ไปวัดเป็นครั้งที่สองครับ เอาบุญมาฝากครับ ^^
#1
โพสต์เมื่อ 19 September 2008 - 08:47 PM
หลังจากที่ผมได้รับคำแนะนำจากทุกท่านในการไปวัดในครั้งแรกเมื่อสองเสาร์ที่แล้ว
วันนี้มีไม่มีเรียน ผมก็เลยชวนเพื่อนๆในกลุ่มไปวัดด้วย มาเพิ่มอีก 2 คนครับ
วันนี้เราทั้ง 5 คน ก็เลยไปวัดอีกครั้ง โดยทางกองต้อนรับได้จัดมัคคุเทสก์นำชมวัดให้
มัคคุเทสก์ ที่พาเราชมวัดคือ พี่เตือน พี่สาวแสนใจดีครับ พอไปถึงวัดฯ
เพื่อนที่เพิ่งไปครั้งแรกก็ดูจะตื่นเต้นเหมือนกับผมและเพื่อนที่มาครั้งแรก
ความรู้สึกใกล้เคียงกันครับ ได้นั่งรถพ่วงชมวัดตอนประมาณ 10 โมง
ได้พาชมสถานที่ของวัด ประกอบคำบรรยายจากพี่เตือน เริ่มจากวิหารหลวงปู่
สภาธรรมกายสากล มหาธรรมกายเจดีย์ มหารัตนวิหารคต ศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาท
ไว้ช่วงว่างๆ จากการเรียน ผมก็ว่าจะสมัครธรรมทายาท เหมือนกันครับ ^^
รถผ่านไปถึงหมู่บ้านปฏิบัติธรรม แล้วก็บ้านคุณยาย หอฉันคุณยายอาจารย์
สภาธรรมกายหลังคาจาก ยิ่งเห็นสถานที่แล้วยิ่งต้องขอบคุณคุณยายอาจารย์
ที่เป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกายขึ้นมาจริงๆครับ ปลื้มได้อีกครับ ^^
แล้วก็ตะลึงก็คือ โรงหุงข้าว ขนาดบิ๊กเบิ้ม ใหญ่จริงๆครับ
รถพ่วงพาเรามาจอดที่ อุโบสถ พี่เตือนได้พาพวกเราไปกราบพระประธาน
พี่เตือนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเขตที่ได้รับพระราชทาน ผมจำชื่อไม่ได้ครับ
เป็นความรู้ที่ไม่เคยทราบมาก่อน ถึงกับตะลึงว่ามีแบบนี้ด้วยหรือ
แล้วก็ได้เจออาสาสมัครผู้ดูแลพระอุโบสถ ทั้งสองท่านดูอิ่มในบุญเหลือเกินครับ
แต่ดูท่านจะค่อนข้างแปลกใจกับพวกเรามากเลยครับ ไม่ทราบเพราะอะไร
ถามตั้งแต่เรียนที่ไหน มาวัดกันได้อย่างไร ^^ ลงท้ายด้วย อนุโมทนาบุญ ครับ สาธุ
โบสถ์ดูจากสภาพแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีอายุกว่า 30 ปีแล้ว ยังดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้างมากๆครับ
ได้ตะลึงยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าหินทุกก้อน ทุกเมล็ด ทรายทุกเม็ด ผ่านการคัดเลือกระดับดีเยี่ยม
มาแล้วทั้งสิ้น ทั้งจากพระสงฆ์ สาธุชนทั้งหลาย รวมถึงคนงานก่อสร้าง
ที่ขอรับค่าแรงแค่ตอนกลางวัน แต่ถ้าเข้าช่วง OT จะขอทำบุญ สาธุ ครับ!!!
