรียนที่บ้านนะครับ
แล้วที่ทานกล้วยน้ำว้าด้วย เพราะบางครั้งหิวจนมือสั่นเลยนะครับ ทานน้ำเฉยๆก็ไม่อยู่ ทำงานไม่ได้ นั่งธรรมะไม่สงบเลย เมื่อก่อนจะเป็นขนมปังหนึ่งแผ่น แต่คิดว่าไม่เหมาะก็เลยเปลี่ยนมาเป็นกล้วย แล้วเคี้ยวหยาบๆจะได้ช่วยระบายท้องตอนเช้าด้วย ไม่รู้ทำไมกล้วยใบเดียวจะทำให้หายหิวได้ สงสัยจะเกี่ยวกับจิตใจหรือเปล่า
แต่ตอนไปพนาวัฒน์กับตอนอยู่ธุดงค์ที่วัดกลับไม่หิวนะครับ ปานะที่จัดให้ตอนเย็นก็ไม่ได้ทาน ก็ไม่หิว แปลกดี
ที่สำคัญ มันไม่ใช่อ้วนลงพุงซิครับ มันอ้วนกลมทั้งตัวเลย ฮือ ฮือ ผมเอาข้อศอกไปวางบนไหล่เพื่อน เขายังหาว่าผมเอาขาไปวางบนไหล่เขาเลยครับ เขายังถกขากางเกงให้ดูเลย ว่าแขนผมกับขาเขาขนาดใกล้เคียงกันเลย แง...เพื่อนใจร้าย
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#7
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 05:21 PM
ที่อ้วนขึ้น เห็นชัดๆว่า ก็เพราะท่านเล่นบริโภคน้ำตาลเป็นเหยือกๆ (ชาเย็น)
เหมือน คุณusr22020 บอกค่ะ
(อ้อ มื้อเย็น ถ้าจะรักษาศีลแปด ทานกล้วย ศีลขาดนะคะ)
ลองงดชาเย็น เปลี่ยนเป็น ทานนม นมเปรี้ยว หรือ โอวัลตินร้อน ตอน 4-5 โมงหนึ่งแก้ว
ให้อยู่ท้อง ไม่ชิงหิวเสียก่อน ไม่งั้นตบะจะแตก
3-4 ทุ่ม ทานเครื่องดื่ม อีกหนึ่งแก้ว คราวนี้จะให้หลับสบายต้องทานน้ำขิง
น้ำผลไม้ก็ดี หรือ นมเปรี้ยว อีกก็ไม่แปลก
แล้วรีบ นั่งธรรมะ แล้วนอนเลยค่ะ
ศีลแปดจะอยู่ได้แค่ 4ทุ่ม พลังงานก็จะหมด เพราะไม่ให้เหลือพลังงานไปกระตุ้นกิเลสไงคะ ลืมหรือไร
ถ้าอยู่ดึก ก็ต้องทานเครื่องดื่มอีก
เอ้า มาดูทำไมทานนิดเดียว(จริงเร้อ) แต่อ้วนนนเอาๆๆค่ะ
ผู้ชายต้องการแคลอรี่ ประมาณ 2500 ต่อวัน
ผู้หญิงต้องการแคลอรี่ ประมาณ 2000 ต่อวัน
(ทานเกินทุก 750 แคลอรี่ คือจะกลายเป็น น้ำหนักขึ้น 1/2 กก.)
อยากจะผอม ก็ทานให้ติดลบก็ได้ จะออกกำลัง ให้ใช้แคลอรี่เกิน จากที่ทานก็ได้
แต่ควรจะทำทั้ง 2 ทางค่ะ
-----------------------------------------------------
ตารางแคลอรี่ของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและเนย
-----------------------------------------------------
นม 1 ถ้วย 240-250 แคลอรี่
นมไขมันต่ำ 1 ถ้วย 150 แคลอรี่
โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย 125 แคลอรี่
โยเกิร์ต 1 ถ้วย 140-150 แคลอรี่
-----------------------------------------
ตารางแคลอรี่ของอาหารและของหวานต่างๆ
-----------------------------------------
น้ำสลัดและแยม 1 ช้อนชา 50-55 แคลอรี่
ไอศกรีม 1 ถ้วย 250-270 แคลอรี่
น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชา 30 แคลอรี่
เค้กช็อกโกแลต 125 กรัม 400-420 แคลอรี่
เค้กผลไม้ 60 กรัม 105 แคลอรี่
น้ำเชื่อม 1 ช้อนชา 50-55 แคลอรี่
น้ำขิงหรือชาสมุนไพร 1 ถ้วย 10-20 แคลอรี่
น้ำอัดลม 1 กระป๋อง 90-98 แคลอรี่
อาหารที่ต้องระวัง(ทานน้อย แต่ แคลอรี่สูง)
มันฝรั่งทอด 100 กรัม 470-520 แคลอรี่
อกไก่ทอด 1 ชิ้น 300-500 แคลอรี่
พิซซ่า 1 ชิ้น 160-200 แคลอรี่
อาหารที่แคลอรี่ต่ำ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ถ้วย 250-260 แคลอรี่
สลัดไก่ 1 จาน 90-100 แคลอรี่
ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำใส 1 ชาม 200-230 แคลอรี่
ขนมจีนน้ำยา 1 จาน 300-335 แคลอรี่
ขอให้ผอมค่ะ
#8
โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 07:26 PM
ดูแลขันธ์5 ดีๆนะจ๊ะ อย่าประมาท ปล่อยให้อ้วนไป
เดี๋ยวจะนั่งขัดสมาธิกับพื้นไม่ได้ เส้นเลือดใต้ขาจะถูกบีบ เลือดไปเลี้ยงน่องไม่ได้ จะเป็นเหน็บ ปวดสุดๆ
เลยต้องนั่งเก้าอี้แทน ถ้าธรรมะไม่ดีพอ ต้องนับหนึ่งใหม่ มารอให้คุ้นท่านั่งใหม่อีก โก โซ บิค เลย
แถมจะป่วยบ่อย ง่วงนอนง่าย หิวบ่อยอีกด้วย น่าเบื่อออก
เป็นภาระกับชีวิต ไม่แอคทีฟเลยล่ะ คนอ้วน
...
