ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

วงบุญพิเศษดุสิตบุรี


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 28 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 babyboat

babyboat
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 02:06 PM

สวัสดีครับ ผมชื่อโบ๊ตครับ พึ่งจะได้มีโอกาศมาเข้าเว็ปบอร์ดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธรรมะที่นี่ครับ
แฟนผม แกเป็นลูกศิษย์ของวัดธรรมกายเคร่งครัดมาก แต่ตัวผมเองต้องไป ตจว.ค่อนข้างบ่อย จึงเข้าวัดได้บ้างเป็นครั้งคราว

ผมสงสัยว่า วงบุญพิเศษดุสิตบุรี เป็นบ้านจัดสรรหรือเปล่าครับ อยากจะซื้อไว้ซักหลัง?

รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ

ข้อความนี้ได้รับการแก้ไขโดย webmaster

#2 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 06:13 PM

คำตอบ

ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ มิใช่บ้านจัดสรร นะครับ ซื้อด้วยเงินไม่ได้ครับ

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#3 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 06:36 PM

เว็บบอร์ดนี้มีไว้สำหรับถาม-ตอบปัญหาธรรมะ และที่เกี่ยวเนื่องกับรายการธรรมะที่มีอยู่ใน dmc หรือจานดาวธรรมน่ะค่ะ ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในหาซื้อบ้านซักหลังค่ะ

แล้วดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ ก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ซะด้วยซิคะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#4 n00m

n00m
  • Moderators
  • 637 โพสต์
  • Location:Patumthanee

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 07:29 PM

ผมแนะนำให้คุณโบ๊ตลองขอความรู้จากแฟนซิครับ ถ้าเป็นไปอย่างที่คุณโบ๊ตบอกมา ผมรับรองว่าคุณโบ๊ตจะได้รับคำตอบแน่นอนครับ

ที่แน่ๆ บุญนั้นไม่มีขาย ถ้าอยากจะได้ต้องทำเองครับ!



#5 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 January 2006 - 07:32 PM

ถ้าเป็นสวรรค์ชั้นดุสิต ก็มีระบุในพระไตรปิฏกนะครับ
[๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมดามีอยู่ดังนี้ เมื่อใดพระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต เสด็จ
ลงสู่พระครรภ์ของพระมารดา เมื่อนั้นในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ แสง สว่างอันยิ่งไม่มีประมาณปรากฎในโลก ล่วงเทวานุภาพ
ของเทวดาทั้งหลาย ช่องว่าง ซึ่งอยู่ที่สุดโลก มิได้ถูกอะไรปกปิดไว้ ที่มืดมิดก็ดี สถานที่ที่พระจันทร์
และ พระอาทิตย์เหล่านี้ ซึ่งมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากปานนี้ส่องแสงไปไม่ถึงก็ดี ในที่ ทั้งสอง
ชนิดนั้น แสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณ ย่อมปรากฎล่วงเทวานุภาพของเทวดา ทั้งหลาย ถึงสัตว์
ทั้งหลายที่เกิดในสถานที่เหล่านั้นก็จำกันและกันได้ ด้วยแสงนั้น ว่า พ่อเฮ้ย ได้ยินว่า ถึงสัตว์
พวกอื่นที่เกิดในนี้ก็มีอยู่เหมือนกัน ทั้งหมื่นโลก ธาตุนี้ ย่อมหวั่นไหว สะเทื้อนสะท้าน ทั้ง
แสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณย่อมปรากฎในโลกล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย ข้อนี้เป็น
ธรรมดาในเรื่องนี้ ฯ
*********************************************
ว่าด้วยมารรบกวนอุปจาลาภิกษุณี
[๕๔๑] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้น เวลาเช้า อุปจาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป บิณฑบาต
ยังพระนครสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาต
แล้วเข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่า อันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้
ต้นหนึ่ง ฯ
[๕๔๒] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้อุปจาลาภิกษุณีบังเกิดความกลัว ความหวาด
เสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหาอุปจาลาภิกษุณีถึงที่
นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะอุปจาลาภิกษุณีว่า ดูกรภิกษุณี อย่างไรหนอท่านจึงอยากจะเกิด ฯ
อุปจาลาภิกษุณีตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เราไม่อยากเกิดในที่ไหนๆ เลย ฯ
[๕๔๓] ม. ท่านจงตั้งจิตไว้ในพวกเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยาม ชั้นดุสิต ชั้น
นิมมานรดี และชั้นวสวดีเถิด ท่านจักได้เสวยความ ยินดี ฯ
[๕๔๔] อุ. พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยาม ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้น
วสวดี ยังผูกพันอยู่ด้วยเครื่องผูกคือกาม จำต้อง กลับมาสู่อำนาจ
มารอีก
โลกทั้งหมดเร่าร้อน โลกทั้งหมดคุเป็นควัน โลกทั้งหมด
ลุกโพลง โลกทั้งหมดสั่น สะเทือน ฯ
ใจของเรายินดีแน่วในพระนิพพาน อันไม่สั่นสะเทือน อันไม่
หวั่นไหว ที่ปุถุชนเสพไม่ได้ มิใช่คติของมาร ฯ

ที่มา : พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
สรุปคือ ตราบใดที่เรายังปฏิบัติไม่ถึง การหาคำตอบเรื่องนี้ก็ยังไม่แจ่มชัดคุณต้องไปดูเอาเองกับตา(ตาทิพย์)ครับ
จากตัวอย่างที่ผมยกมาแสดงจะพบว่า สวรรค์ นี้มิใช่แต่ มาร เท่านั้นที่ทราบ แม้แต่พระอรหันต์อุปจาลาเถรี ท่านก็ยังทราบ แสดงว่านรกสวรรค์นี้ได้มีพยานรู้เห็นเป็นพระอริยะเจ้า เทวดา พรหม มาร แล้วครับ

#6 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 05:39 AM

วงบุญพิเศษดุสิตบุรี มิใช่บ้านจัดสรร เป็นสวรรค์ชั้นที่ 4 ชื่อ ดุสิต วงบุญพิเศษ เป็น zone zone หนึ่งในสวรรค์ ชั้นดุสิต ที่ team ธรรมกาย อยู่

คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#7 ขอบฟ้า

ขอบฟ้า
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 10:22 AM


ที่ดุสิตบุรีไม่มีบ้านจัดสรรหรอกค่ะ มีแต่วิมานที่จัดสรรแล้ว เอาไว้สำหรับผู้มีบุญที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี

ถ้าอยากได้วิมานสักหลัง ก็มาร่วมสร้างบารมีด้วยกันซิค่ะ (รับรองไม่ต้องดาวน์ไม่ต้องผ่อน)

#8 wong

wong
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 12:07 PM

เนื่องจากไม่เคยฟังธรรมจากวัดพระธรรมกายมาก่อน และไม่มีเพื่อนที่เป็นศิษแนวพระธรรมกาย แต่สนใจในความมุ่งมั่น
ในการสร้างกุศล บารมี ของศิษพระธรรมกาย ที่มีเป้าหมายที่แนวแน่ น่าเลื่อมใส จึงขอถามสมาชิกทุกท่าน ช่วยไขข้อข้องใจให้กระจ่าง เผื่อจะมีจิตที่มุ่งมั่นอย่างสมาชิกทุกท่าน ดังนี้
1. zoneของวงบุญพิเศษดุสิตบุรี ต่างจากzoneอื่นๆในดุสิตบุรีอย่างไร
2. ต้องกระทำอะไรเป็นพิเศษ จึงจะได้อยู่ในzoneนี้
3. เรื่องนี้มีที่มาจากไหน zoneนี้มีกล่าวถึงในพระไตรปิฎกหรือไม่

#9 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 12:42 PM

ตอบเป็นนิทานนะ

ปกติ ดุสิตา จะแบ่งเป็น 4 zones
Zone1 อยู่ด้านใน สำหรับพระอริยะบุคคล กับ ผู้ปกครอง
Zone2 สำหรับนิยตโพธิสัตว์ หรือพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้
Zone3 สำหรับอนิยตโพธิสัตว์ ซึ่งรอพุทธพยากรณ์
Zone4 ทั่วๆไป

วงบุญพิเศษจะอยู่ระหว่าง Zone2 กับ 3 ไม่ได้กล่าวในพระไตรปิฎก
ต้องปรารถนารื้อวัฏฏะและโพธิญาน จึงจะมีโอกาส

โครงสร้าง-การจัด....ไม่ได้ถาม....stop ดีกว่า
ทบทวนได้จากฝันในฝัน เรื่องพระคุณานันทะ ผู้กอบกู้ประเทศศรีลังกา จะมีเนื้อหาบางส่วนของวงบุญพิเศษจ้า


#10 Somsakul V.

Somsakul V.
  • Members
  • 106 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Nonthaburi, Thailand + Tochigi Japan
  • Interests:Personal Computer

โพสต์เมื่อ 06 January 2006 - 08:35 PM

ดุสิตบุรี คือบ้านจัดสรรแถวนนทบุรีนู่น ใกล้ถนน 345

มีขายนะ ไม่รู้หมดหรือยัง แต่พวกขายต่อคงมี ไปหาได้
เด๋วนี้ถนนเจริญแล้ว รถไม่ค่อยติดนะ (ไม่เก่วข้องกะวัดนะ)

แต่ถ้าสวรรค์ชั้นดุสิต อยากจะไป ก้อต้องทำบุญ
ทำเยอะ แล้วก่อนตายใจใส ก็มีสิทธิ์ไปอยู่กะเขาได้เหมือนกัน

เงินซื้อบุญไม่ได้หรอก ต้องใช้ใจซื้อ

คุณจะทำบุญ คุณใช้แต่เงินซื้อ คุณก็ได้แค่กระดาษอนุโมทนา
แต่ถ้าคุณใช้ใจซื้อ คุณก็จะได้บุญเต็มที่

ทำยังไง ใช้ใจซื้อ
คุณต้องฉลาดหน่อย
คุณต้องรู้ว่า เมื่อคุณทำบุญนี้ วัดได้เงินคุณแล้ว
วัดจะเอาเงินไปทำอะไร แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร
แล้วจะมีผลอะไรตามมา

ยกตัวอย่างเช่น
หลวงพ่อประกาศบุญดาวธรรมหมื่นโรงเรียน
ผมทำ หมื่นบาท
วัดได้เงินผมไป หมื่นบาท
ได้ทุนไปติดจานได้ 2 โรงเรียน
โรงเรียนนึงมีเด็กดู ปามาน 500
สองโรงเรียน ก้อ พันก่า
เด็กที่ดู ก็ฉลาดมั่ง โง่มั่ง เอาว่า เข้าใจสัก 10 เปอร์เซนต์
ดูแล้วกลัวบาป ทำความดี เปนคนดี 10 เปอเซนต์
ก็จะเกิดเด็กดี 100 คน เปนอย่างน้อย (10 เปอเซนของ 1000)

เอ๊ะ คุ้มนะ ได้สร้างคนดี อย่างน้อยก็ร้อยคน
บางคน พ่อแม่เลี้ยงแทบตาย เสียเงินเปนล้าน ยังไม่เปนคนดีกับเค้าเลย
นี่เราเสียแค่หมื่นเดียว ได้คนดี อย่างน้อยก้อร้อยคน คุ้ม

แต่ผมไม่คิดแค่นี้หรอก ผมคิดว่าผมทำหมื่นโรงเรียน โรงเรียนละบาท
คนดีที่เกิดจากเงินผม ไม่ใช่แค่ร้อยแล้ว
เปนแสน เปนล้าน
ผมคิดโง่ๆงี้แหละ ผมคิดบ่อยๆ ผมใจใส ผมปลื้ม กะสิ่งที่ผมทำ
ผมทำได้ยังไง สร้างคนดีเยอะขนาดนี้

บุญคือสิ่งที่ทำแล้ว ใจผ่องใส คิดแล้วก็ปลื้มใจ มีเยอะแล้วไม่ทุกข์ใจ
ไม่เหมือนกินข้าว อร่อยก็จริงอ่ะ แต่กินเยอะแล้วจุก

บุญนี่ มีเยอะแล้วปลื้ม มันผิดกัน
เนี่ย คิดงี้ก็ได้บุญแล้ว เนี่ยใช้ใจซื้อนะ ถ้าใจผมไม่คิดงี้ ผมไม่ทำหรอกบุญอ่ะ

ถ้าคุณจะคิดแค่ว่า ใช้เงินซื้อๆๆๆเอา ไม่ต้องรักษาใจ
ก้อได้บุญกะเขาเหมือนกันอ่ะ แต่ได้น้อย
แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ เงินคุณก็ไปทำประโยชน์น่ะแหละ
ประโยชน์เดียวกัน แต่คุณได้บุญน้อยกว่าคนอื่นเขา

