กรรมที่เกิดแก่ส่วนรวม คือเกิดแก่บ้านเมืองแก่ประเทศชาติ ตามเหตุผลแล้วต้องเป็นกรรมของส่วนรวม ของประเทศชาติ ซึ่งมีเราทุกคนรวมอยู่เป็นหนึ่งแน่นอน ยอมรับว่าความร้อนของบ้านเมืองเรา ซึ่งต้องเกิดแต่กรรมไม่ดีไม่งามแน่นอน เราต้องเป็นหนึ่งในผู้ก่อกรรมอันยังให้ความเดือดร้อนนั้นเกิด
ถ้าทุกคนหรือมากคน ยอมคิดได้เช่นนี้ แล้วยอมแก้ไขด้วยการพยายามทำกุศลกรรม คือ
QUOTE
ทำดี ลดละการทำอกุศล คือทำไม่ดี
ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ย่อมยังให้เกิดผลดีได้ มากคนคิดได้ มากคนทำดี มากคนลดละเลี่ยงหลีกการทำความชั่ว การทำบาปอกุศลย่อมยังให้เกิดผลดีได้มากเป็นธรรมดา แก่ประเทศชาติ ทำเหตุดีมาก ผลดีย่อมมาก แน่นอน
พระพุทธสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า
QUOTE
“บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น”
อัญเชิญพระพุทธภาษิตนี้มาช่วยประเทศชาติของเราเถิด ถึงเวลาแล้วอย่าปล่อยให้สายเกินไป รู้อยู่แก่ใจ ว่าบ้านเมืองกำลังวุ่น กำลังร้อน อย่าไปมัวเพ่งโทษคนนั้นคนนี้ ว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ควรทำอย่างนั้น ควรทำอย่างนี้โดยมิได้นึกถึงตัวเองเลยว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ที่เป็นบุญเป็นกุศล ไม่เป็นบาปไม่เป็นอกุศล แล้วทำตามที่คิดในทันที การมัวไปเพ่งโทษคนอื่นว่าทำผิดอย่างนั้น ทำไม่ดีอย่างนี้ นอกจากไม่ให้คุณแก่ใครแล้ว ไม่ช่วยประเทศชาติให้ร่วมเย็นเป็นสุขแล้ว ยังให้โทษแก่จิตใจของตนเองด้วย
ดังนั้นจึงทรงมีพระพุทธภาษิตเตือนไว้ว่า
QUOTE
“บัณฑิตย่อมไม่เพ่งโทษผู้อื่น”
เพราะไม่มีคุณ มีแต่โทษสถานเดียว....