ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การเป็นผู้นำบุญ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 jeed

jeed
  • Members
  • 13 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2008 - 08:12 PM

1. ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ อยากสร้างบุญใหญ่เป็นโกฎ แต่เงินมีไม่มากมีหนี้เป็นล้านเลยครับ แต่ก็ยังอยากทำบุญเหมือนเพื่อนหลายคนอยู่ดี ผมมีเพื่อนที่ทำบุญอย่างผมและเป็นหนี้หลายคน ทางบ้านแฟนผมก็ไม่ค่อยชอบการทำบุญแบบทุ่มสุดตัวสักเท่าไหร่ต้องอดทนแบบสุดๆ เพราะเขาไม่เข้าใจขนาดเขาดูดาวธรรมด้วยนะครับอันนี้เราจะแก้ไขยังไงดีครับ

2. ใครเป็นแบบผมบ้างครับ ทำงานหลายด้าน ทำงานดึก ไม่ค่อยได้สุงสิงกับเพื่อนบ้าน ทีนี้พอผมไปบอกบุญเขาๆ ก็ไม่ค่อยมั่นใจเรา ขนาดผมทำงาน mlm ด้วยนะครับผ่านหลักสูตรฝึกขายที่ต้องใช้กำลังใจมากๆ มีวิธีไหนจะให้เพื่อนบ้านไว้ใจเราได้เร็วๆ บ้างครับ เพราะผมทำ mlm เขาจะมีหลักสูตรสอนให้เป็นขั้นตอนในการขายทำให้เราเข้าใจระบบได้เร็ว หรือท่านผู้ใดมีวิธีการใดดีๆ มาแชร์ ให้ผมก็จะเป็นพระคุณยิ่ง

3. ผมอยากจะทำกล่องบอกบุญและมีซองไปบอกบุญตามบ้านชวนคนทำบุญเราจะต้องเตรียมอะไรไปบ้างครับเพราะไม่ค่อยได้บอกบุญแบบน็อกดอเท่าไหร่

ปล. อยากให้มีหลักสูตรสอนบอกบุญเหมือนกับงานที่ผมทำจังเลยครับจะได้เป็นเร็วๆ กำลังใจผมมีอยู่แต่วิธีการนี่สิผมอยากได้มาโดยที่ไม่ต้องลองผิดลองถูก ขอความช่วยเหลือด้วยนะครับ ขอกราบอนุโมธนาบุญครับ

#2 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2008 - 09:39 PM

ขอตอบเป็นข้อ ๆ

1. พาแฟนไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์สักเจ็ดวันสิครับ

2. ที่เขาไม่มั่นใจอาจเป็นเพราะตัวคุณก็ได้ เพราะการพูดเรื่องบุญ(โดยเฉพาะการทำบุญกับวัดพระธรรมกาย)
คุณจะเจอคำถามมากมายแน่นอน วิธีแก้คือ

(1) พยายามรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ถ้าทำได้วันพระให้รักษาศีลแปด และนั่งสมาธิให้มาก ๆ
(2) หมั่นสวดมนต์และอธิษฐานจิตทุกวันอย่าได้ขาด
(3) พยายามศึกษาอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการ ในการเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้าฯ แล้วนำมาปฏิบัติ
(4) ให้ทำกล่องบอกบุญไปไว้ที่ทำงานถ้าทำได้(ดูตามความเหมาะสม) และควรนำสื่อธรรมมะไปแจกให้อ่านกันก่อน
แต่วิธีน๊อคดอร์นั้นผมว่าให้กลับมาจากพนาวัฒน์ก่อนดีกว่าค่อยคิดอีกที















#3 peter10

peter10
  • Members
  • 331 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 October 2008 - 11:45 PM

สุดกำลัง สำหรับตัวเอง
และทำงานเป็นทีม สำหรับการบอกบุญ
อยากน็อคดอร์ ก็ทำเป็นทีม หรือเข้าร่วมทีมจะได้มีกำลัง สุดๆทั้งกายและใจและความน่าเชื่อถือ ศรัทธามากกว่าคับ


เลือกเอา บัวมีสี่เหล่า
เลือกเอา ใจใสๆ

#4 the miracle girl ^__^

the miracle girl ^__^
  • Members
  • 226 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 October 2008 - 12:52 AM

มีเพื่อนของเราคนนึงส่งกระทู้ของ คุณ jeed มาให้เรา แล้วบอกให้เราช่วยตอบคนนี้หน่อย

เราอ่านคำถามของคุณจี๊ดนะ เราขำมากเลย เพราะว่า ปัญหาของเรากับปัญหาของ คุณ jeed คล้าย ๆ กันเลยล่ะ ^__^

