ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 2 คะแนน

ขอคำปรึกษาจากทุกท่านหน่อยค่ะ...ด่วนมาก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 22 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 nidnoi

nidnoi
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 August 2008 - 10:05 PM

คือว่า...ดิฉันมีลูกศิษย์หลาย ๆ คน
ที่กำลังเตรียมตัวสอบสอบเรียนต่อมหาวิทยาลัยในปีหน้า
ตอนนี้ก็กำลังเรียนไปด้วย และเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปด้วย
มาปรึกษาดิฉัน ที่เข้ามาปรึกษาก็มีปัญหาหลายอย่าง เช่น
-บางคนเครียดกับการเรียนและการเตรียมตัวสอบเข้า
-บางคนกลัวสอบเข้าไม่ได้
-บางคนความจำไม่ค่อยดี
-บางคนก็ฟุ้งซ่าน
-บางคนเรียนหนังสือไม่ค่อยดี
ฯลฯ


ดิฉันก็ห้กำลังใจลูกศิษย์ทุกคน ไม่อยากให้เขาท้อตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
และให้คำแนะนำให้เขาเหล่านั้นว่า
...ให้นั่งสมาธิ แบ่งเวลาให้ถูก ตั้งใจอ่านหนังสือ ทำอย่างสม่ำเสมอและต้องมีความตั้งใจจริง...


ถ้าเครียดก็ให้ไปทำกิจกรรมอื่นก่อน เช่น เล่นกีฬา ดูทีวี ฟังเพลง
แล้วถ้าดีขึ้นก็ค่อยมาอ่านใหม่ แล้วต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
พวกเขาก็พอจะมีกำลังใจขึ้น


และจากการที่ดิฉันได้สอบถามลูกศิษย์ที่มาปรึกษาดิฉัน พบว่า...
เขาเหล่านั้น...ไม่มีใครนั่งสมาธิเลย...


ดิฉันจึงได้อธิบายข้อดีของการนั่งสมาธิให้พวกเขาฟัง
และยกตัวอย่างนักเรียนไทยที่แข่งขันชีวะเหรีัยญทองโอลิมปิกโลก
ที่นั่งสมาธิ...จนสอบได้เหรีัยญทองโอลิมปิก


ลูกศิษย์ที่ได้ฟัง ก็มีความสนใจที่จะนั่งสมาธิ
ีลูกศิษย์หลายคนมาปรึกษาดิฉันว่า...
ควรนั่งวันละกี่นาที
ถ้าง่วงแก้ไขอย่างไร
จะเริ่มต้นอย่างไรดี

แต่ก่อน พวกเขาเคยนั่ง แค่ 3-4 นาทีก็เมื่อย ง่วงแล้ว
จึงไม่อยากนั่ง...


ซึ่งดิฉันก็ได้ให้คำแนะนำหลักในการนั่งสมาธิให้พวกเขาไปว่าควรทำอย่างไรบ้าง


แล้วดิฉันก็นึกถึงไฟล์เสียง MP3 ของหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ทันที เรื่อง...
- นำนั่งสมาธิ : สติกับสบาย
- ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 : จุดเริ่มต้นทางสายกลาง


ถ้าดิฉันจะทำแบบนี้จะดีไหมค่ะ
คือตอนนี้ดิฉันมีความคิดว่า...
จะทำปก CD สวย ๆ บอกประโยชน์ของการนั่งสมาธิ
แล้วไรท์ 2 ไฟล์นี้ลงแผ่น CD
จากนั้นนำไปแจกให้ลูกศิษย์ที่สนใจนั่งสมาธิ
์นำไปเปิดฟัง...แล้วปฏิบัติตามเสียงหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ที่บ้าน
เพื่อให้พวกเขาได้นั่งสมาธิถูกหลักวิชชา


หรือใครมีไอเดียดีกว่านี้ก็ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ... ที่กรุณาให้คำแนะนำดี ๆ แก่ดิฉัน

..................................