ขอบใจคนตั้งกระทู้ และคุณมัชฌิมา ผู้รู้นะจ๊ะ
(เอ วันนี้อั๊วเจี๊ยะไปกี่แคลอรี่หว่า ว๊า สงสัยเกินอีกตามเคย..)
เฮ้อ!!!
#9
โพสต์เมื่อ 08 August 2008 - 12:42 AM
#10
โพสต์เมื่อ 08 August 2008 - 08:34 AM
สรุป
1. งดอาหารเช่นเนื้อติดมัน หนังสัตว์ ถ้าจะทานเนื้อ ให้เป็นเนื้อปลามีเกล็ด
2. เน้นพวกผัก ผักปั่น น้ำผลไม้
3.ออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ได้อย่างน้อย 3ครั้งต่อสัปดาห์
4. ลดความเครียด
5. ทานมื้อเย็นเร็วขึ้น และอย่านอนดึก
อีกอย่าง ถ้าเรามีไขมันส่วนเกิน ก็ลองจินตนาการว่า อวัยวะที่สำคัญเช่นหัวใจ ก็จะมีไขมันไปสะสมอยู่ อะ...จึ๋ย... น่ากลัวนะผมว่า เพราะจะเป็นที่มาของโรคร้ายแรงอีกหลายอย่าง เช่น หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมองแตก ตีบ ตัน อัมพาต ฯลฯ
ให้กำลังใจ เอาชนะใจตัวเอง( เวลาหิว)ให้ได้นะครับ
#11
โพสต์เมื่อ 08 August 2008 - 10:16 AM
อีกอย่างคุณชอบทานน้ำเย็น ร่างกายของเรามีอุณหภูมิที่ 37 องศาเซลเซียส ระบบต่างๆจะทำงานได้ดีเยี่ยมที่อุณหภูมิร่างกาย แล้วคุณไปทานน้ำเย็น ถึงจะแค่แป๊บเดียว แต่ก็อาจมีผลกับระบบย่อยอาหารได้
คุณลองทานอาหารแบบไม่ต้องอิ่ม หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำเปล่าธรรมดา (ไม่เย็น) ตามจนอิ่ม หรือน้ำอุ่น
อีกแบบก็คือ ทานอาหารช้าๆ เคี้ยวนานๆ จะทำให้คุณทานได้น้อย และอิ่มไว
คุณทำได้อยู่แล้วล่ะ ถ้าคิดจะทำจริงๆจังๆ โดยอย่าเอาเวลางานมาอ้างว่ายุ่ง เพราะนี่คือสุขภาพของคุณ
โปรดจำไว้ว่า ถ้าไม่มีคุณ เจ้านายคุณหาคนมาแทนได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่ครอบครัวของคุณมีคุณคนเดียวนะ
ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคทั้งหลายนะคะ
สู้ สู้ ค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 08 August 2008 - 03:16 PM
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#13
โพสต์เมื่อ 08 August 2008 - 03:25 PM
ซื้อมาทาน 2เดือน (ออกกำลังกายด้วย) ลดไป4กก.แล้วค่ะ (ไม่ได้โม้)
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#14
โพสต์เมื่อ 09 August 2008 - 09:01 AM
อันดับต่อไปก็คือ เรื่องอาหารนะคะ ช่วยพิจารณาดูเมนูกันหน่อยนะคะ ไม่ควรมีของทอดๆ มันๆ เช่น ขาหมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมูกรอบ กล้วยทอด (อืม...น้ำยายไหย) เป็นต้น โดยเฉพาะกล้วย 1 ผลก่อนนอน นี่เท่ากับข้าว 1 จานนะคะ (รู้หรือเปล่าน่ะ) ชาหรือกาแฟก่อนนอนนี่ (โอย...ปวดหมองๆ) อันนี้ควรงดๆและ ดื่มน้ำอุณหภูมิธรรมดาหรือน้ำมะนาวสิคะ (เคล็ดลับเลยล่ะ) ไม่หวานนะคะ ต้องไม่หวานค่ะ
สมัยอิฉันยังสาว กินมะนาว 1 ผลผสมเกลือนิดหน่อยทุกๆคืนก่อนนอน ได้ผลชงัด side effect ก็มีนะคะ คือ ได้ฟันหน้าที่ขาวจั๊วะโดยไม่ตองเสียเงินไปคลีนิคหมอฟันเลย (อ้าว.ว. ออกนอกเรื่องไปหรือเปล่า?)
ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นวิชาการไปหรือเปล่านะคะ แค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเล่าสู่กันฟังนะคะ ไม่แน่ใจว่าคุณทัพพีจะใช้ได้หรือเปล่า แต่เอาใจช่วยนะคะ จายเย็นๆ เดี๋ยวก็ใส..เอ๋ย ลดลงเองหละ มีตั้งหลายวิธีให้ลอง อยู่ที่สม่ำเสมอค่ะ สม่ำเสมอ ก็ขอโชคดีและทำสำเร็จนะคะ
#15
โพสต์เมื่อ 09 August 2008 - 04:55 PM
#16
โพสต์เมื่อ 11 August 2008 - 09:46 AM