เราขอเล่าวิธีที่เราใช้กับตัวเองนะคะ คุณ jeed ลองไปปรับใช้ดูนะคะ

ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณผู้แนะนำคือ คุณฟ้าร้างและคุณ innerspot ด้วยค่ะ ^__^ (upline,หัวหน้าหน่วย,แม่ทีม ทางธรรม 555)


ข้อ 1 : เขารู้ไม่เท่าเรา "คนบางคน" เลย ไม่เข้าใจเรื่องการทำบุญสุดตัว ไม่แปลกค่ะ แต่เมื่อเขาได้รับความรู้และข้อมูลเพิ่มขึ้น เขาก็จะเข้าใจเพิ่มขึ้นค่ะ เราก็เลยอดทนที่จะให้ข้อมูลเขาไปเรื่อย ๆ ค่ะ

เรื่องการทำบุญ ความปรารถนาที่จะทำบุญ กับเรื่องที่เรามีหนี้สิน แยกจากกันค่ะ

หาก คุณ jeed จะร่วมทำบุญ เป็นปัจจัย เป็นแรงกาย หรือสิ่งใด ก็ขอให้ทำให้เต็มที่ เต็มกำลัง โดยนึกถึงหลักง่าย ๆ ค่ะ ว่า บุญ เกิด 3 ระยะ ระยะแรก คือ ปิติก่อนที่จะทำบุญ ปิติขณะทำบุญ และปิติทุกครั้งที่ คุณ jeed หวนนึกถึงทุกครั้งที่ได้เคยทำบุญไปค่ะ

ทำมากทำน้อย ไม่ได้สำคัญ เท่ากับยินดีสละทรัพย์ ทรัพย์นั้น เป็นทรัพย์ที่บริสุทธิ์ ทำกับเนื้อนาบุญ ปิติทั้งก่อนทำ ขณะทำ และเมื่อเราหวนนึกถึงเราก็มีความยินดีในการทำบุญนั้น บุญจะส่งผลนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งละไม่มีประมาณ

และหากเรามีความปรารถนาที่จะทำเพิ่มขึ้น ๆ จนเป็นโกฏในภายภาคหน้า เราก็จะทำได้ เพราะว่าเรามีความปิติเมื่อหวนนึกทุกครั้งที่เราได้ทำไปในอดีต บุญส่งผล เราก็จะได้เงิน ได้ปัจจัย มาร่วมสร้าง ร่วมทำบุญ เพิ่มขึ้น ๆ ค่ะ เราทำเพราะเราตัดความตระหนี่ออกจากใจ (จะแตกต่างจาก"ทำเหมือนคนอื่น"ทำโดยสิ้นเชิงค่ะ) ใครว่าเราทำบุญเกินตัว หรืออะไร ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเราคิดแล้วค่ะ ก่อนทำ

การติดจานดาวธรรม และดูรายการต่าง ๆ จากดาวธรรม ไม่ได้หมายความว่า คนดูทุกคน จะต้องเข้าใจทุกคน ไม่อย่างนั้น นักเรียนทุกคนที่เรียนมัธยมปลายหลักสูตรเดียวกัน คงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ทุกคนค่ะ

และเพื่อน ๆ ก็เหมือนกันค่ะ เรามีความปรารถนาที่จะให้เขามีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็อยากชวนเขาสร้างบุญ สั่งสมบารมี ก็ขึ้นอยู่กับเขา ไม่ว่าเพื่อนจะทำหรือไม่ทำอย่างไร แบบใด คิดอะไร มีปัญหาอะไร สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ตัวเราตัดความตระหนี่ออกจากใจได้ได้จริง ๆ เราจะได้บุญเต็มที่และเต็มกำลังไปแล้ว ก็ได้แต่สงสาร ที่เขายังไม่เข้าใจ และก็จะบอกเขาต่อ จนถึงวันที่เขาเห็นและเข้าใจ


ตอบข้อ 2 กับข้อ 3 : เราเป็นคนทำงาน มากกว่า 5 อาชีพค่ะ กลับบ้านไม่ค่อยต่ำกว่าตี 2 (แต่ตื่นใส่บาตรทุกเช้านะคะ) ไปต่างจังหวัดก็บ่อย ไม่ได้สุงสิงกับเพื่อนบ้านเหมือนกันค่ะ อย่าว่าแต่เพื่อนบ้านเลยค่ะ เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย ก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยซ้ำค่ะ แถมเรียนต่างจังหวัด แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ กทม อีก