แล้วเราก็ได้เดินออกมาดู วิหารคุณยาย สวยมากๆเลยครับ เมื่อมองไปแล้ว
ดูสงบมากๆครับ พี่เตือนได้พาพวกเราออกมาเพื่อเตรียมไปหอฉันคุณยาย
พี่อาสาสมัครได้ออกมาทักทายเพื่อลา แต่สีหน้ายังดูแปลกใจกับเด็กพวกนี้ ^^
หรือว่าพวกเรา ทำอะไรผิดไปเปล่านี้ แอบสงสัยครับ
เวลาประมาณ 11 โมง พี่เตือนพาเรามาหอฉัน เพื่อถวายภัตตาหารเพล
เริ่มจากวางรองเท้า ตามแผ่นกระเบื้อง ไม่อยากจะเชื่อ
ว่าทุกอย่างในวัดใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด ทำให้เราได้ฝึกความมีวินัยไปในตัว
แต่ตอนที่อยู่ข้างหน้าหอฉัน ผมได้เจอรองหัวหน้าชั้น โรงเรียนอนุบาลฯ
มาวัดทั้งสองครั้ง เจอทั้งสองครั้งครับ สงสัยเคยทำบุญมาด้วยกัน
แล้วก็ได้เข้าไปในหอฉัน รู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก
ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้างลาจากวัดมานานจริงๆ ทำอะไรเคอะเขินไม่ค่อยถูก
ได้นั่งฟังพระสวด (สวดเพราะมากเลยครับ) แต่ทุกท่านที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ให้หอฉัน ดูจะแปลกใจกับพวกเราอีกเช่นเคย มองจนผมเขิลล์ครับ
เลยแอบคิดว่า เค้าคงอนุโมทนากับพวกเราอยู่ในครับ
พี่เตือนก็พามาถวายภัตตาหารกับสามเณรครับ ปลื้มจริงๆเลยครับ
ได้ถวายภัตตาหารแบบไม่เจาะจงพระ เป็นอะไรที่ปลื้มกว่าเจาะจงถวายเสียอีก
กัลยาณมิตรที่นั่งรอถวายที่เราเข้ามาร่วมถวายด้วย ก็ยิ้มให้
พร้อมกับมองเราแปลกๆ แล้วก็ทักทายว่ามากันได้อย่างไร
พอถวายเสร็จก็ได้พบกับพี่เล็ก เป็นมัคคุเทสก์ชมวัดอีกท่านหนึ่ง
ได้แนะนำตัว และก็ไต่ถามกันว่ามาวัดกันได้อย่างไร ทำไมถึงมา
โห อีกยาวเลยครับ แล้วพี่เล็กก็ให้หนังสือผมมาเพียบเลย
แล้วก็ชมว่า เป็นผู้นำบุญที่ดีมาก เพิ่งได้ยินครั้งแรกเลยนะครับเนี่ย
แล้วพี่เตือนก็พาเรามาทานอาหาร ที่เราได้รับเป็นข้าวผัดขนาดหนึ่งถ้วยครอบ
แล้วก็มานั่งล้อมวงกันทั้งหมด 7 คน พี่เล็กก็ได้แนะนำในฐานะเด็กวัด
ในเรื่องก่อนจะรับประทานอาหาร ให้เห็นคุณค่าของอาหาร
และได้ให้เรานั่งหลับตา นึกเห็นอาหารข้างหน้าเป็นเม็ดข้าวใสๆ อาหารใสๆ
แล้วก็ให้นำถวายพระพุทธ พร้อมกับได้ขอข้าวที่ได้ถวายมาทานต่อ
ด้วยคำขอลาข้าวพระพุทธ "เสสัง มังคะลัง ยาจามะ"
เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ผมว่าจะเอามาใช้ต่อไป
เพราะรู้ว่าได้บุญไม่น้อยเลย เพราะปลื่มมากครับ
แล้วเราก็เริ่มทานอาหารกัน ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ
เพราะทุกทีจะทานหลังพระฉันเสร็จแล้ว
ระหว่างที่พวกเราทานอาหารอยู่ คุณป้าที่นั่งอยู่ข้างหลังกลุ่มเรา
ก็ได้ให้แกงมา 1 ถ้วย คงเห็นเราทานข้าวผัด ดูแห้งๆมั้งครับ