เหมือนฝนเทลงมาจากฟ้าน่ะ ใครมีภาชนะใหญ่ ก็รองน้ำได้เยอะ
ใครใจใส ก็ได้บุญเยอะ
ผมก้อใช้ความคิดกันน้อยคิดของผมน่ะ คิดอย่างที่พิมพ์ให้อ่านไปแล้ว
ผมใจใส ผมก็ได้บุญตามส่วนของผมน่ะ

แล้วจำเปนไหมที่ต้องทำเยอะ คุณก้อเอาใจคุณวัดเอาละกัน
อันไหนมันต้องใช้กำลังใจเยอะกว่า อันไหนมันปลื้มใจกว่า
คุณพอใจแบบไหน ก็รู้ตัวเองทุกคนอ่ะ ให้คำนึงผลที่ตามมาด้วย
ไม่ใช่ว่า ขายบ้านขายช่องไปทำบุญ แล้วมานั่งเซ็งในภายหลัง แบบนี้ผมว่าคุณทำไม่ถูกแล้วล่ะ

อันนี้เบสิก ผมสอนให้แค่นี้ล่ะครับ
เอวัง จบแล้วจ้ะ

#11 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 01:03 AM

ดูเหมือนว่าจะมีเจตนาเข้ามาป่วน มากกว่าเข้ามาถาม เพราะต้องการคำตอบจริงๆนะ

#12 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:02 AM

QUOTE
เหมือนฝนเทลงมาจากฟ้าน่ะ ใครมีภาชนะใหญ่ ก็รองน้ำได้เยอะ
ใครใจใส ก็ได้บุญเยอะ

สาธุมหาโมทนาบุญด้วยครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#13 joey072

joey072
  • Members
  • 17 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 03:39 AM



ค่อยๆศึกษานะครับ แล้วจะเข้าใจ ความจริงของชีวิตที่ทุกคนต้องรู้

#14 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 07 January 2006 - 05:59 PM

QUOTE(xlmen @ 5/1/2006 21:32) ดูโพสต์

ถ้าเป็นสวรรค์ชั้นดุสิต ก็มีระบุในพระไตรปิฏกนะครับ
[๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมดามีอยู่ดังนี้ เมื่อใดพระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต เสด็จ
ลงสู่พระครรภ์ของพระมารดา เมื่อนั้นในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ แสง สว่างอันยิ่งไม่มีประมาณปรากฎในโลก ล่วงเทวานุภาพ
ของเทวดาทั้งหลาย ช่องว่าง ซึ่งอยู่ที่สุดโลก มิได้ถูกอะไรปกปิดไว้ ที่มืดมิดก็ดี สถานที่ที่พระจันทร์
และ พระอาทิตย์เหล่านี้ ซึ่งมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากปานนี้ส่องแสงไปไม่ถึงก็ดี ในที่ ทั้งสอง
ชนิดนั้น แสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณ ย่อมปรากฎล่วงเทวานุภาพของเทวดา ทั้งหลาย ถึงสัตว์
ทั้งหลายที่เกิดในสถานที่เหล่านั้นก็จำกันและกันได้ ด้วยแสงนั้น ว่า พ่อเฮ้ย ได้ยินว่า ถึงสัตว์
พวกอื่นที่เกิดในนี้ก็มีอยู่เหมือนกัน ทั้งหมื่นโลก ธาตุนี้ ย่อมหวั่นไหว สะเทื้อนสะท้าน ทั้ง
แสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณย่อมปรากฎในโลกล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย ข้อนี้เป็น
ธรรมดาในเรื่องนี้ ฯ
*********************************************
ว่าด้วยมารรบกวนอุปจาลาภิกษุณี
[๕๔๑] สาวัตถีนิทาน ฯ
ครั้งนั้น เวลาเช้า อุปจาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไป บิณฑบาต
ยังพระนครสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาต
แล้วเข้าไปยังป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่า อันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้
ต้นหนึ่ง ฯ
[๕๔๒] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปใคร่จะให้อุปจาลาภิกษุณีบังเกิดความกลัว ความหวาด
เสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหาอุปจาลาภิกษุณีถึงที่
นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะอุปจาลาภิกษุณีว่า ดูกรภิกษุณี อย่างไรหนอท่านจึงอยากจะเกิด ฯ
อุปจาลาภิกษุณีตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เราไม่อยากเกิดในที่ไหนๆ เลย ฯ
[๕๔๓] ม. ท่านจงตั้งจิตไว้ในพวกเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยาม ชั้นดุสิต ชั้น
นิมมานรดี และชั้นวสวดีเถิด ท่านจักได้เสวยความ ยินดี ฯ
[๕๔๔] อุ. พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยาม ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้น
วสวดี ยังผูกพันอยู่ด้วยเครื่องผูกคือกาม จำต้อง กลับมาสู่อำนาจ
มารอีก โลกทั้งหมดเร่าร้อน โลกทั้งหมดคุเป็นควัน โลกทั้งหมด
ลุกโพลง โลกทั้งหมดสั่น สะเทือน ฯ
ใจของเรายินดีแน่วในพระนิพพาน อันไม่สั่นสะเทือน อันไม่
หวั่นไหว ที่ปุถุชนเสพไม่ได้ มิใช่คติของมาร ฯ
ที่มา : พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
สรุปคือ ตราบใดที่เรายังปฏิบัติไม่ถึง การหาคำตอบเรื่องนี้ก็ยังไม่แจ่มชัดคุณต้องไปดูเอาเองกับตา(ตาทิพย์)ครับ
จากตัวอย่างที่ผมยกมาแสดงจะพบว่า สวรรค์ นี้มิใช่แต่ มาร เท่านั้นที่ทราบ แม้แต่พระอรหันต์อุปจาลาเถรี ท่านก็ยังทราบ แสดงว่านรกสวรรค์นี้ได้มีพยานรู้เห็นเป็นพระอริยะเจ้า เทวดา พรหม มาร แล้วครับ

Dear Friend
I am a thai woman who live in Denmark ( in a smal town and alone with my daughter 7 years old ). I would like to have a friend who I can talk with about Dhramma. I am 41 yeras old and start to learn to know about tempel and dmc.tv in august 2005. It is not easy to find someone to talk with about Dhramma. I hope you are interest to contact with me. If it is, could you please contact me at my phone home: 00 45 97 22 09 77 or mobile 00 45 50 14 90 20. ( sms ) I can call you back too.
Thank you very much for your kindness.
Happy New Year 2006
Ni.