มันคงสำคัญที่ว่า สิ่งที่เราจะบอกเขานี้ เราได้เป็นผู้ให้เขา เราก็เลยกล้าบอก และไม่ได้คิดว่าเราจะถูกมองว่าอย่างไร ไม่กลัวคำวิพากษ์วิจารณ์ เพราะว่าเรารู้ว่าเราปรารถนาดี ที่เราอยากให้เขาได้บุญ และอยากให้บุญส่งผล ให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นกับเขาค่ะ

ไม่ต้องคิดแทน

เรามีหน้าที่บอกเขาว่า นี้เป็นบุญ ทำกับเนื้อนาบุญ ส่วนสิ่งที่เขาปรารถนา และเขาอยากอธิษฐาน และจะร่วมทำบุญเท่าไร เป็นเรื่องของเขาค่ะ เพราะว่า คนต่างกัน (แต่เราอาจมีเอกสารที่นำให้เขาอธิษฐานอย่างถูกวิธีแนะนำเขาค่ะ)


สำหรับ วิธีการ กระบวนการ knock door หรือว่าทำกล่อง หรือซองนั้น มันจะเกิดขึ้น ภายหลังที่เราคิดผ่านว่า เราไม่แคร์คำวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร เราเป็นผู้นำบุญที่ทำให้เขาได้ร่วมทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ดีเยี่ยม ค่ะ


หลักสูตรการบอกบุญที่ดีที่สุด จะเกิดขึ้นภายหลังจากการที่ คุณ jeed ได้นั่งปฏิบัติ หลับตา (มีปัญหาให้หยุด และทำใจใส ๆ) และเมื่อบุญส่งผลกับ คุณ jeed เมื่อใด คุณ jeed จะอยากบอกบุญกับผู้คนมากมายเป็นทวีคูณค่ะ



#5 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 October 2008 - 02:38 PM

คุณ JEED ท่องคาถาไว้ ๔ ข้อ

๑) เราไปให้บุญกับเขา ไม่ได้ไปขอ

๒) บอกบุญได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง

๓) เราเอาศูนย์กลางกายไปเอาบุญ

๔) "ลุย" (ข้อ๔ต้องตะโกนดังๆในใจให้หึกเหิม"ลุย")

#6 usr25216

usr25216
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 October 2008 - 10:58 AM

ไม่ชอบ คำว่า "ทำน้อยได้บุญน้อย ทำมากได้บุญมาก" คนที่มีเงินน้อย..จะน้อยใจตัวเองได้

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 11 October 2008 - 04:23 PM

ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องไม่ชอบคำว่า
ขยันมาก สอบได้ ขยันน้อย สอบตก เพราะคนที่ขยันน้อย จะน้อยใจตัวเองได้

ซึ่งก็ไม่ถูกต้องใช่มั้ยครับ เพราะทุกคน ควรเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม เป็นกฏของเหตุผล และยอมรับความจริงในกฏนี้
เมื่อทำบุญน้อย ก็ต้องได้บุญน้อย มันก็เป็นไปตามกฏของเหตุผลครับ

เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจเพิ่มอีกนิดหนึ่งว่า ไม่ได้ขึ้นกับจำนวนเงิืน แต่ขึ้นกับกำลังใจของผู้ทำ
ผู้ที่ทำหนึ่งบาท อาจได้บุญมากกว่า ผู้ที่ทำหนึ่งล้าน หากหนึ่งบาทนั้น คือ ชีวิตทั้งชีัวิตของเขา ในขณะที่หนึ่งล้านอาจเป็นเศษสตางค์ของมหาเศรษฐี

การที่เศรษฐีควักหนึ่งล้านออกทำบุญ เขาอาจรู้สึกว่านิดหน่อย ก็ย่อมได้บุญน้อยกว่า คนที่ทำ 1 บาทแต่หนึ่งบาทนั้น คือ ทั้ีงชีวิต ก็เป็นได้

เหมือนดัง ท่านเมณทกเศรษฐีในอดีตชาติ ท่านเคยรวยแล้วยากจนลงจนเหลืออาหารแค่มื้อสุดท้าย แต่ก็ตัดใจสละอาหารมื้อสุดท้ายนั้นถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่ี่งนั่นก็คล้่ายๆ คนมี 1 บาทแล้วตัดสินใจทำหมด 1 บาทเลยนั่นเองครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร