แล้วหลวงปู่หนึ่งตัน เราจะแพ้ รุ่นบรรพบุรุษ ได้ยังไงคะ
เวลาไปบอกบุญ ผู้ฟังมากจะถามว่า ทำไมต้่องทองคำ ด้วย ทำไมไม่หล่อด้วยอย่างอื่น ที่สามารถทำประโยชน์ได้
ปัจจุบันที่วัดไตรมิตร กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว คนไปชมพระทองคำกัน แล้วก็คงได้บุญได้กุศล ได้น้อมจิตใจให้เลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธศาสนามากขึ้น
แล้วเราๆ ท่านๆ จะไ่ม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการหล่อพระพุทธรูปด้วยทองคำหรือคะ จะไม่ชวนคนมาร่่วมงานแยะๆ มีลูกๆ มีหลาน ก็สามารถเล่าให้ฟังได้ว่า นี่แหละ องค์นี้แหละ ยายนะ ตานะ ได้ร่วมสร้างด้วยนะ
ภูมิใจ ไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นเหลน กันทีเดียว
===========================
มาดูประวัติกันค่ะ
จาก http://th.wikipedia....rg/wiki/พ�%...��ร
![แนบไฟล์](https://www.dmc.tv/forum/public/style_extra/mime_types/gif.gif)
![แนบไฟล์](https://www.dmc.tv/forum/public/style_extra/mime_types/gif.gif)
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อเต็ม พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร
ชื่อสามัญ พระสุโขทัยไตรมิตร หรือพระทองสุโขทัย
ประเภท พระพุทธรูป
ศิลปะ ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย
ขนาด
• ความกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว
• ความสูง 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว (3.04 เมตร)
วัสดุ ทองคำแท้ น้ำหนัก 5.5 ตัน (ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา)
สถานที่ประดิษฐาน วิหารพระทองคำ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
ความสำคัญ พระพุทธรูปทองคำแท้ในสมัยสุโขทัย
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" ซึ่งพิจารณาทั้งตามหลักฐานอื่นและเหตุผลประกอบแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็น พระพุทธรูปทอง องค์ดังกล่าว เพราะปริมาณทองคำแท้นี้ รวมถึงขนาดพระพุทธรูปนี้ ย่อมเกินกว่าที่สามัญชนทั่วไปพึงสร้างเป็นสมบัติส่วนตัว
แต่อย่างไรก็ดี ต่อมาพระพุทธรูปองค์นี้ได้ถูกพอกปูนลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ เพื่อเป็นการอารักขาภัย แต่ไม่ทราบว่าตกไปอยู่ในสถานที่ใดบ้าง ทราบแต่เพียงว่าล่าสุด ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระยาไกร (วัดโชตนาราม) แต่ต่อมา วัดพระยาไกร กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีผู้ดูแล ประกอบกับ บริษัท อีสต์เอเชียติก จำกัด ประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของวัดเพื่อดำเนินกิจการของบริษัท ที่ประชุมคณะสงฆ์จึงให้วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดไผ่เงินโชตนาราม ไปอัญเชิญพระพุทธรูปสององค์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดพระยาไกรนั้น ไปประดิษฐานไว้ตามสมควร ทางคณะของวัดไผ่เงินฯได้เดินทางไปถึงก่อน จึงเลือกอัญเชิญพระพุทธรูปสำริดไป เหลือระพุทธรูปปูนปั้นไว้ให้วัดไตรมิตร
ในขั้นแรกเมื่อถึงวัดไตรมิตร ก็ได้แต่เพียงปลูกเพิ่งสังกะสีธรรมดา เพื่อบังแดดบังฝน ไว้ริมถนนด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ เป็นเวลาถึง 20 ปี ด้วยยังหาที่จะประดิษฐานอันเหมาะสมมิได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงทำการสร้างวิหารใหม่ ด้วยตั้งใจจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูป ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี (คือวิหารองค์ปัจจุบัน) แต่ในขณะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป เนื่องจากพระพุทธรูปมีน้ำหนักมาก สายเครื่องกว้านจึงขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ส่งผลให้ปูนที่หุ้มบริเวณพระอุระกระเทาะออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้ลอกปูนออกทั้งองค์ แล้วนำขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิหารนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
================
ปล. ข้อมูลเพื่อการชักชวนผู้มีบุญ มาร่วมหล่อรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี ด้วยทองคำ หนัก 1 ตัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
๒๕ พุทธศตวรรษ ๕๐ ปี แห่งการค้นพบพุทธนิมิตมงคล http://www.bangkokbi...hp?newsid=74707