#15 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 08 January 2006 - 08:50 PM

ลองมาวัดกับแฟนคุณ นำสื่อธรรมะต่างๆ ไปศึกษาจะเข้าใจเอง คนอื่นบอกไม่เท่าศึกษาเอง

#16 babyboat

babyboat
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 10:27 AM

คุณ lordbsd ครับ
ทางวัดนำเงินบริจาคของคุณไปบริจาคให้เด็กใน รร. ต่างๆ หมื่นโรงเรียนเนี่ย เอาไปติดจานดาวธรรมร่อกเร๋อครับ ผมนึกว่าจะได้เห็นการทำบุญที่เรียกว่าเป็นการทำบุญจริงๆซะอีก
ผมไม่สนับสนุนการนำเงินไปบริจาคเพื่อเผยแผ่ความเป็นธรรมกายนะครับ เพราะทุกคนไม่ควรถูกชี้นำโดยเฉพาะในวัยเด็กที่ยังไม่มีวิจารณญานดีพอ
รบกวนพี่ๆช่วยพิจารณาจากมุมภายนอกของวัด แล้วเล็งเข้าไปที่เจตนารมณ์ของตัววัด ว่ามีการทำบุญใดบ้าง ที่ไม่ได้รับผลประโยชน์กลับมาเช่น ให้ได้รับเงินบริจาคมากขึ้น หรือ ให้มีคนเข้าวัดมากขึ้น
ผมไม่ได้มีเจตนาโจมตีใคร หรือ ศาสนาใด และผมเข้าใจว่า post ของผมคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะคงโดน rep ลบทิ้ง แค่อยากพูดให้คนในนี้ได้ยินบ้างจากมุมมองคนภายนอกหลายๆคน เท่านั้นเอง
ขอให้ลองเปิดใจ สังเกตงานต่างๆในวัดอย่างคนทั่วๆไป หรืออย่างเวลาคุณมองกลุ่มสมาคมอื่นๆก็ได้ แล้วคุณน่าจะเห็นอะไรมากขึ้น

#17 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 03:34 PM

ตอบคุณ babyboat
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย เพราะไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน
ภาษิตโบราณหนะครับคงจะคุ้นหูกันดีครับ
-------------------------------------------------------------------
ถ้าทำดีจริงแล้วจะเป็นที่รักของทุกๆ คน จากคนที่เคยเกลียดวัดก็จะมารักวัดถ้าวัดเป็นที่พึ่งของคนทุกข์ใจได้จริง เช่น
ตกรถ ตกเรือ บ้านแตก แฟนทิ้ง ตกงาน นึกถึงวัดเดินดุ่ยๆ เข้าวัดมาขอข้าวขอน้ำกับพระได้บ้างก็ยังดี หรืออย่างน้อยเดินตรงเข้ามาขอคุยกับพระของานขอการก็ยังดีหนะ ถ้าทำได้แบบนี้เชื่อแน่ว่าใครหน้าไหนจะเกลียดวัดครับ ยกเว้นคนพาลคนบาปที่เกลียดวัด ฆ่าพระในภาคใต้นั่นแหละครับ
แต่ก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่วัดครับเพราะแต่ละคนก็เป็นคนดีๆ ทั้งนั้นทำงานทุ่มเทมาก ยิ่งหัวหน้าชั้นนี่ก็อดนอน งานหนัก ตาโหลเลยยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้านโยบายวัดจะหันมาเอาชนะใจคนด้วยการให้เหมือนอย่างที่ทำช่วยพระภาคใต้ หรือช่วยน้ำท่วมแบบนี้ ทำโครงการช่วยผู้คนไปเรื่อยๆ ต่อไปคนจะเข้าใจวัดรักวัดชื่อ "วัดพระธรรมกาย" เองครับ
-------------------------------------------------------------------
ขอยกตัวอย่าง เมตตาธรรม ในกระทู้ของคุณ ธรรมจักร ครับ
๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
ภิกษุทั้งหลาย พึงเจริญเมตตาไปในสัตว์ทุกชนิดโดยเจาะจงและไม่เจาะจง พึงเจริญ กรุณา มุทิตา อุเบกขา แม้ไม่ได้มรรคผลก็ยังเข้าถึงพรหมโลกได้"
"ผู้ใดอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งมวล ด้วยเมตตาจิตอันหาประมาณมิได้ ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำและเบื้องล่าง โดยประการทั้งปวง จิตเกื้อกูล หาประมาณมิได้ เป็นจิตบริบูรณ์อันผู้นั้นอบรมมาดีแล้ว กรรมใดที่เขาทำแล้วพอประมาณ กรรมนั้นจะไม่เหลืออยู่ในจิตของเขานั้น"
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#18 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 09 January 2006 - 08:06 PM

เรียน คุณ babyboat

โปรดละอคติกับคำว่า"ธรรมกาย"กับวัดเถิด อย่านำข่าวสารที่ได้มาเป็นตัวตัดสิน เพราะที่คุณทราบเป็นเพียงข้อเท็จจริง(จริง+เท็จ) เพราะคุณเองก็ทราบอยู่แล้วว่า ไม่เคยมีสื่อใดเลยที่จะยอมรับผิดมาแก้ข่าวเมื่อความจริงปรากฏ

ที่วัดพระธรรมกายตั้งขึ้น นอกจากจะจรรโลงหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังเผยแผ่ธรรมะไปสู่นานาประเทศโดยปรารถนาให้ชาวโลกอื่นๆ ได้มีโอกาสปฏิบัติและเข้าถึงธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกๆชีวิตแสวง

ในฐานะที่เคยเป็น จนท.การเงินของวัดมาก่อน ก็ทราบว่าเงินทำบุญบริจาคนั้น รับมาก็จ่ายไปตลอดเวลา

ตอนนี้เป็นคนนอกวัดเหมือนคุณแล้ว ยังศรัทธาที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่หนึ่งสอนให้รู้จักเป้าหมายชีวิต ทั้งยังสอนให้เราเกื้อกูลศาสนสถานอื่นๆ อาทิ วัดใกล้บ้าน ตลอดจนสังคม เช่น วัดใน 3จังหวัดภาคใต้ ซึ่งหน่วยงานอื่นๆไม่ค่อยจะสนใจไปดูแล โครงงานของวัดนั้นมากกว่าที่คุณสัมผัส ผู้มาวัด ส่วนใหญ่มีศรัทธา ไม่ได้บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด

