![รูปภาพ](/forum/uploads/photo-thumb-25059.jpg?_r=0)
case นี้ช่วยตอบที
#1
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 05:24 PM
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 06:08 PM
ส่วนที่รักษาศีล8จะอยู่สูงกว่าผู้ที่อยู่ศีล5นะคับ
ก็จะกรรมที่นินทาผู้มีศีลสุงกว่าคับ
#3
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 06:19 PM
#4
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 08:37 PM
ธรรมะนั้น รู้ก็ขั้นหนึ่ง กำลังปฏิบัติก็อีกขั้นหนึ่ง ได้รับผลของการปฏิบัติแล้วก็อีกขั้นหนึ่ง การแสดงออกของแต่ละคนจึงออกมาแตกต่างกัน
สงสารเขาเถอะครับ คนที่คุณยกตัวอย่างมาข้างต้นนั้นเขากำลังเจอกับสิ่งที่เรียกว่า อุปกิเลส16 ซึ่งเป็นกิเลสตัวใหญ่ขึ้นไปอีกในระดับหนึ่ง ถ้าไม่หมั่นสังเกตตนเองให้ดีแล้ว มันจะเข้าสิงจิตและให้ปรากฏออกมาเป็นการกระทำน่ารังเกียจต่างๆ ศึกษารายละเอียดได้จาก
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17389
บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ชื่นชมในความดีของเขา แล้วเอาข้อไม่ดีของเขามาเป็นคติเตือนใจให้กับตัวเรา อย่างนี้ดีกว่าการที่เราไปขุ่นใจกับข้อไม่ดีของเขาจนใจของเราพลอยขุ่นหมองไปด้วย
ถ้าคุณรู้จักเขาดีพอ และรู้ว่าใครคือคนที่เขาศรัทธาพอจะรับคำสั่งสอนได้ ก็ให้พาเขาไปพบกับคนที่เขาศรัทธาคนนั้นเพื่อที่จะได้รับการปรับปรุงแก้ไข คุณก็จะได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรที่ดีคนหนึ่ง และมีเมตตาต่อเพื่อนนักสร้างบารมีอย่างแท้จริง (แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าพื้นฐานใจจริงของเขานั้นบริสุทธิ์แค่ไหนและความรักที่จะฝึกฝนขัดเกลา
นิสัยตนเองมีเพียงพอหรือไม่ด้วย)
ไม่มีใครในโลกนี้อยากเป็นที่รังเกียจของผู้อื่น แต่เพราะเสียทีให้กับกิเลส ถูกโมหะเข้าบดบัง จึงทำในสิ่งที่น่ารังเกียจออกมา
คนเราผิดพลาดกันได้ เมื่อคุณเห็นว่าเขากำลังพลาดท่าเสียทีให้กับกิเลส แล้วคุณเลือกที่จะช่วยเหลือเขา หรือว่า จะซ้ำเติมเขา
#5
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 09:22 PM
การเรียงความของน้อง อ่านแล้ว งง นิดหน่อย
สรุปว่า
๑
ถ้าน้องอยากหลุดพ้น จากคนที่มีนิสัยแบบนี้ น้องต้องไม่สะสมนิสัยแบบนั้นด้วย นะครับ
๒
ทำบุญกุศลอะไร ก็อธิษฐานว่า
ด้วยบุญกุศล ที่ข้าพเจ้า ทำไว้ดีแล้วนี้ ขอให้บุญรักษา ไม่ให้ข้าพเจ้า มีนิสัยแบบนั้น
ขอให้พ้นห่าง คนพาล คนที่มีนิสัยแบบนี้ แบบนั้น เป็นต้น
ไม่ต้องเอ่ยชื่อใครนะครับ เพราะถึงไม่เจอคนนั้น แต่ก็อาจเจอคนอื่นที่มีนิสัยแบบนั้น
๓
น้องอย่าสนใจความไม่ดี บางเรื่องของใครเลยครับ
เดี๋ยวเชื้อ ไม่ดี มันติดเอานะ
no body perfect , also you and me.
