มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[สาคร]

คำถามครับ......
1.คุณจะ ดีใจ เสียใจ กังวลใจ ทำใจไม่ได้ หรือเฉยๆ ขอให้พูดตามความเป็นจริงนะครับ
2.คุณจะบอกกับใครก่อน ระหว่าง พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา และ ลูกหรือไม่บอกใครเลย
3.คุณจะ ไปตายที่ไหน และ เพราะอะไร
4.คุณมั่นใจใหมว่า ขณะจิตจะดับ คุณสามารถ รักษา ระดับของจิตไม่ให้เศร้าหมองได้
5.และคุณคิดว่า ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว คุณจะ กลัวตาย หรือไม่

ลองดูนะครับ ว่าทุกๆท่าน ได้นึกและเตรียมตัว ถึงวันที่ตาย ยังไง และมั่นใจแค่ไหน

ขอให้ทุกๆท่านได้ ตาย อย่างที่ตั้งใจนะครับ

[แครอทจัง]

1. กังวนมาก และเสียใจล
2. ไม่บอกใครสักคน
3. อย่างมากก็ไปยมโลก อย่างน้อยก็อยู่บนโลก
4. นิดเดี่ยว
5. ตอบคำเดี่ยวว่ากลัว

[บุญหลาย]

5555+

ตลกดีครับ

อ่านแล้วยิ้ม

[เย็นสบาย]

อืมน่าคิดนะ
เป็นเรา ก็คงไปหาหมอที่เก่งกว่าทำให้อยู่เกิน 3วัน

[usr23299]

1.ทำใจใสๆนึกถึงพระรัตนตรัยและนึกถึงบุญขอบารมีมหาปูชนียาจารย์ให้ช่วยให้พ้นจากวิบากนี้ เหมือนCaseกลืนเข็ม
2.บอกกับตัวเอง เพื่อเตรียมตัวในทุกขณะจิตในการทำศึกชิงภพ และบอกกับคนรอบข้างให้รู้เพื่อจะได้ทำตามหลักวิชชาไม่เศร้าหรือเสียใจ เพราะการผูกพันยึดติดในคน สัตว์ สิ่งของ อาจจะไปเป็นภุมมเทวาได้(ไม่อยากเป็นครับ)
3.ตายที่หายใจเข้าไม่หายใจออก หรือหายใจออกไม่หายใจเข้า (ที่ไหนไม่ระบุชัด เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย)
4.มั่นใจเพราะเนื่องจากการสั่งสมบุญบารมี ทั้งทาน ศีล ภาวนา สม่ำเสมอ ทำให้เรานึกถึงบุญออก ทำให้นิมิตที่ฉายให้เห็นก่อนตายสว่าง มีแต่ภาพบุญจึงยากที่จะใจหมอง แต่ถ้าร่างกายมีความเจ็บป่วยเพราะสังขารและโรคภัยอยู่ก็ไม่อาจทำให้ความใสนั้นเสื่อมคลายได้เพราะใจเกี่ยวเนื่องกับบุญเสมอ (ป.ล.ถ้าใครบุญก็ทำบาปก็ทำ อันนี้ก็น่าคิดครับว่าใสหรือหรือหมองเพราะมันชิงช่วงกัน..)
5.ต้องฟังเพลงนี้เลย กลัวก็ต้องตาย ไม่กลัวก็ต้องตาย ตายๆ ไม่กลัวตายเพราะความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนยูนิฟอร์มเปลี่ยนภพภูมิเท่านั้น และเราทุกคนก็ล้วนเคยตายกันทั้งนั้น เมื่อสั่งสมบุญกุศลทำความดีเสมอทั้งทาน ศีล ภาวนา ความกลัวตายไม่มีครับ เพราะมหานรกขุมไหนๆไม่มีสิทธิได้แอ้มเลย
---การเตรียมตัวตายที่ดีที่สุดคือต้องเตรียมใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7เสมอ หมั่นตรึกนึกวางใจไว้ที่ตั้งของใจ คือศูนย์กลางกายฐานที่7 ตายเกิดก็อยู่ตรงนี้อ่ะนะครับ