ปรารถนาเพียง ขอให้คุณได้ศึกษาและทราบความหมายที่แท้จริงของ"ธรรมกาย"แล้วคุณจะเข้าใจ
ยิ่งคุณได้เข้าถึง"ธรรมกาย"แล้ว คุณจะเป็นคนหนึ่งที่พบคำตอบที่แสวงหาในความสุขอันไม่มีประมาณ

#19 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 10 January 2006 - 05:18 AM

" Dear Friend
I am a thai woman who live in Denmark ( in a smal town and alone with my daughter 7 years old ). I would like to have a friend who I can talk with about Dhramma. I am 41 yeras old and start to learn to know about tempel and dmc.tv in august 2005. It is not easy to find someone to talk with about Dhramma. I hope you are interest to contact with me. If it is, could you please contact me at my phone home: 00 45 97 22 09 77 or mobile 00 45 50 14 90 20. ( sms ) I can call you back too.
Thank you very much for your kindness.
Happy New Year 2006
Ni. "

Khun Ni pls contact :

Wat Buddha Copenhagen
Bronzealderen 2, 2640 Hedehusene, Denmark
Tel. +(45) 46 59 00 72 , +(45) 46 59 36 37
Mobile : +(45) 20 70 74 59
Email : [email protected]



คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#20 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 11 January 2006 - 11:06 AM

เข้าใจนะครับว่าคุณคงมีอคติกับวัดอยู่มาก
เห็นคำถามตอนแรกก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้ตั้งใจอยากจะรู้คำตอบ

ถ้าเป็นกรณีแบบนี้แล้ว
บอกได้เลยว่าที่คุณมาโพสในนี้ ไม่มีทางที่คุณจะได้คำตอบอะไรหรอกครับ
ถึงแม้จะมีคนที่มาตอบอธิบายอะไรต่างๆมากมายแค่ไหนก็ตาม

เพราะอะไร? ก็เพราะใจคุณปิดอยู่ไง
ถ้าใจปิดเสียแล้ว ก็ไม่มีทางจะเข้าใจได้ (ไม่เข้าไปในใจ)

ก็อยากจะขอให้คุณโบ๊ตลองเปิดใจดู ลองมาวัดดู ลองคุยไปกับคนในวัดดู
ลองอ่านหนังสือของวัดดู ถ้าลองแล้วยังมีอะไรติดขัด ก็ลองมาโพสถามใหม่ดีมั้ยครับ

ปล. การติดจานให้โรงเรียนต่างๆคือการให้ธรรมทาน เป็นทานชั้นเลิศ เป็นการทำบุญ"จริงๆ"ครับ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#21 babyboat

babyboat
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 January 2006 - 12:24 PM

คุณผู้มาเยือน โพสที่ 18 และพี่ๆทุกคนครับ

เรื่องการทำบัญชีของวัดอ่ะครับ
ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือสมาคม จำเป็นต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี รับรองสถานะทางการเงินและงบการเงิน ผมขอทราบว่า สำนักงานหรือบริษัทอะไรเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของวัดเร๋อครับ และข้อมูลด้านการเงินเป็นความลับหรือไม่ และสามารถเปิดเผยได้หรือป่าว ผมอยากทราบว่า เงินรับที่ได้ในแต่ละปี ส่วนใหย่นำไปทำทานเรื่องใดบ้าง และมีประโยชน์เพียงใด

ใจผมไม่ได้ "ปิด" และตัวผมเองก็มีความจำเป็นต้องมี "ที่พึ่ง"ทางใจ อีกทั้งเนื่องจาก เพื่อน พี่ ญาติ หลายๆคนก็เข้าวัดที่ธรรมกายอยู่เป็นประจำ และผมเองก็ได้พูดคุยกับพวกเขาบ่อยครั้ง ผมก็กำลังพยายามทำความเข้าใจกับหลักการของวัดก่อนที่จะเข้าไปสัมผัสอย่างจริงจัง และไม่เคยมีอคติอะไรมาก่อน เพียงแค่เห็นว่านโยบายของวัด ไม่ตรงผมหลายอย่าง อาทิเช่น

การทำบุญ=> ทางวัดไม่สนับสนุนให้ทำบุญกับคนยากจนหรือ ขอทาน แต่ให้มาทำบุญกับที่วัดเอง เหตุผลคือ การทำบุญกับบุคคลทั่วไปนั้น หากผู้อื่นนำเงินบริจาคของคุณ ไปทำการอะไรที่ผิดๆ เช่น เอาไปซื้อยาเสพย์ติด หรือ เล่นการพนัน ศีลที่คุณได้ ก็จะไม่เป็นศีลบริสุทธิ หรืออาจจะทำให้คุณเปนบาปด้วยซ้ำ
หากทำบุญให้กับวัด พระท่านต้องนำเงินมาสร้างวัดสร้างเจดีย์ และเผยแผ่ธรรมทาน ซึ่งคุณจะได้ทานชั้นเลิศ หรือ บุญบริสุทธิจริงๆ

รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำ หากผมมีความเข้าใจอะไรผิดๆไป ผมก็ไม่ต้องการให้ตัวเองเข้าใจผิด ถ้าสิ่งนั้นดีจริง แต่ขอบอกว่า ผมไม่เคยเชื่อใครง่ายๆ ไม่ว่าจะมาจากในหรือนอกวัดก็ตาม และสิ่งที่ผมได้ยินมา ก็มาจากคนในวัดเองเท่านั้น

ปล. ที่ผมโพสไปถามเรื่องดุสิตบุรีนั้น ผมต้องการคำตอบเพราะผมไม่รู้จิงๆครับ ต้องขอโทดทุกคนด้วย

#22 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 11 January 2006 - 02:22 PM

เรียนน้องโบ๊ต

ปุจฉา: เรื่องการทำบัญชีของวัดอ่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือสมาคม จำเป็นต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี รับรองสถานะทางการเงินและงบการเงิน ผมขอทราบว่า สำนักงานหรือบริษัทอะไรเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของวัดเร๋อครับ และข้อมูลด้านการเงินเป็นความลับหรือไม่ และสามารถเปิดเผยได้หรือป่าว ผมอยากทราบว่า เงินรับที่ได้ในแต่ละปี ส่วนใหย่นำไปทำทานเรื่องใดบ้าง และมีประโยชน์เพียงใด