#2 บุญเลี้ยง

บุญเลี้ยง
  • Members
  • 267 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 August 2008 - 10:26 PM

ดีค่ะ เห็นด้วยค่ะ แต่บางครั้งนักเรียนก็ต้องการคนนำและมีกำลังใจ
แต่ถ้าพอจะทำได้ คุณครูลองจัดนั่งสมาธิวันละ 10-15 นาที ก่อนเข้าเรียนช่วงบ่ายดูสิคะ หรือ ก่อนเข้าแถวช่วงเช้าก็ได้ค่ะ นัดแนะให้เด็ก ๆ มากันเช้าหน่อย ลองทำดูสัก 1 สัปดาห์ดูก่อน แล้วค่อยถามความเห็นนักเรียนว่าอยากทำต่อมั้ย

แนวคิดนี้ได้มาจากหัวหน้างานเก่าของดิฉันเอง ซึ่งดูแลงานฝ่ายขายของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ดิฉันเห็นเธอปิดล้อคห้องตอนกลางวันอยู่บ่อย ๆ หลังจากมื้อกลางวัน จนมารู้ทีหลังว่านั่งสมาธิ 15 นาที แล้วก็มาจัดในอ้อฟฟิศ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็ใช้ช่วงเวลาตอนเย็นหลังเลิกงานค่ะ ใช้โต๊ะในห้องทำงานนั่นแหละแต่จัดเก้าอี้กันหน่อย แรก ๆ คนไม่เยอะค่ะ บางคนก็ยังนั่งทำงานอยู่เลย แต่หลัง ๆ คนแน่นค่ะ
ก็เลยเห็นว่า ทำให้เป็นอะไรที่ง่าย ๆ สถานที่ที่ไหนก็ได้ที่ดูแล้วเหมาะสม

เป็นกำลังใจให้ค่ะ happy.gif

#3 nidnoi

nidnoi
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 August 2008 - 10:34 PM

จริง ๆ แล้ว พวกนักเรียนที่มาขอคำแนะนำดิฉันนั้นน่ะ
บางคนดิฉันไม่เคยสอนเขาเลยค่ะ
แต่เคยคุยกันครั้งสองครั้งเอง
บางคนเคยสอนปีก่อนโน้น นาน ๆ เจอกันที


แล้วดิฉันจะลองจัดนั่งสมาธิ
แล้วชวนพวกเขามานั่งสมาธิ
ตามคำแนะนำของคุณบุญเลี้ยงค่ะ


แต่ไม่รู้ว่าอาทิตย์หนึ่ง จะทำได้สักกี่วัน
เพราะโอกาสที่คาบว่างตรงกันมีน้อย


ขอขอบคุณ...คุณบุญเลี้ยงมากนะค่ะ
ที่ให้คำแนะนำดี ๆ แก่ดิฉัน
happy.gif

#4 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 August 2008 - 11:00 PM

QUOTE
จริง ๆ แล้ว พวกนักเรียนที่มาขอคำแนะนำดิฉันนั้นน่ะ
บางคนดิฉันไม่เคยสอนเขาเลยค่ะ
แต่เคยคุยกันครั้งสองครั้งเอง
บางคนเคยสอนปีก่อนโน้น นาน ๆ เจอกันที
- แสดงว่าคุณครูนิดหน่อย เป็นครูที่อยู่ในความทรงจำของสานุศิษย์ เพราะเวลาลูกศิษฐ์ทุกข์ร้อนจะนึกถึงครูคนนี้ก่อนใคร

QUOTE
ให้คำแนะนำให้เขาเหล่านั้นว่า
...ให้นั่งสมาธิ แบ่งเวลาให้ถูก ตั้งใจอ่านหนังสือ ทำอย่างสม่ำเสมอและต้องมีความตั้งใจจริง...
- คุณครูแนะได้ดีแล้ว