[WISH]

เมื่อหมอบอกว่า คุณจะตายภายใน 3 วัน

- น่าจะเป็นหมอดูนะ
- ความตายนั้นไม่มีนิมิตหมาย
- เกิดได้ทุกขณะจิต ไม่ต้องรอหมดบุญก็อาจเกิดได้ทุกเมื่อ
- ผู้หยั่งรู้มรณะภัยย่อมเป็นผู้ทรงวิชชา
- ผู้ฝึกมรณานุสติเป็นปกติย่อมไม่ประมาทในมัจจุมารนี้

[peter10]

กำหนดการวันคล้ายวันเกิด ๑๒๔ ปี พระมงคลเทพมุนี
พิธีหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
Schedule of Events: The Ceremony for Casting The Golden Image of The Great Master Phramongkolthepmuni (Sodh Candasaro), The Discoverer of Dhammakaya Meditation
Friday, 10 October 2008 at Dhammakaya Meditation Hall


(ฉบับร่างที่ 3 ปรับปรุงตามข้อมูลของคุณ SWO กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีก จะทำการ update ให้เป็นระยะๆ นะครับ)
(There could be updates on time and activities in the near future, please check again for final confirmation.)

************************************************


พิธีภาคเช้า: ปฏิบัติธรรม / พิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
Morning Session: Meditation / Meal Offering to the Sangha
08.30 สาธุชนร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า
Morning Chanting
09.30 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ นำบูชาพระรัตนตรัย / นำนั่งสมาธิ
Paying Homage to the Triple Gem / Meditation Practice
10.45 พิธีกล่าวคำถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
Meal Offering to the Sangha
11.15 เสร็จพิธีภาคเช้า
End of Morning Session

พิธีภาคบ่าย พิธีหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
Afternoon Session: The Ceremony for Casting The Golden Image
12.15 รายการพิเศษ “กล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย”
An interview with special guests
13.50 คณะสงฆ์ และสาธุชน ร่วมสวดมนต์บทสรรเสริญคุณ “พระมงคลเทพมุนี”
Chanting to praise The Great Master Phramongkolthepmuni
14.00 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ เดินทางมาถึงศูนย์กลางพิธี
- นำบูชาพระรัตนตรัย / กล่าวเชิญ แขกผู้มีเกียรติ พูดกล่าวสุนทรพจน์ / แปลคำกล่าวสุนทรพจน์
Luang Phaw Dhammajayo arrives the ceremony area
- short chanting / distinguished guest delivers a speech
14.25 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ กล่าวขอบคุณ (แปลคำกล่าวขอบคุณ)
Luang Phaw Dhammajayo delivers a speech of appreciation
14.30 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ นำนั่งสมาธิ
Meditation session
15.05 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์
Resolution made prior to the casting.
- นำอธิษฐานจิตหล่อรูปเหมือนทองคำหลวงปู่
- อาราธานา พระภาวนาวิริยคุณ, พระครูปลัดภูเบศ ฌานาภิญโญ รับ “มหาสุวรรณนิธิ”
ผู้แทนคณะสงฆ์รับ “มหาสุวรรณนิธิ” ไปใส่ในเตาหลอม
Casting Ceremony
- เจ้าภาพผู้มีบุญ เตรียมประกอบพิธีหย่อน “มหาสุวรรณนิธิ”
- สัญญาณฆ้องครั้งที่ ๑ เจ้าภาพหย่อน “มหาสุวรรณนิธิ” ลงบนรางรับ
แล้วเข้านั่งประจำที่ ถือสายสมบัติจักรพรรดิ/ผู้แทนคณะสงฆ์อัญเชิญพาน“มหาสุวรรณนิธิ”ใส่ในเตาหลอม
- สัญญาณฆ้องครั้งที่ ๒ ผู้แทนคณะสงฆ์ ประกอบพิธีเทน้ำโลหะลงในหุ่นองค์ต้นแบบหลวงปู่
- สัญญาณฆ้องครั้งที่ ๓ เสร็จพิธีเทน้ำโลหะลงในเบ้าหลอม
- พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นำอธิษฐานจิต / นำแผ่เมตตา / นำบูชาพระรัตนตรัย
Luang Phaw Dhammajayo leads resolution / sharing merit and loving-kindess / chanting to pay homage to the Triple Gem
15.20 - เสร็จพิธีหล่อรูปเหมือนทองคำ / ถ่ายภาพประวัติศาสตร์ร่วมกัน
taking pictures
15.30 เสร็จพิธี
end of ceremony

