![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/c935e12a727ee16727e042554d342304?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
กายทิพย์(ดวงวิญญาณ) ของคน, สัตว์ใหญ่, เล็ก ,แมลง เหมือนกันหรือไม่
เริ่มโดย มิตรธรรม, Dec 29 2005 10:21 PM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:21 PM
เมื่อคนตาย กายทิพย์(ดวงวิญญาณ)ก็จะออกจากร่างที่ศูนย์กลางกาย แล้วถ้าเป็นสัตว์ใหญ่, เล็ก ,แมลง จะเหมือนกันหรือไม่ และดวงวิญญาณหรือกายทิพย์จะเหมือนกันหรือไม่
#2
โพสต์เมื่อ 29 December 2005 - 10:58 PM
เท่าที่ศึกษาค้นคว้าอ่านผ่านตามา ในกายคนหรือสัตว์ ต่างก็มีศูนย์กลางกายเหมือนกันหมดครับ จุดศูนย์กลางกายคือจุดสมดุลย์ หรือจุดสมมาตรของมวล แม้แต่วัตถุก็มีศูนย์กลางของมัน ยกตัวอย่าง จุดศูนย์กลางของวัตถุทรงกลม ก็จะอยู่ตรงกลางทรงกลมนั้น หรือจุดศูนย์กลางของโต๊ะก็จะมีเหมือนกันครับ ข้อแตกต่างของศูนย์กลางกายของคนกับสัตว์คือ คนมีกายตรงตั้งเป็นแนวดิ่งกับแรงโน้มถ่วงทำให้คนสามารถเดินได้ตรง นั่งได้สมดุลย์ ในขณะที่สัตว์มีกายขนานกับพื้นโลก ศูนย์กลางกายของสัตว์ หรือจุดสมดุลย์ของน้ำหนักจึงหายากครับ
ดวงวิญญาณเหมือนกันแต่จะสดใสหรือขุ่นมัวต่างกันตามแต่บุญ-บาปที่เข้ามาปกครองใจสัตว์โลกครับ อุปมาใจเหมือนน้ำ เมื่อเราเทน้ำนี้ลงในภาชนะทรงกลม หรือเหลี่ยม ใจก็จะสามารถปรับเข้าหากายนั้นๆ ได้ครับ
ดวงวิญญาณเหมือนกันแต่จะสดใสหรือขุ่นมัวต่างกันตามแต่บุญ-บาปที่เข้ามาปกครองใจสัตว์โลกครับ อุปมาใจเหมือนน้ำ เมื่อเราเทน้ำนี้ลงในภาชนะทรงกลม หรือเหลี่ยม ใจก็จะสามารถปรับเข้าหากายนั้นๆ ได้ครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#3
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 06:59 AM
hmm, interresting questions...
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
![^_^](https://www.dmc.tv/forum/public/style_emoticons/default/happy.png)
#4
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 11:46 AM
ถ้างั้น คนเราเมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีพุง หรือแก่จนหลังค่อมขนานกับพื้น
จุดศูนย์กลางกายก็เปลี่ยนตามนะซิ
จุดศูนย์กลางกายก็เปลี่ยนตามนะซิ
#5
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 12:04 PM
การที่จะรู้และเห็นคำตอบที่เกี่ยวกับใบไม้นอกกำมือ ต้อง...
เข้าถึงธรรมฯ แล้ว.......
นำธรรมจักขุ ญานทัศนะ ไปศึกษาหาความรู้ เข้าใจและเห็นความเป็นจริง
เข้าถึงธรรมฯ แล้ว.......
นำธรรมจักขุ ญานทัศนะ ไปศึกษาหาความรู้ เข้าใจและเห็นความเป็นจริง
#6
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 02:32 PM
ตอบคุณ wong
การวัดหาจุดศูนย์กลางหรือจุดสมดุลย์ของมวล เขาวัดกันที่โครงสร้างครับ เช่น มนุษย์ก็วัดที่กระดูกครับ ไม่เกี่ยวกับขนาดเล็กหรือใหญ่ครับ คุณเลยเห็นตุ๊กตาล้มลุกไหมหละครับนั่นแหละครับคือตัวอย่างของคำว่าจุดสมดุลย์
การวัดหาจุดศูนย์กลางหรือจุดสมดุลย์ของมวล เขาวัดกันที่โครงสร้างครับ เช่น มนุษย์ก็วัดที่กระดูกครับ ไม่เกี่ยวกับขนาดเล็กหรือใหญ่ครับ คุณเลยเห็นตุ๊กตาล้มลุกไหมหละครับนั่นแหละครับคือตัวอย่างของคำว่าจุดสมดุลย์
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#7
โพสต์เมื่อ 30 December 2005 - 08:11 PM
ตอบเจ้าของกระทู้เป็นเช่นนั้นเหมือนกันหมดครับ เพียงแต่เดรัจฉานได้ชื่อว่า มีร่างกายไปตามขวางจึงหาศูนย์กลางกายตนเองไม่พบ ทำให้ไม่อาจบรรลุธรรมได้
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#8
โพสต์เมื่อ 31 December 2005 - 10:16 PM
ขอบคุณครับ ท่านผู้รู้ที่ตอบกระทู้กันมา ต่อไปผู้บรรลุธรรมเวลาเดินต้องคอยหลีกเหลี่ยงทั้งมด แมลงต่างๆด้วย ถ้ามีใครเหยียบก็จะเห็นดวงวิญญาณที่มีแสง ริบหรี่ แต่ยังสงสัยต่อ แล้วแสงของคนใจหมองก็หน้าจะ หมองเท่ากับพวกสัตว์นรก ซินะ เพราะคนใจหมองก็ต้องไปอบายด้วยเช่นกัน