วิสัชนา: โดยตรงอาจต้องลองสอบถามมูลนิธิธรรมกายดู แต่น่าจะเป็น Confidencial แต่แนะให้น้องลองประเมินดุลทางอ้อมดูนะ โดยมาวัดเช้าๆหน่อย มาบวกลบคูณหารคร่าวๆ เช่น
ด้านรายรับ อาจประมาณจากจำนวนผู้มาวัดที่มาหยอดตู้ ถวายภัตตาหาร-อัฐบริขาร หรือดูแถวที่จุดรับบริจาค หรือดูจำนวนที่ถวายครูไม่ใหญ่ คร่าวๆตามหลักสถิติ
ด้านรายจ่ายลองดูที่ การจัดดอกไม้ ชุดถวายข้าวพระ ค่าแรงงาน จนท.วัด(ไม่นับอาสาสมัคร) ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ารถบัสรับ ส่ง ค่าเช่าจานดาวเทียม ค่าอุปกรณ์โสต ค่าอาหาร ในงานบางครั้งมีค่าโคมประทีป ผ้า-พรมปูพื้น สร้างวิหารคด ไหนจะต้องบริจาควัดภาคใต้ ช่วยเกื้อกูลศูนย์ในต่างประเทศอีก

เคยพาเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์มา แรกๆเขาก็มองแต่รายได้ แต่พอเขามองรายจ่ายจากการประเมินแต่ละงาน เขาถึงกับอึ้งเลยว่า รายจ่ายสูงนะ ขนาดประหยัดค่าแรงอาสาสมัคร

ที่ว่าใจผมไม่ได้ "ปิด" ก็ถูก แต่อาจได้ยินบางข่าวจึงไม่กล้ามาสัมผัสหรือเปล่า เพราะสิ่งนี้ทำให้เราหย่อนศรัทธาลงไปนะ มากับญาติ มาสัมผัส ทำความเข้าใจ อย่ากลัวเลยว่าจะมีวิชามาสะกดจิตเราหรือบังคับใจเรา ตัวเราเองมาที่นี่เพื่อต้องการรู้หลักในการหา ที่พึ่ง ทางใจเหมือนกัน

ปุจฉา: การทำบุญ=> ทางวัดไม่สนับสนุนให้ทำบุญกับคนยากจนหรือ ขอทาน แต่ให้มาทำบุญกับที่วัดเอง เหตุผลคือ การทำบุญกับบุคคลทั่วไปนั้น หากผู้อื่นนำเงินบริจาคของคุณ ไปทำการอะไรที่ผิดๆ เช่น เอาไปซื้อยาเสพย์ติด หรือ เล่นการพนัน ศีลที่คุณได้ ก็จะไม่เป็นศีลบริสุทธิ หรืออาจจะทำให้คุณเปนบาปด้วยซ้ำ
หากทำบุญให้กับวัด พระท่านต้องนำเงินมาสร้างวัดสร้างเจดีย์ และเผยแผ่ธรรมทาน ซึ่งคุณจะได้ทานชั้นเลิศ หรือ บุญบริสุทธิจริงๆ
วิสัชนา: ทางวัดสอนให้คนมาวัดใช้ดุลพินิจฉลาดในการทำบุญ รู้เท่าทันในความเสื่อม เพราะ การทำบุญกับคนยากเป็นไปเพื่อให้หายทุกขเวทนาจากความหิวโหย การดิ้นรนเรื่องปากท้อง เป็นมื้อๆแล้วก็ขาดตอน แต่การทำบุญกับเนื้อนาบุญเป็นการต่ออายุพระศาสนา ให้จรรโลงกับสังคม ให้ผู้ขาดโอกาส(ทั้งยากจน-ร่ำรวย)ได้ศึกษาปฏิบัติรู้ที่มาและความเป็นไป อันเป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์ทั้งมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ ตลอดจนนิพพานสมบัติ แถมเป็นทรัพย์ที่ข้ามภพข้ามชาติได้

คุณสมบัติที่ว่า ผมไม่เคยเชื่อใครง่ายๆ ไม่ว่าจะมาจากในหรือนอกวัดก็ตาม และสิ่งที่ผมได้ยินมา ก็มาจากคนในวัดเองเท่านั้น เป็นสิ่งดี ถ้าไม่ได้พิสูจน์เวลาก็จะผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มนุษย์ยุคนี้อายุขัยเฉลี่ย 75ปี หรือ 2หมื่นกว่าวัน ถือว่าสั้นนะ

แฮก แฮก เขียนจนเหนื่อย แต่ก็เต็มใจตอบนะ ท้ายนี้ขอให้น้องโบ๊ตได้พบกับ ที่พึ่ง อันแท้จริงตามที่ปรารถนาไว้ เชื่อว่ากัลยาณมิตรหลายท่านในเว็บนี้คงเอาใจช่วยให้น้องสมปรารถนาเช่นกัน

#23 babyboat

babyboat
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 January 2006 - 05:16 PM

การทำบุญให้กับเด็กกำพร้า คนตาบอด คนไร้โอกาศ ถือว่าเป็นการทำบุญที่ไม่ควรด้วยหรือเปล่าครับ
สรุปแล้ว เราไม่ควรบริจาคทานกับคนยากแล้วเร๋อครับ!!
สำหรับผม ถึงมันจะไม่ได้บุญกับตัวผมเองจริง ผมก็คงดีใจที่เห็นเงินของผม ทำให้คนยากที่แม้แต่โอกาศมาวัดธรรมกายยังไม่มี มีความสุขขึ้น และถึงแม้มันจะช่วยเพียงความสุขชั่วครู่ แต่ก็เป็นชั่วครู่ที่จำเป็นเพราะคงไม่มีใครอดข้าวได้นาน ตอนนี้ผมก็ยังดีใจที่เห็นคนยากไร้ ได้มีความสุขทางกาย ถึงจะไม่อิ่มบุญ แต่อิ่มท้องแน่นอน ถึงจะไม่เป็นคนจิตใจธรรมะธรรมโม แต่ก็ยังมีโอกาศรับการศึกษา และถึงแม้จะใม่มีความสุขในชาติหน้า ก็ขอให้ไม่อดตายในชาตินี้
ผมไม่เคยมีอคติกับวัดเลย แต่ผมเริ้มสงสัยเนื่องจาก ครั้งนึง ผมและเพื่อนกำลังจะทำบุญให้เด็กๆกำพร้าภาคใต้ที่พ่อแม่ตาย ช่วงเหตุการณ์ Tsunami ลูกศิษย์วัดคนนึง พยายามพูดให้ผมนำเงินนั้นไปบริจาควัดธรรมกาย ส่วนเหตุผลคือ “ทำให้วัดได้บุญมากกว่า”
ถึงวัดก็จะนำเงืนมาทำประโยชน์ทางศาสนาอะไรซักอย่างในภาคใต้ก็ตาม ก็ไม่ควรชักจูงคนทั้งที่เป็นศิษย์วัดหรือไม่เป็น ให้ไม่ทำทานในด้านหนึ่งๆ แต่ไปทำให้วัดแทนด้วยเหตุผลในลักษณะดังกล่าว

ปล. ผมไม่คำนึงเรื่อง วัดจะมีรายได้ ค่าใช้จ่าย หรือ กำไร ขนาดไหน และผมก็ไม่คิดว่า วัดจะนำเงินบริจาคหายออกไปจากวัด แต่ผมแค่อยากรู้ว่า วัดเอาเงิน “ไปทำบุญอะไรบ้าง” เท่านั้นเอง


#24 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 12 January 2006 - 11:43 AM

ปุจฉา การทำบุญให้กับเด็กกำพร้า คนตาบอด คนไร้โอกาส ถือว่าเป็นการทำบุญที่ไม่ควรด้วยหรือเปล่าครับ สรุปแล้ว เราไม่ควรบริจาคทานกับคนยากแล้วเร๋อครับ!!

วิสัจชนา สรุปว่าไม่ใช่ ที่กล่าวมาถือเป็นการทำบุญ บุญกุศลป็นเรื่องเบาๆ สบายอก สบายใจ สั่งสมไปเถิด จะให้ใครผู้ใด ล้วนดีทั้งนั้น
เีพียงแต่เราเสวนากันในเชิงกรณีศึกษาว่า ในการทำบุญ ทำอย่างไรจึงจะส่งผลได้มากนั้นขึ้นกับ
-ผู้ให้ วัตถุทาน ผู้รับ ว่าบริสุทธิ์มากน้อยเพียงใด(หมายเอาถึงศีล)
-บริจาคให้คนหมู่มากเพียงใด(โดยเฉพาะสังฆทาน)
-เป็นกาลทาน(เช่น กฐิน)
-ความตั้งใจหรือเจตนาก่อนทำ
-ความเลื่อมใส-ศรัทธา
-ทำสั่งสมเป็นประจำ ทับทวี
-มุฑิตาจิตกับผู้ร่วมทำบุญ
-อธิษฐานตั้งเป้าหมายการสร้างบุญบารมี
-จิตเป็นสมาธิรองรับบุญ ทุกครั้งที่มีงานที่วัดจะต้องนั่งสมาธิก่อนเสมอ

ปุจฉา สำหรับผม ถึงมันจะไม่ได้บุญกับตัวผมเองจริง ผมก็คงดีใจที่เห็นเงินของผม ทำให้คนยากที่แม้แต่โอกาสมาวัดธรรมกายยังไม่มี มีความสุขขึ้น และถึงแม้มันจะช่วยเพียงความสุขชั่วครู่ แต่ก็เป็นชั่วครู่ที่จำเป็นเพราะคงไม่มีใครอดข้าวได้นาน ตอนนี้ผมก็ยังดีใจที่เห็นคนยากไร้ ได้มีความสุขทางกาย ถึงจะไม่อิ่มบุญ แต่อิ่มท้องแน่นอน ถึงจะไม่เป็นคนจิตใจธรรมะธรรมโม แต่ก็ยังมีโอกาสรับการศึกษา และถึงแม้จะใม่มีความสุขในชาติหน้า ก็ขอให้ไม่อดตายในชาตินี้
ผมไม่เคยมีอคติกับวัดเลย แต่ผมเริ้มสงสัยเนื่องจาก ครั้งนึง ผมและเพื่อนกำลังจะทำบุญให้เด็กๆกำพร้าภาคใต้ที่พ่อแม่ตาย ช่วงเหตุการณ์ Tsunami ลูกศิษย์วัดคนนึง พยายามพูดให้ผมนำเงินนั้นไปบริจาควัดธรรมกาย ส่วนเหตุผลคือ “ทำให้วัดได้บุญมากกว่า”

วิสัชนา ทำไปเถิด สา...ธุ ดีแล้ว การทำบุญเป็นเรื่องฉันทะ ตัวเราเองก็เลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านปากเกร็ด คนพิการ-ตาบอด ผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังร่วมบริจาค UNICEF และองค์กร CARE อยู่ด้วย ปล่อยปลาไข่ ไถ่โค ทำมากได้มาก ทำสุดตัว ไม่ทำเกินตัว

ปุจฉา ถึงวัดก็จะนำเงืนมาทำประโยชน์ทางศาสนาอะไรซักอย่างในภาคใต้ก็ตาม ก็ไม่ควรชักจูงคนทั้งที่เป็นศิษย์วัดหรือไม่เป็น ให้ไม่ทำทานในด้านหนึ่งๆ แต่ไปทำให้วัดแทนด้วยเหตุผลในลักษณะดังกล่าว ปล. ผมไม่คำนึงเรื่อง วัดจะมีรายได้ ค่าใช้จ่าย หรือ กำไร ขนาดไหน และผมก็ไม่คิดว่า วัดจะนำเงินบริจาคหายออกไปจากวัด แต่ผมแค่อยากรู้ว่า วัดเอาเงิน “ไปทำบุญอะไรบ้าง” เท่านั้นเอง

วิสัชนา อันนี้ตอบแทนเพื่อนที่ชักชวนไม่ได้ แต่เข้าใจว่าการเชิญชวนเป็นสิ่งดี เป็นทางเลือกหนึ่ง หากเราไม่มีฉันทะ ก็ควรแสดงมุฑิตาจิตกันไป จะรู้ว่าวัดนำเงินไปทำอะไรคงต้องหาข่าวจากคนไปวัด ดู DMC หรือแน่ๆก็ต้องเป็นเป็นเหรัญญิกวัด อย่างงานรำลึกสึนามิที่ปล่อยโคมครั้งแรก ทางวัดออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด รัฐไม่ได้ออกเลยนะ ก็ไม่รู้จะไปทำ PR เพื่อเอาหน้าตาไปทำไมว่าวัดออกเงิน การบริจาคสิ่งของก็ส่งลงใต้เป็น Containers เลยแถมระดับเจ้าอาวาสยังต้องลงไปเอง ก็ไม่รู้ว่าจะไปโฆษณาทำไม เพราะจุดประสงค์ที่ต้องการคือให้ถึงมือผู้เดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์เขา ถึงบอกไงว่าถ้าจะรู้ต้องมาสัมผัสบรรยากาศเอง มาเป็นอาสาสมัครจะได้รู้ว่าเขาทำอะไร ถ้าไม่มามัวแต่ฟังคนโน้นคนนี้ ก็รู้เพียงแค่นี้ ที่ทำน่ะ ดีแล้ว ขอให้สั่งสมต่อไปนะ