แต่อร่อยดีนะครับ รู้สึกว่าเรากินเพื่อเลี้ยงร่างกายเท่านั้น
ไม่ให้กินแบบตะกละ กินไปเรื่อยๆคุณป้า ก็ยกเฉาก๊วยชามเบ่อเริ้มมาอีก
แล้วก็ขนมปัง 1 กล่อง สักพักแม่ชีก็เดินมาที่กลุ่มเรานำคุ๊กกี้มาให้ครับ
พี่เตือน กับพี่เล็ก ก็ชมว่าพวกเราบุญเยอะนะเนี่ย มีแต่คนให้ของ ^^
เสร็จแล้วก็หยอดเงินใส่ตู้ถวายภัตตาหารครับ
หลังจากเสร็จกิจที่หอฉันแล้วก็ได้เดินมาที่สำนักงานใหญ่
พี่เตือนจะพาเรามานั่งสมาธิที่ห้องปัญญา ระหว่างทาง
ก็ได้พบกับคุณป้าที่ได้ให้แกง กับขนม ตอนที่อยู่หอฉัน
ดูท่านมองเราแปลกๆดีแล้วครับ เหอะๆ
ตอนนี้มาถึงห้องปัญญา ประมาณ 12.30 น.
พี่เตือนบอกว่านั่งสมาธิสักครึ่งชั่วโมง แล้วบ่ายโมงเจอกัน
ที่เคาท์เตอร์ ผมเดินเข้าไปนั่งแบบเงียบ เกรงว่าจะมีวิบาก
ครั้งนี้ผมนั่งได้นานกว่านั่งเองที่บ้าน รู้สึกว่าบรรยากาศที่ห้องปัญญา
เหมาะกับการนั่งสมาธิมาก รู้สึกถึงความสงบในระดับหนึ่งครับ
จนสะดุ้ง เพราะเพื่อนผมมาสะกิด ว่าบ่ายโมงแล้ว
สงสัยจะตกใจมากตอนสะดุ้ง เลยนั่งสงบใจอีกสักครู่
เพราะใจมันเต้นแรงมากครับ
แล้วก็ออกมาพบพี่เตือน พี่เล็กที่ห้องฉายวิดิทัศน์
พี่เตือนพาเรามาชมวิดิทัศน์ที่เป็นประวัติวัด สำหรับผมและเพื่อนอีกสองคน
ที่มาคราวที่แล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้ชมวิดิทัศน์นี้อีกครั้ง
แต่ดูกี่ทีก็ปลื่มครับ อยากจะกราบหลวงปู่ คุณยาย หลวงพ่อ เหลือเกิน
แต่เพื่อนอีกสองคนที่มาใหม่ ดูจะตื่นเต้นเหมือนกับผมที่มาวัดครั้งแรก
พอจบแล้วผมก็ได้มาร่วมบุญ รับหนังสือ ซีดีที่สำนักงานใหญ่
ในที่สุดผมก็ได้หนังสือที่อยากจะได้มานาน นั่นคือ
หนังสือ "มงคลชีวิต ฉบับ ทางก้าวหน้า" โดยพระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ
เลยหยิบมาสองเล่มมาอ่านเอง และก็เตรียมจะนำไปถวายวัดที่บ้านอีกหนึ่งเล่ม
เนื่องในวันเกิดครับ ก่อนจะกลับพี่เตือนก็ให้หนังสือมาอีกสองเล่ม
เป็นหนังสือที่นี่มีคำตอบ โดยครูไม่ใหญ่ แล้วก็วารสารอยู่ในบุญ
แล้วก็พี่ที่เคาท์เตอร์กองต้อนรับที่พวกเราได้เจอเมื่อครั้งแรกที่มาวัด
ก็ได้ให้หนังสือ ชีวิตออกแบบได้ มาอีกคนละเล่ม
พี่เตือน กับพี่เล็กก็แซวว่าพวกเรานี่บุญเยอะจริงๆ มีแต่คนให้ ^^
แล้วเราก็ร่ำลากับพี่เตือน พี่เล็ก พี่กองต้อนรับ
พี่เตือนก็ชวนมาร่วมบุญกับคณะบ่อยๆ ผมก็เลยบอกว่า
ถ้าว่างๆ จะมาเป็นอาสาสมัครด้วยครับ พี่เค้าก็อนุโมทนากันใหญ่
ผมอาจจะมาช่วยเตรียมงาน ในวันหล่อหลวงปู่ ถ้าไม่มีอะไรติดขัดเสียก่อน
แต่กำลังลังเลว่าจะมาดีมั้ย เพราะวันที่ 12 ตุลาก็สอบมิดเทอมแล้ว
แต่น่าบังเอิญว่า 9 - 11 ตุลา มหาวิทยาลัยผมหยุดพอดี
เพราะจัดสอบ Pre-Onet Anet น่าแปลกดีเหมือนกันนะครับ