รับถวายปัจจัยบูชาธรรม
15.40 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ เดินทางมาถึงศูนย์กลางพิธี
- รับถวายปัจจัยบูชาธรรม / กล่าวให้โอวาท / นำบูชาพระรัตนตรัย
Luang Phaw Dhammajayo returns to the central altar
- receiving offerings / giving homily / paying homage to the Triple Gem
16.20 เสร็จพิธี
End of Afternoon Session

16.30 คณะสงฆ์มอบพระของขวัญ รุ่น “รวยโคตรโคตร” แก่สาธุชนที่มาร่วมงาน ทางเข้า 1 และ 5
(สำหรับผู้ที่อยู่ร่วมพิธีในสภาธรรมกายสากล และสวมชุดขาวล้วนมาร่วมพิธี)
Each participant receives a Buddha amulet as a memorabilia from the monks at gate 1 and gate 5 (for participants who put on completely white clothes and joined the ceremony at the Dhammakaya Meditation Hall only)
- สาธุชนผู้มีบุญ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

ภาคค่ำ โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ณ บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย
Night Session: Inner Dream Kindergarten Program at the Master Nun's Congregation Hall
19.30 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ เดินทางมาถึงศูนย์กลางพิธี
- แสดงธรรม โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
Luang Phaw Dhammajayo arrives and starts Dhamma talk
22.00 เสร็จพิธี / สาธุชนผู้มีบุญ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
End of program


หมายเหตุ: วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2551 ... เปิดมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี เพื่อให้สักการะ รูปหล่อทองคำ
ระหว่างเวลา 16.30 – 19.00 น.
Note: On Friday, 10 October 2008, the Memorial Hall of Phramongkolthepmuni will be open for paying homage from 16.30 - 19.00
---------------
จากวันนี้จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เปิดให้เข้าสักการะ 4 รอบ. ทุกวันจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ยกเว้นวันอาทิตย์ เปิด 11-12.30 น.
4 รอบคือ 9-10.30 , 12.30-14.30, 14.30-16.30, 16.30-19.00

From today until 9 October 2008, the Memorial Hall of Phramongkolthepmuni will be open daily during the following periods of time:
09.00 - 10.30 am
12.30 - 14.30 pm
14.30 - 16.30 pm
16.30 - 19.00 pm
For Sunday, the memorial hall will be open from 11.00 am - 12.30 pm only.

แขกต่างประเทศสามารถร่วมงานได้โดยรับฟังช่องสัญญาณแปล ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาอินโดนีเซีย โดยติดต่อขอยืมอุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณได้ที่ เสา C18 สภาธรรมกายสากล
International visitors can attend the ceremony by borrowing a translation device from our staff at column C18 of the Dhammakaya Meditation Hall. Translation is available in Chinese, English, and Indonesian.