QUOTE
และจากการที่ดิฉันได้สอบถามลูกศิษย์ที่มาปรึกษาดิฉัน พบว่า...
เขาเหล่านั้น...ไม่มีใครนั่งสมาธิเลย...
ลูกศิษย์ที่ได้ฟัง ก็มีความสนใจที่จะนั่งสมาธิีลูกศิษย์หลายคนมาปรึกษาดิฉันว่า...ควรนั่งวันละกี่นาที
ถ้าง่วงแก้ไขอย่างไร...จะเริ่มต้นอย่างไรดี
- หากสนใจก็นับว่ามีฉันทะแล้ว...นั่งนานกี่นาทีนั้นใหม่ๆอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก...ควรฝึกสติสบายผ่อนคลายเพื่อเป็นการปรับตัว...พอสมาธิก้าวหน้าก็จะติดใจ...เพราะความกังวล...ฟุ้งซ่าน...เริ่มจางหายไปเพราะมีสติกำกับ
- วิธีแก้ง่วงเริ่มที่โภชเนมัตตัญญุตา...รู้จักประมาณในการกิน...บริหารร่างกายให้สดชื่นแจ่มใส
- ซึ่งคุณครู...คงต้องสละเวลาทำหน้าที่เป็นยอดกัลยาณมิตร...ประคับประคองตลอดลอดฝั่งอย่างสม่ำเสมอ.....คุณครูคงจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อ...ได้เห็นรอยยิ้มและความสำเร็จของเขาเหล่านั้น

ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#5 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 12:25 AM

ดีครับ .... เด็กถ้าได้ครูดีๆ อย่างเจ้าของกระทู้นี้ก็นับว่าเป็นบุญของพวกเขาเหล่านั้นเลยนะครับ
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ .............


#6 Regenbogen

Regenbogen
  • Members
  • 441 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 12:47 AM

ดีจังทำให้นึกอยากจะเป็นนักเรียนกลุ่มนั้นบ้าง..ขอให้กำลังใจในการที่จะคิดแนะนำทางและสิ่งดีให้กับนักเรียนต่อไป คุณครูมีความคิดที่ดีไว้แล้วแล้วพี่ๆข้างบนก็ตอบให้คำแนะนำที่ดีๆ...มาถึงตรงนี้...ยิ้ม ขอชมขอให้กำลังใจแด่คุณครู

#7 Wiboon Joong (wbj)

Wiboon Joong (wbj)
  • Members
  • 43 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 02:35 AM

เป้าหมาย คือการให้นักเรียนนั่งสมาธิ หรือ ให้เขามีสมาธิ หรือ ต้องการให้เขานั่งท่าสมาธิ หรือ ต้องการผลของสมาธิ...

นักเรียน ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถตัดสินใจอย่างไรได้ชัดเจนนัก ผมว่า การให้เขานั่งสมาธิในสายตาเราน่าจะดีกว่า หรือ จัดให้มีการมานั่งสมาธิในวัด

นักเรียน ส่วนหนึ่งต้องการเรียนดี การให้บอกให้เขานั่งเพื่อบอกถึงผลของสมาธิ ก็เป็นอุบายอย่างหนึ่ง

นักเรียน ส่วนหนึ่งต้องการผลของสมาธิทางด้านหน้าตา จิตใจ

นักเรียน ส่วนหนึ่งต้องการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น

นักเรียน ต้องการการอยู่เป็นกลุ่ม มีพฤติกรรมกลุ่มที่เหนียวแน่น

นักเรียน ต้องแบ่งเวลาให้เป็นในการทำแต่ละเรื่อง

นักเรียน บางคนยังใช้ชีวิตไม่เป็น ซึ่งก็น่าจะมีการบอกให้เขาใช้ชีวิตให้เป็นด้วย

การแจก CD เป็นธรรมทานดีมากครับ สาธุ

มุมมองของผมคือ การผลักให้เขารับในสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันสำคัญ มันจะยากกว่า การให้เขารู้ว่ามันสำคัญสำหรับเขา และ เขาต้องการที่จะทำ ครับ ทั้งนี้คุณครูคงต้องศึกษาถึงภาวะจิตของนักเรียนด้วยว่า เหมาะสมหรือไม่อย่างไรครับ

#8 usr25160

usr25160
  • Members
  • 49 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 03:11 AM

I meditated between heavy studying sessions as a mean to refreshing my mind, usually during midterm and final examinations. It's like sleeping but took only 15 to 30 minutes to complete. I also used it to solve complex theoretical problem, kind of suspending it in space and then, taking a good look from different angles. The solution usually lied within those hidden angles. Hope, this helps.