จับแต่คุณธรรม นิสัยดี ๆและความดี ของคนรอบตัวเราดีกว่า
ฝึกทำอย่างคนดีเขาสิครับ มีแต่ win win
ถ้าเพื่อนคนไหน ชอบเม้า์ท์ เรื่องไม่ดีของใคร ก็อย่าเชียร์
ชวนเพื่อนให้มาฝึก จับแต่ความดี ของคนรอบตัว กันเถอะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 10:10 PM
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#7
โพสต์เมื่อ 12 September 2008 - 11:45 PM
#8
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 08:40 AM
#9
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 09:22 AM
สาธุๆ
#10
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 09:27 AM
วาง อุเบกขา ครับ และทำในสิ่งที่ตนเป็นให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจผู้อื่น อย่าไปมีอคติกับผู้อื่นไม่ว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นไร แต่หากคิดว่าคนๆนั้นพอจะตักเตือนได้ก็ให้ตักเตือนเข้าทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดี แต่หากคิดว่าคนๆนั้นตักเตือนไม่ได้ก็วางอุเบกขา ทางใครทางมัน อย่าไปผูกโกรธ ผูกแค้น ทำความไม่พอใจต่อเขาให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วจะหลุดพ้นจากคนๆนั้นได้เองครับ อ้อ ที่สำคัญแผ่เมตตาจิตให้เขาด้วยนะครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#11
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 10:26 AM
คนเราเกิดมาแล้ว ต้องสร้างความดี
ยายสั่งสมความดีไว้ทีละเล็กละน้อย
ทำไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ
ไม่มีความอยากเด่นอยากดังเข้ามาเจือปน
เมื่อสั่งสมความดีนานเข้า ความดีมากขึ้น
ผลของความดีก็ปรากฎ ได้ชื่นชมกับความดีที่ทำไว้
ความดีที่สั่งสมไว้นี้ ไม่มีใครจะปิดบังได้ ไม่อยากดังก็ดังเอง
คนทางโลก ทำดีแล้วไม่เห็นผลก็บ่น
จริงๆแล้ว เพิ่งจะทำความดีนิดเดียว ยังไม่มีผลก็บ่นแล้ว
ยายสร้างความดีมาตลอด จนกระทั่งเห็นผลปรากฎ เมื่อนึกถึงการสร้างบารมีที่ผ่านมาทั้งหมด
ก็ปิติในบุญ และชัยชนะที่สะอาดบริสุทธิ์ทุกครั้ง ยายจึงไม่มีปมด้อยในใจเลย
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#12
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 10:55 AM
ข้อคิดดีๆ เพียบเลย^o^
............................................................
#13
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 11:09 AM
สงสัยต้องใช้เวลามากค่ะ
นู๋ก็คงต้องฝึกอีกเยอะ นู๋ได้จากเค้าก็เยอะ
บทเรียนก็เยอะ เห็นอะไรเพิ่มขึ้นเยอะ
ขันตินู๋คงต้องเพิ่มอีกเรื่อยๆ เหมือนกันค่ะ
สงสัยต้องอธิฐานว่าจะไม่ทำตามสิ่งที่ไม่ดี
แต่นู๋ไม่แค้นหรอก กลางคืนก็อโหสิกรรมทุกคนตลอด
ขอขมาก็มีค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 12:33 PM
ต้นอภัยฉันปลูกเอาไว้ในหัวใจดวงน้อย
หมั่นรดบ่อย ๆ ด้วยน้ำเมตตานำพาสุขสันต์
ทะเลาะเบาะแว้งแก่งแย่งชิงดีไปทำไมกัน
ทั้งเธอและฉันล้วนเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย
ให้อภัยแม้ผู้มุ่งร้ายมั่นหมายคร่าชีวิต
แผ่เมตตาจิตไม่คิดโกรธเคืองขุ่นข้องหทัย
ยิ้มยอมหยุดเย็นยินดีเป็นผู้พ่ายแพ้ร่ำไป
แต่แท้คือใจชนะกิเลสจิตเหนือโกรธา
อภัยทานนี้ยิ่งใหญ่เปรียบใดปาน
เชื่อมประสานมิตรไมตรีมีกรุณา
ปล่อยเถิดใจวางให้ว่างห่างริษยา
ส่งผลนำพาสังคมร่มเย็นเช่นทุกคนใฝ่ฝัน
หลับสบายตื่นก็สดใสไร้อารมณ์หม่นหมอง
รักกันปรองดองผองเพื่อนมวลมิตรร่วมจิตสร้างสรรค์
แม้นมีภัยพาลรุกรานราวีเรานี้ไม่หวั่น
ด้วยสันติภาพอาบล้นดวงใจใฝ่อหิงสา
ชื่อเพลง อภัย
คำร้อง ทำนอง จำไม่ได้ว่าใครแต่ง
#15
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 12:38 PM
#16
โพสต์เมื่อ 13 September 2008 - 05:17 PM
จะมีอะไรที่น่าเสียดายยิ่งไปกว่า..การไม่ได้ประพฤติปฎิบัติธรรม..
จะมีอะไรที่มันช่างน่ากลัวยิ่งไปกว่า..การขาดปูชนียาจารย์ (คอยชี้ทาง)..
............................................................................
จะมีอะไรที่จะสุขยิ่งไปกว่า..การอยู่ในผองเพื่อนกัลยาณมิตร..
จะมีอะไรที่จะคอยเติมความสุขได้มากกว่า..เท่ากับการนั่งหลับตา 'สัมมา อรหัง'..
และจะมีอะไรที่ช่างอบอุ่น ปลอดภัยยิ่งไปกว่า..การได้ใกล้ชิดเหล่าปูชนียาจารย์..
..............................................................................
not anymore...
no more else..
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#17
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 02:19 PM
จนแบบว่าสุดไปเลย
#18
โพสต์เมื่อ 15 September 2008 - 02:26 PM