[koonpatt]

จำได้ค่ะ คุณสาครเคยถามคำถาม คล้ายๆอย่างนี้ครั้งนึง

http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=6174


เลยกลับไปอ่าน เพื่อที่จะเช็คตัวเองว่า วันนั้น กับวันนี้ เราเปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร

ขอบคุณนะคะ สำหรับการทวนคำถามหลายๆคำถาม เพราะได้โอกาสที่จะไปอ่านความคิดของตัวเอง

ว่า ถึง ณ วันนี้ เรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น หรือ แย่ลง เราโตขึ้นบ้างหรือไม่ ในทางธรรม

คราวนี้ ขอตอบคำถามของ ณ วันนี้ค่ะ

1.คุณจะ ดีใจ เสียใจ กังวลใจ ทำใจไม่ได้ หรือเฉยๆ ขอให้พูดตามความเป็นจริงนะครับ

คงไมใช่ความรู้สึกดีใจแน่ๆค่ะ ก็คงเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ต่อไป และมีกังวลเรื่องแม่เรื่องเดียวล่ะค่ะ

แล้วก็ลุ้นว่า เกิดใหม่คราวหน้า จะเป็นอย่างไร

2.คุณจะบอกกับใครก่อน ระหว่าง พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา และ ลูกหรือไม่บอกใครเลย

บอกแม่คนเดียว ต้องคุยกันว่าแม่ต้องทำใจอย่างไร และต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง ขอเล่านอกเรื่องนิดนึงค่ะ

เมื่อกลางเดือนสิงหา เพิ่งเข้าผ่าตัดไทรอยด์ (เคยเข้ามาปรึกษาในบอร์ดนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน เพิ่งจะว่างไปผ่าค่ะ)

เข้าไปด้วยอาการต่อมโตข้างเดียวคือ ข้างขวา (เห็นจากด้านนอก) ใช้วิธีผ่าตัดด้วยการใช้กล้องสอดเข้าทางหน้าอกค่ะ

ก็ไม่ได้คิดอะไร ก่อนผ่าก็ ไปทำบุญ ปล่อยสัตว์ แล้วตอนที่เข็นเตียงเข้าห้องผ่าตัด ก็ระลึกนึกถึงหลวงปู่ค่ะ

ระหว่างที่นอนรอก็ภาวนาอยู่ตลอด อธิษฐานว่า

" ขอให้กลับออกมาอย่างปกติ ครบ 32 ประการจะได้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์และมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างบุญและบารมีต่อไป "

พอออกมาจากห้องผ่าตัดถึงห้องพัก คุณหมอก็ตามเข้ามาดูอาการแล้วพูดว่า

" คุณเป็นมากนะ หมอต้องตัดออกทั้งสองข้าง ก็รอฟังผลชิ้นเนื้อ " บอกตรงๆว่า ใจแป้วค่ะ :'( หันไปมองแม่

แต่พอดีแม่กำลังกังวลขวดเลือดที่ต่อท่อออกมาจากแผลน่ะค่ะ แม่เลยไม่ได้ฟัง ก็เลยไม่พูดอะไร

ออกมาจากโรงพยาบาล ระหว่างที่รอฟังผล ก็เข้าเน็ตหาข้อมูลว่า มีเคสไหนบ้างที่หมอจะตัดออก 2 ข้าง

ก็ไม่มีดีเลยสักเคส กังวลอยู่นะคะ แต่ก็ทำตัวปกติ คืนก่อนที่จะไปฟังผล เข้าไปคุยกับแม่ บอกแม่ว่า

" แม่นะ พรุ่งนี้ถ้าไปฟังผลชิ้นเนื้อ แม่ต้องทำใจไว้นิดนึงนะ เพราะหมอพูดอย่างนี้ แล้วที่ไปหาอ่านมามันก็ไม่ค่อยดี

ถ้าไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ จะได้ดีใจ แต่ถ้าไม่ดี จะได้ไม่ใจเสียนะ " สีหน้าแม่ก็กังวลน่ะค่ะ

แม่สวดมนต์นานมากกกกก ทั้งคืนนั้น และ รุ่งเช้า มั่นใจเลยค่ะ ว่า สวดเพื่อเรา

รุ่งเช้าไปฟัง ก็ โอ.เค ค่ะ ปกติ เพียงแต่ปล่อยไว้นานไปหน่อย ก็เลยโตมาก ข้างนึง 4 ซม. อีกข้าง 5 ซม.