#9 usr25160

usr25160
  • Members
  • 49 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 06:06 AM

Khun Kruu Nidnoi, I think you're asking a very difficult question on how to stay cool, in a pressure cooker. Our society places so much emphasis on this "do or die" University Entrace Examination, as it doesn't leave much room for those who fail it. Does it mean, they're not good enough, or being unlucky, and have to settle on a less than ideal living? With so much riding on their young shoulders, it's hard to stay cool. I believe we all have special, unique talents, which does not neccessarily include academic excellence. My advise to them is to have faith in something, anything, including praying to "God" if have to. There will always be a small number of winners and many more loosers of the Entrance Examination. Not passing it doesn't mean one is no good, as the examination only represents one narrow yardstick. Please, tell them to stay cool, have faith, do their best, and going from there. The most important thing for them is to discover who each one of them really is so each can unlock his or her "God-given" potential. I think that's the key to success, with or without a college degree. There is a whole wide world waiting for them to be explored, with or without college degrees. Neither Microsoft founder, Bill Gates nor Apple founder, steve Jobs had college degrees, but they have certainly changed the world for the better. Good luck to them all!

#10 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 08:18 AM

แบบที่คุณครูแนะนำการนั่งสมาธิให้กับศิษย์นั้น ดีมากๆแล้ว รวมทั้งวิธีการด้วย
เราขอเสริมวิธีการแนะนำ ดึงดูดให้นักเรียนสนใจในการนั่งสมาธิละกัน..
โดยอาจอธิบายในเชิงเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวนักเรียน ที่คุ้นเคยกันดี.. ว่า..

หัวสมองคนเราก็เปรียบเสมือน Harddisk ของคอมพิวเตอร์ ที่เก็บข้อมูลไว้มากมาย
เมื่อข้อมูลบน Harddisk มีมากในระดับหนึ่ง การจัดเรียงตัวที่กระจัดกระจายของข้อมูลจะทำให้
การเรียกข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งมาใช้งานทำได้ช้า.. ต้องแก้ไขด้วยการทำ Disk Deflagmenter
การนั่งสมาธิ.. ก็เปรียบเสมือนการทำ Disk Deflagmenter เหมือนกัน.. จะทำให้ความคิด ความจำของเรา
เป็นระบบ เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น.. ประสิทธิภาพของ Harddisk นอกจากอยู่ที่ความจุแล้ว..
ยังอยู่ที่ความมีระเบียบของข้อมูลที่จัดเก็บด้วย.. ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.. สมองของคนเราก็เช่นเดียวกัน..
เมื่อเราจับอะไรต่อมิอะไรใส่ลงไปมากเข้ามากเข้า.. มันก็เริ่มเละเทะ ไม่เป็นระบบ ระเบียบ
ลองนึกถึงห้องที่มีของวางระเกะระกะ รกรุงรัง.. เราจะเอาของใหม่ไปเก็บ ก็เก็บลำบาก.. เพราะหาที่ลงไม่ได้..
ครั้นจะหาของสักชิ้นในห้องนั้น.. ก็เป็นการยากไม่แพ้กัน..
ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.. ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้.. ของคนเราก็เช่นเดียวกัน.. ถ้าถูกจัดอย่างมีระบบ ระเบียบแล้ว
จะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของมันออกมาได้อย่างมหัศจรรย์.. ซึ่งสิ่งที่จะช่วยได้คือ.. การทำสมาธิ..
ดังนั้น.. การนั่งสมาธิจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกเพศทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา ทุกอาชีพ ขาดไม่ได้..
ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา คนในวัยทำงาน การบำบัดคนป่วย หรือคนชรา.. ล้วนจำเป็นทั้งสิ้น..

ประมาณนี้อ่ะจ๊ะ.. เราเชื่อว่า.. ถ้านักเรียนได้ฟังถ้อยความ คำจริง เหล่านี้.. จะต้องแห่กันมานั่งสมาธิมากมาย..
กระทั่งล้นห้องที่จัดเตรียมเอาไว้แน่นอน.. ส่วนที่เหลือ.. เราเชื่อว่าคุณครูทำได้อยู่แล้ว..