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่ไปร่วมอัญเชิญจักรแก้ว และธุดงค์ปีใหม่กันที่วัดนะครับ สาธุๆๆๆๆ
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่ไปร่วมอัญเชิญจักรแก้ว และธุดงค์ปีใหม่กันที่วัดนะครับ สาธุๆๆๆๆ
#9
โพสต์เมื่อ 02 January 2006 - 03:14 PM
QUOTE
ขอบคุณครับ ท่านผู้รู้ที่ตอบกระทู้กันมา ต่อไปผู้บรรลุธรรมเวลาเดินต้องคอยหลีกเหลี่ยงทั้งมด แมลงต่างๆด้วย ถ้ามีใครเหยียบก็จะเห็นดวงวิญญาณที่มีแสง ริบหรี่ แต่ยังสงสัยต่อ แล้วแสงของคนใจหมองก็หน้าจะ หมองเท่ากับพวกสัตว์นรก ซินะ เพราะคนใจหมองก็ต้องไปอบายด้วยเช่นกัน
ตอบเท่าที่ทราบนะครับ
ผมเคยอ่านว่ามีสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ผมจำนามสาวกไม่ได้ครับ เนื่องจากท่านตาบอดและได้เดินจงกรมเหยียบแมลงตายเป็นจำนวนมาก ภิกษุที่เป็นปุถุชนเห็นเข้าถึงทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าท่านทราบ ภิกษุตาบอดได้ก่อบาปเป้นผู้มีโทษเบียดเบียนสัตว์ ดังนั้นพุทธองค์ทรงตรัสบอกแก่ภิกษุผู้เป็นปุถุชนว่าบุตรของเรา (ท่านภิกษุที่ตาบอดได้บรรลุอรหัตผลแล้ว) เป็นผู้ที่ปราศจากบาปแล้วเป็นผู้ที่ไม่เบียดเบียนด้วยจิต หาโทษไม่ได้แล้ว
เนื่องจากพระอรหันต์นั้นท่านปราศจากกิเลสแล้วเจตนาในการเบียดเบียนหรือคิดฆ่าจึงไม่มี การกระทำจึงเป็นการกระทำที่ปราศจากเจตนาที่เป็นบาปอกุศลครับ
และการที่พระอรหันต์จะสามารถเห็นดวงวิญญาณออกจากร่างสัตว์ได้นั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกองค์ที่เป็นพระอรหันต์จะสามารถเห็นได้ทั้งหมดครับ เช่น ถ้าองค์ไหนบรรลุธรรมแบบสุขวิปัสสโก ก็หมายความว่าท่านมีความรู้แจ้งเห็นแจ้งในสภาวะธรรมที่จะเห็นของการเวียนตายเวียนเกิด แต่ไม่ถึงกับรู้แจ้งโลกหรือจักรวาลทั้งหมดครับ เนื่องจากบารมีธรรมของแต่ละองค์ไม่เท่ากัน
พระอรหันต์ประเภทสุขวิปัสสโก จะมีความรู้ที่กำจัดอวิชชาในเรื่องของการเกิดภพชาติ แต่สำหรับอวิชชาในเรื่องอื่น ๆ ที่มากกว่านี้ก็ต้องอาศัยบารมีและบุญที่มากกว่าจึงจะสามารถไปรู้ไปเห็นธรรมที่มากกว่านั้นได้ครับ
ความหมองของใจ ถ้าไปปรากฎที่ใบหน้าแล้วทำให้หน้าหมองก็มีส่วนหนึ่งถูกต้องครับ แต่ไม่ทั้งหมด
โจรบางคนหน้าใสก็มี เพราะบุญเก่ายังค้ำไว้อยู่ นักการเมืองโกงกินหน้าใสๆ ก็มี หน้าตามันจะบอกอะไรไม่ได้ทั้งหมดถ้าเขายังมีบุญเก่าประคองไว้อยู่ครับ
การที่คนมีใจหมองเท่าสัตว์นรกถามว่าทำไมหน้าไม่ดำปี๋ไปเลยตอบว่า เนื่องจากกายมนุษย์ยังคงมีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หุ้มห่อรักษาไว้อยู่ จึงไม่ทำให้หน้าถึงกลับมัวหมองมาก เขาเรียกว่ายังมีบุญที่ทำให้เป็นกายมนุษย์รักษาคุ้มครองไว้อยู่
หรือเรียกภาษาธรรมะว่ามีกรรมประเภท "ชนกกรรม" ส่งผลในเรื่องของประสิทธิภาพของสังขาร อายุขัย (ถ้าไม่ไปทำกรรมหนักจำพวก อนันตริยกรรม)
ต่อเมื่อใดก็ตามที่บุคคลคนนั้นได้ทำบาปมาอย่างหนาแน่น แล้วหมดบุญที่จะรักษากายมนุษย์ไว้ได้กายมนุษย์จะแตกและดับ หลังจากนั้นบาปอกุศลก็จะตรงเข้าให้ผลทันทีครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#10
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 01:00 AM
พระมหาเถระรูปนั้น ท่านมีนามว่า "พระจักขุบาลเถระ" ครับผม
#11
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 09:06 PM
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สำหรับคุณเกียรติก้อง คุณหัดฝัน และคุณ xlmen ที่ไขความกระจ่าง มาให้กับเด็กอนุบาลฝึกหัดแบบผม สาธุๆๆ
#12
โพสต์เมื่อ 03 January 2006 - 09:45 PM
ได้ยินมาว่าเป็นกายมนุษย์ละเอียดเช่นเดียวกันทุกชีวิตครับ อยากทราบก็ต้องเข้าถึงพระธรรมกายนะครับ
อนุโมทนาบุญครับ
อนุโมทนาบุญครับ