คุณหมอเลยเอาออกให้หมด ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายค่ะ ที่ให้ลูกอยู่ต่อไปตามที่อธิษฐานไว้

ดังนั้น คำถามนี้ จึงมั่นใจมากค่ะ ที่จะตอบว่า จะบอกแม่คนเดียว

3.คุณจะ ไปตายที่ไหน และ เพราะอะไร

ที่บ้านค่ะ อยู่กับแม่ แล้วเรา 2 คนจะสวดมนต์ไปพร้อมๆ กัน ให้แม่ได้เห็นชัดๆ ให้แม่ได้เจริญมรณานุสติ ด้วยนาทีสุดท้ายของเรา

4.คุณมั่นใจใหมว่า ขณะจิตจะดับ คุณสามารถ รักษา ระดับของจิตไม่ให้เศร้าหมองได้

ถ้าได้ทำและ ทำได้ อย่างข้อ 3 มั่นใจค่ะ

5.และคุณคิดว่า ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว คุณจะ กลัวตาย หรือไม่

กลัวตายนี่ไม่ได้กลัวค่ะ ยิ่งถ้ารู้ล่วงหน้า 3 วันนี่ เตรียมอะไรได้เยอะเลย อย่างที่เคยบอกในกระทู้ คนเคยคิดฆ่าตัวตายน่ะค่ะ

ว่า ถ้าจะกลัวคือกลัวตกนรกมากกว่า กลัวโลกหลังความตายมากกว่า ดังนั้น ถ้าเป็น ช่วงนี้ของชีวิต ก็ คงสบาย สบาย ค่ะ


ขอบพระคุณ คุณสาครอีกครั้งค่ะ สำหรับคำถามดีดี ที่ให้เราได้ฝึกคิด ไม่ประมาท และไม่หลงลืม

โรคภัยไข้เจ็บทุกวันนี้ มันก็เยอะค่ะ และเชื่อค่ะ ว่า คุณหมอ สามารถบอกได้จริงๆ ว่าคนป่วย จะอยู่ได้กี่วัน

ถึงจะเป็นการคาดคะเนตามอาการ และการรักษา ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนได้ หรือ อาจเกิดปาฏิหาริย์ได้

แต่ก็อธิษฐานขอให้ตัวเอง ครองสติได้ จนนาทีสุดท้ายของชีวิตค่ะ

[บ่าวอุบล]

หมอบอกผิดแน่ ๆ ครับ จริง ๆ คนเราต้องตายภายใน 7 วัน จันทร์ - อาทิตย์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 5 5 5

[Dd2683]

เมื่อหมอบอกว่า คุณจะตายภายใน 3 วัน
- น่าจะเป็นหมอดูนะ
- ความตายนั้นไม่มีนิมิตหมาย

พี่ WISH

 thumb_up1.gif   38.75K   57 ดาวน์โหลด

จริง ๆ คนเราต้องตายภายใน 7 วัน จันทร์ - อาทิตย์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 5 5 5
คุณ บ่าวอุบล

อนุโมทนา ในจริยาของคุณ koonpatt ครับ
 thumb_up1.gif   38.75K   57 ดาวน์โหลด

ส่วนผมคงตอบได้บางข้อ เพราะคำถามยากมาก และยังไม่ใช่บัดเดี๋ยวนี้

? 1.คุณจะ ดีใจ เสียใจ กังวลใจ ทำใจไม่ได้ หรือเฉยๆ ขอให้พูดตามความเป็นจริงนะครับ

กังวลใจ สิครับ

? 2.คุณจะบอกกับใครก่อน ระหว่าง พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา และ ลูกหรือไม่บอกใครเลย

มารดา บิดา วายชนม์แล้ว
สามีก็ไม่มี เพราะผมเป็นบุรุษ
ภรรยาก็ไม่มีเพราะ ผมแซ่บเกินพอดี ไม่มีใครกล้า เข้าใกล้อยู่แล้ว
ลูกชาย หญิง ไม่มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว
มีแต่พี่ ๆ ไม่มีน้อง พี่ ๆ ก็อ่อนไหวเรื่องแบบนี้