เอาเป็นว่าถ้าผมอ่านหนังสือทัน ก็จะมาช่วยงานที่วัดดีกว่าณ
* ได้เจอคุณคำน้อยด้วยครับ อนุโมทนากับเธอจริงๆ สาธุ
หมดเรื่องเล่าแล้วครับ ขอนำบุญวันนี้ที่ได้ทำมาฝากกัลยาณมิตรทุกท่านครับ
วันนี้คงนอนฝันดี อิ่มในบุญครับ
#2
โพสต์เมื่อ 19 September 2008 - 09:36 PM
#3
โพสต์เมื่อ 19 September 2008 - 11:07 PM
#4 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 19 September 2008 - 11:30 PM
#5
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 08:20 AM
#6
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 08:40 AM
#7
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 09:04 AM
#8
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 09:39 AM
จะมากี่ครั้งก็ได้นะไม่มีใครว่า แต่มาแล้วต้องกอบโกยบุญกลับไปให้คุ้มด้วยละ จะได้ไม่เสียเที่ยวน้า
อนุโมธนาบุญด้วยจ๊ะ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#9
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 10:39 AM
สุดยอดกัลยาณมิตรเลยนะคะเนี่ย ต้องพาเพื่อน ๆ มารับบุญวันศูกร์ที่ 10 ตุลาคม นี้ให้ได้นะคะ
แล้วมาอธิษฐานจิตกับหลวงปู่ขอให้สอบผ่านได้ฉลุยไปเลย
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#10
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 10:43 AM
ว่าแต่น้อง benjrt หาโอกาสบวช หรืออบรมธรรมทายาท ก็ดีมากเลยค่ะ ช่วงปิดเทอม ทางวัดมีจัด รู้สึก ปีนึงมีหลายรอบด้วยนะ
อบรมเสร็จแล้ว ถ้ามีความรู้ด้านการทำเว็บไซต์ มาช่วยพี่ก็ได้นะคะ แหะๆ
อ้อ วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทุกสัปดาห์ เขามีจัดนั่งสมาธิธุดงค์แก้ว นะคะ มาได้เลย ดีมากๆ แนะนำ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 11:26 AM
ทำให้นึกถึงตอนเราเป็นเด็ก ตอนโน้นมาวัดลำบากมาก หลับน้ำลายยืดยังมาไม่ถึงวัดเลย
พอถึงวัดจากหัวดำกลายเป็นหัวแดง
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#12
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 11:36 AM
ผมรู้จักวัดครั้งแรกตอนที่ ป.๕ ครับ
เพราะได้มีโอกาสสอบ ทางก้าวหน้า
แล้วได้รับเกียรติบัตร เห็นรูปองค์พระ
บนเกียรติบัตร แล้วรู้สึกชอบ
แต่ก็เหมือนลืมๆไปครับ
แต่ตั้งแต่ผมจำความได้
ผมก็เห็นรูปหลวงปู่ทุกวันครับ
เพราะคุณพ่อผมได้รูปหลวงปู่
แล้วก็องค์หลวงปู่ มาไว้ที่ห้องพระครับ
ผมรู้จัก DMC จากคุณอาครับ
บ้านคุณอาติด DMC ผมดูครั้งแรกก็ชอบเลยครับ
ก็เลยมา Search ทาง Google
เพราะอยากรู้จัก DMC ให้มากขึ้น
ก็เลยติดตามดู DMC ทางอินเทอร์เน็ตมาตลอด
ตัดสินใจว่าจะติดจานดาวธรรม
แต่ตอนนี้ผมมาเรียนที่กรุงเทพฯ
ทางหอไม่อนุญาติให้ติด แต่ถ้าจะติด
พอย้ายออกต้องเป็นของหอ ^^
เลยได้แต่ตามดูทางเน็ตครับ
ไว้เรียนจบแล้ว จะติดที่บ้านครับ
#13
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 01:07 PM
ถ้าใครได้มาวัดแล้ว ก็มาเล่าให้กันฟังอย่างนี้ดีมาก
เพราะจะทำให้คนอื่นที่ยังกล้าๆกลัวๆที่จะมาวัด ได้ศึกษา และสามารถมาได้เองในที่สุด
อนุโมทนา
#14
โพสต์เมื่อ 20 September 2008 - 10:08 PM
#15
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 09:12 AM
ได้เห็นรูปพระเดชพระคุณหลวงปู่ ทุกวันตั้งแต่จำความได้...ลูกหลานหลวงปู่ตัวจริง...มาถึงหมู่คณะแล้ว
ศึกษาธรรมะจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ หมั่นทำการบ้าน 10 ข้อ ของนักเรียนอนุบาล...
ไปวัดสั่งสมบุญสม่ำเสมอ เร่งสร้างบารมีตั้งแต่เยาว์วัย ไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมกันนะคะ...
กราบอนุโมทนาบุญกับน้องและเพื่อนๆ ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ...
***วันที่ 10 เดือน 10 พ.ศ.2551 นี้ มาร่วมเป็นบุคคลกตัญญูหัวใจทองคำ กันนะคะ***
#16
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 02:20 PM
ได้อ่านแล้วรู้สึกปลื้มตามไปด้วย ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจทุก shot เลยนะคะ
#17
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 05:15 PM
#18
โพสต์เมื่อ 22 September 2008 - 06:58 PM
#19
โพสต์เมื่อ 23 September 2008 - 10:45 AM
สำหรับวันที่ 10 ตุลานี้ ไม่ต้องลังเลเลยค่ะ ไปร่วมงานให้ได้ อย่าตกบุญนี้เด็ดขาด เพราะวันคล้ายวันเกิดครูบาอาจารย์หรือวันสำคัญของครูบาอาจารย์ สำคัญนัก พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะท่านเคยเทศน์ถึงสมัยที่ท่านยังไม่บวชว่า ในวันคล้ายวันเกิดของคุณยายอาจารย์ฯ ปีหนึ่ง ท่านต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่คุณยายฯ ท่านมอบหมาย จึงมาไม่ทันงานวันคล้ายวันเกิดคุณยายฯ (ซึ่งมีการกราบมุทิตาและปฏิบัติบูชา) คุณยายฯ ท่านก็เป็นห่วงถามหาอยู่ตลอด และในภายหลังท่านได้บอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะว่า วันสำคัญของครูบาอาจารย์ต้องมา เพราะจะได้เชื้อมสายบุญกับครูบาอาจารย์ เกิดไปทุกภพทุกชาติ หากพลาดพลั้งพลัดหลงกันไป สายบุญที่เชื่อมกันนี้ ก็จะเป็นสิ่งเชื่อมโยงให้ได้กลับมาพบกันอีก
ดังนั้น เร่งเตริยมตัวสอบให้พร้อมกันวันที่ 10 แล้ว ไปเอาบุญใหญ่วันที่ 10 กันทั้งทีมด้วยใจที่ใสๆ นะคะ บุญนี้มีครั้งเดียว ผ่านแล้วผ่านเลยนะคะ
ขออนุโมทนาบุญกับน้องๆทุกคนด้วยค่ะ