กราบอนุโมทนาบุญกับคุณครู ผู้ให้แสงสว่างกับเยาวชน และความเมตตาที่มีต่อศิษย์ของท่านเอง..
สาธุ สาธุ สาธุ.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#11 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 08:36 AM

Very good Sa Thu Krub

#12 usr21238

usr21238
  • Members
  • 233 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 08:44 AM

สาธุ สาธุ กับกุศลจิตของคุณครู จขกท. ขอเอาใจช่วยค่ะ

#13 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 09:15 AM

ถ้าหากผมจำไม่ผิด ชั้นมัธยมปลายม.6เทอมสุดท้ายวิชาที่เรียนจะไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่นัก แต่ที่นักเรียนเครียดกันนั้นเป็นเพราะการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยอย่างที่คุณครูเจ้าของกระทู้กล่าวไว้

ในความเห็นของผม การจะจับเด็กนักเรียนมานั่งขัดสมาธิอย่างปุ๊บปั๊บเลยนั้น ผมว่าไม่ดีแน่ ให้ลองนึกถึงตอนที่เราเริ่มหัดนั่งกันใหม่ๆก็ได้ครับ แทนที่เด็กนักเรียนจะคิดว่าการนั่งสมาธินั้นดีจะกลายเป็นว่าต้องมานั่งทรมาณ หากเป็นผมนะครับคุณครู ผมจะยอมสละชม.เรียนที่ตัวเองสอนสัก15นาทีช่วงท้ายชม.เรียน แล้วให้เขาลองหัดนั่งสมาธิในท่าที่สบายๆก่อน คือนั่งโดยใช้เก้าอี้ ให้เขานั่งปล่อยขาสบายๆไปก่อน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามนักเรียนนั่งผิงพนักพิง ให้นั่งตัวตรง ใครนั่งผิงจะถือว่าคนนั้นหลับให้สะกิดปลุกเขาให้ตื่น ไม่นั่งท้าวแขนกับโต๊ะเอามือวางหน้าตักสบายๆ ผมจะเริ่มให้นักเรียนทำอย่างนี้ก่อนครับ ให้นักเรียนเข้าใจว่าการนั่งสมาธิไม่ยากอย่างที่คิด หากชม.นั้นเป็นชม.สุดท้ายของวัน ผมจะให้นักเรียนนั่งให้อยู่ตัวก่อน คือสัก15นาทีในช่วง2-3วันแรก จากนั้นค่อยๆปรับเพิ่มเวลาให้มากขึ้น อาจจะเพิ่มครั้งละ5นาที พอครบเวลาผมก็จะให้เขาลืมตาและพูดให้กำลังใจเขา ถ้าเป็นผม ผมจะทำเช่นนี้

ส่วนเรื่องการแนะนำการนั่งสมาธินั้น ผมจะไม่แนะนำเด็กๆให้ซับซ้อนจนเกินไป เพราะเด็กมีความเครียดแฝงอยู่แล้วหากอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนจะทำให้เด็กเครียดมากยิ่งขึ้น ผมจะแนะนำเขาเหมือนอย่างพระอาจารย์แนะนำเด็กเล็กตอนที่ผมเคยไปช่วยเลี้ยงเด็กที่ศูนย์เด็ก คือให้เขานึกอะไรก็ได้ให้อยู่ข้างในกลางท้อง จะเป็นลูกปิงปอง ลูกฟุตบอล ลูกบาส หรือดวงแก้วก็ได้ นึกไปเรื่อยๆสบายๆ ผมจะไม่กำหนดว่าต้องนึกที่ศูนย์กลางกายฐานที่7กับพวกเขา เพราะจะเป็นการมาร์คจุดทำให้เด็กนักเรียนเครียดหนักขึ้นไปอีก ช่วงแรกจะให้เขานึกสบายๆไปก่อน เมื่ออยู่ตัวแล้วผมถึงจะอธิบายเรื่องศูนย์กลางกายฐานที่7ให้เขาอีกทีครับ

สรุปคำแนะนำของผมง่ายๆนะครับ จะแนะนำใครก็ตามที่ยังไม่เคยนั่งสมาธิให้มานั่งสมาธิ ให้คิดถึงตอนที่เราเริ่มนั่งใหม่ๆแล้วเรารู้สึกเช่นไร แล้วจึงค่อยคิดหาวิธีแนะนำให้เขาเริ่มอย่างสบายๆ ไม่ทำให้เขาคิดว่าการนั่งสมาธิมันยากและทรมาณ เท่านั้นเองครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#14 usr20663

usr20663
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 10:21 AM

ขออนุโมทนาบุญในการประกอบความดีของคุณครูและนักเรียน....สาธุ

#15 KAMOLPORN

KAMOLPORN
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 10:56 AM

เห็นด้วยคะ................สาธุ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี

#16 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 11:45 AM

ลูกศิษย์ผู้มีบุญ ได้ "ครูแก้ว" แล้วค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#17 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 12:40 PM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ

ว่าจะเข้ามาตอบซะหน่อย แต่ท่านอื่นๆก็ได้ให้คำแนะนำไปครบถ้วนดีแล้ว ก็เลยแค่แวะเข้ามาให้กำลังใจกันครับ นี่หละครับประโยชน์ของกัลยาณมิตร
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#18 ยุทธ

ยุทธ
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 01:22 PM

ให้วิธีการที่ดี... ให้กำลังใจ... ให้ทำใจให้มีสติและเข็มแข็งในทุกสถานะการณ์.. ยกตัวอย่างผู้ที่ผิดหวังแต่ไม่สิ้นหวัง และสามารถพบความสำเร็จได้ (ตัวอย่างจริงจะเข้าถึงใจนักเรียนได้ดีที่สุด)..สาธุครับ


#19 usr23724

usr23724
  • Members
  • 120 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 04:50 PM

อนุโมทนาบุญกะครูด้วยครับ สาธุ

#20 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 22 August 2008 - 11:31 PM

สำคัญที่สุด คือ การเริ่มต้นทำ
เมื่อเด็กได้เริ่มนั่งสมาธิ ทุกอย่างก็จะค่อยๆไปตามทางเองละค่ะ ความสุขและความสงบเป็นรสอันเกษม อย่างแท้จริง

ที่สำคัญกว่านั้นคือผู้ที่เป็นกัลยาณมิตรควรเตรียมตัวด้วยการนั่งสมาธิมากๆก่อน ทุกๆวัน เพิ่อเพิ่มกำลังที่จะสร้างความสำเร็จ
แล้วในกลาง ในสมาธิ จะมีคำตอบที่ตนต้องการ ปัญญาอันเกิดจากสมาธิข้างในจะบอกเราเอง แล้วเราจะรู้ได้เองว่าควรทำหน้าที่กัลยาณมิตรของตนต่อไปอย่างไร
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#21 NONGPAKOUW

NONGPAKOUW
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 August 2008 - 11:05 PM

ขอเป็นกำลังใจให้กับ คุณครูด้วยนะค่ะ

#22 potaesmart

potaesmart
  • Members
  • 160 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 04:37 PM

เป็นความคิดของคุณครู ผู้นำแสงสว่างมาให้แก่นักเรียน ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคับ คูณครูทำถูกหลักวิชชาแล้วละคับ

ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยนะคับ.....สาธุ.........

#23 nidnoi

nidnoi
  • Members
  • 135 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 August 2008 - 12:36 AM

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะค่ะ
ที่ได้แนะนำดิฉันมีประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ

ขอชี้แจงหน่อยนะค่ะ .....
คือเด็กนักเรียนที่มาปรึกษาดิฉันนั้นน่ะ
เป็นเด็กระดับปวช. สายช่างอุตสาหกรรมค่ะ
กำลังจะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลักสูตร 4 ปี


ตอนนี้พวกเขาเรียนปี 3 เป็นปีสุดท้าย..ใกล้จบแล้วค่ะ
เรียนทั้งวิชาช่างทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ
และต้องนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวันด้วย
คือมีโครงการออกหน่วยช่วยประชาชนในชุมชน
เช่น ถ้าเรียนช่างอิเล็กทรอนิกส์ก็รับซ่อมเครื่องเสียง ทีวี
ถ้าเรียนช่างไฟฟ้าก็ซ่อมตู้เย็น แอร์ อะไรประมาณนี้แหล่ะค่ะ
ตามหน่วยต่าง ๆ ของชุมชน


และต้องสร้างโปรเจคก่อนจบด้วย
อีกทั้งต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย


ซึ่งการเรียนการสอนจะไม่เหมือนกับสายสามัญค่ะ

---------------