ผมคงไม่บอกใครเลย มากที่สุดครับ

พี่สาคร อย่าลืม มาร่วมงานบุญวันที่ ๑o ตุลาคม นี้ นะครับ
แวะไปที่เสา D9 ให้น้อง ๆ ที่อยากรู้จัก สวัสดี ด้วยนะครับ

[Lucky Girl]

คุณสาคร ตอบของตัวเองว่าอย่างไรค่ะ อยากรู้จัง บอกคำตอบได้ไหมค่ะ

เมื่อสี่ปีที่แล้วหมอก็บอกว่าเราจะตาย (ไม่ได้กำหนด)วัน แต่อาจตายเร็วๆ นี้ ตอนนั้น ยังไม่ได้เข้าวัด ยังไม่เข้าใจว่าคนเราเกิดมาทำไม ยังไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน จึงกลัวตายจนตาเหลือง เรียกว่าเกือบตายเพราะความกลัวแทนที่จะตายเพราะโรภภัยที่เป็นอยู่ นั้นเป็นอดีตค่ะ แต่แปลกแฮะ ไม่เห็นตายนี้ ยังอยู่ดีมีความสุข

ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมค่ะ แบบว่าได้สติแล้ว


ตอนนี้ฝึกตายทุกวัน จึงเฉย ๆ ค่ะ ไม่กลัว (แต่กลัวเจ็บนิดหน่อย) ไม่กังวล ตายก็ตาย

จะบอกใครหรือค่ะ อ้อ บอกค่ะ บอกหลวงปู่ บอกหลวงพ่อ บอกคุณยายอาจารย์ พ่อแม่ไม่ต้องบอก เดี๋ยวรู้เอง อ้ออาจโทรบอกประกันให้ช่วยจัดการเรื่องเงินให้พ่อแม่ด้วยหลังตาย ห้ามโกงเด็ดขาด เราจะเป็นผีมาหลอก

ตายแล้วจะไปไหนหรือค่ะ อ้อ ไปที่ชอบ ที่ชอบ เหมาะแก่กรรมที่เราได้สั่งสมมา เรารู้แล้วกันว่าที่ไหน ของใครของมันค่ะ

จะรักษาจิตไม่ให้เศร้าหมองในขณะจิตดับได้หรือไม่ อันนี้น่าคิดน่ะค่ะ เพราะเมื่อสองวันที่แล้ว ก็ป่วยเรียกว่าเกือบตาย วัดใจกันเลย นั่งสมาธิในขณะที่เริ่มหายใจไม่ออก ก็นั่งได้น่ะ ชั่งใจว่าว่าเรียกคนไปส่งโรงพยาบาลดีหรือลองนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ดี ก็เลยลองนั่งไปเรื่อยๆ ยอมรับว่านั่งยากกว่าตอนร่างกายปรกติ แต่ก็นั่งได้ค่ะ พอเข้าสมาธิได้ ก็หายใจได้ คิดว่าหัวใจสำคัญคือทุกคนต้องทำสมาธิทุกวัน ซ้อมน่ะค่ะ ถ้าอ่อนซ้อม ถึงเวลาจริงก็แย่ ข้อนี้ถ้าจะให้ตอบกันแบบจริงใจ ต้องเคยมีประสบการณ์ระหว่างความเป็นกับความตายค่ะ ถึงจะตอบได้จริง อย่าลองน่ะค่ะ อันนี้เตือนด้วยความจริงใจ

ข้อสุดท้าย ตอบอย่างจริงใจว่า กลัวไม่สวยมากกว่าค่ะ


เอาหล่ะคุณสาคร ทุกข้อข้างบน ตอบจากใจจริง แต่ที่จริงใจมากกว่า มาร่วมบุญวันหล่อหลวงปู่กันน่ะคะ ตายน่ะของแน่ แต่ถ้าจะให้แน่กว่า ต้องตายก่อนตายค่ะ มาเอาบุญใหญ่กัน และก็ฝึกตายก่อนตายด้วยกันน่ะค่ะ (ก็นั่งสมาธิไงค่ะ)