#25 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 12 January 2006 - 11:59 AM

QUOTE
ถึงบอกไงว่าถ้าจะรู้ต้องมาสัมผัสบรรยากาศเอง มาเป็นอาสาสมัครจะได้รู้ว่าเขาทำอะไร ถ้าไม่มา มัวแต่ฟังคนโน้นคนนี้ ก็รู้เพียงแค่นี้

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

#26 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 12:45 AM

QUOTE
เรื่องการทำบัญชีของวัดอ่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือสมาคม จำเป็นต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี รับรองสถานะทางการเงินและงบการเงิน ผมขอทราบว่า สำนักงานหรือบริษัทอะไรเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของวัดเร๋อครับ และข้อมูลด้านการเงินเป็นความลับหรือไม่ และสามารถเปิดเผยได้หรือป่าว ผมอยากทราบว่า เงินรับที่ได้ในแต่ละปี ส่วนใหย่นำไปทำทานเรื่องใดบ้าง และมีประโยชน์เพียงใด

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ตอบ
เรื่องบัญชีผมเองก็เคยคิดแบบคุณโบ๊ตครับ อยากให้วัดแสดงทรัพย์สิน หนี้สิน รายรับ-รายจ่ายแจ้งให้สาธุชนได้ทราบ เพราะเงินในระบบขององค์กรวัดค่อนข้างจะไหลเวียนเยอะมากจนเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศไปแล้วครับ ถ้าเป็นวัดเล็กๆ คงไม่มีคนสนใจมากหรือจับผิดมากขนาดนี้ เรื่องนี้ผมก็เห็นด้วยครับ แต่ถ้าจะให้มีการโชว์บัญชีในทางปฏิบัติผมว่าคงทำไม่ได้หรอกครับผมตอบแทนวัดได้ครับ

สำหรับเรื่องการทำบุญนั้น ถ้าคุณโบ๊ตรู้สึกตะขิดตะขวงใจ สงสัย ลังเล ผมว่าเปลี่ยนวัดทำบุญก็ได้ครับ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยเข้าวัดและออกจากวัดไปเหมือนด้วยเหตุผลแบบนี้มาเหมือนกันครับ ขอเพียงคุณไม่ยึดติดในตัวบุคคลหรือภาพลักษณ์ ไม่ว่าวัดไหนในพระพุทธศาสนาทำบุญไปเถอะครับดีทั้งนั้นแหละครับ หรือไม่ก็ไปทำบุญที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปกราบศพพระเดชพระคุณหลวงปู่สด ก็ได้บุญเหมือนกันครับไม่ต้องกลัวว่าจะตกบุญเพราะที่วัดปากน้ำก็มีศพหลวงปู่องค์จริงๆ ครับ การทำบุญอย่าปล่อยให้ความสงสัยขัดขวางทางบุญครับทำไปเถอะ ไม่ว่าจะเป็นให้ข้าวหมาแมวกิน เลี้ยงข้าวน้อง เด็กยากไร้ บริจาคการกุศลต่าง ๆ ทำไปเถอะครับ เพราะอานิสงค์ก็คือ คุณจะเป็นที่รักของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลายครับ ไม่ว่าจะเกิดไปกี่ภพชาติ คนยากไร้จะรักคุณ จะเคารพคุณ เพราะคุณมีใจเมตตาเคยให้ความช่วยเหลือเขาเหล่านั้นมาครับ แม้แต่พระเวสสันดร ท่านยังทำทานบารมีแบบไม่จำกัดจำเขี่ยเลยครับ ดูพระพุทธเจ้าเราเป็นหลักก็ได้ครับจะได้ไม่หลงทาง

ถ้าทำบุญแล้วกลัวจะได้บุญไม่บริสุทธิ์ผมขอแนะนำให้ทำบุญดังนี้ครับ
- บริจาคกับสภากาชาดไทย
- บริจาคกับในหลวงในโครงการชัยพัฒนา
- บริจาคมูลนิธิช่วยเหลือเด็กโรคหัวใจ ในสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ฯลฯ
- หลังจากทำบุญทำใจให้บริสุทธิ์ด้วยทุกครั้งครับ ว่าขอกิเลสมารคือการหวงแหนตระหนี่ในทรัพย์จงหมดไป ขอกิเลสมารคือการหวงแหนตระหนี่ในบุญจงหมดไป(ไม่กลัวว่าจะได้บุญน้อยหรือมาก) เศรษฐีถ้าเกิดมารวยแล้วไม่ช่วยเหลือใครก็รวยเสียเปล่า? วัดถ้ารวยแล้วไม่ช่วยเหลือสังคม? ไม่อุปถัมป์สังคมก็วัดรวยเสียเปล่า?? ณ ปัจจุบันนี้ผมกลับเข้าวัดมาใหม่เพราะวัดได้ช่วยเหลือพระภาคใต้ ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก วัดเริ่มหันหน้าเข้าหาสังคมแล้ว ต้านเหล้าเบียร์เข้าตลาดสำเร็จ ผมขอโมทนาสาธุการเฉพาะในเจตนาที่ดีด้วยครับ


ขอทิ้งท้ายด้วยคำสอนของหลวงพ่อสดครับ
ทาน "การให้"

"ทานนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระททำอย่างยิ่ง แต่ต้องไม่มุ่งหวังสิ่งใด เช่นถ้าให้ข้าวแมวกินอิ่มหนึ่งเพื่อเลี้ยงมันไว้กัดหนู อย่างนี้ไม่เป็นทาน เพราะมุ่งประโยชน์ของผู้ให้ แต่ถ้าให้ข้าวมันกินเพื่อให้มันหายอดอยากเท่านั้น ไม่ต้องการสิ่งใดจากมันอย่างนั้นจึงจะจัดเป็นทาน การให้อาหารแก่สัตว์อื่นๆ ก็เช่นกัน ต้องให้โดยไม่มุ่งหวังเอาอะไรจากมัน ถ้าเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้านกันขโมยก็ไม่จัดเป็นทาน ต้องให้ด้วยอาการซื้อตรงคือ สงสารมัน เวทนามัน คิดว่าถ้าเราไม่ให้มัน มันก็ตายเปล่า มันต้องอาศัยเรา"

ที่มา : อมตวาทะ ของพระมงคลเทพมุนี พระธรรมเทศนาหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

#27 art

art
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 01:21 AM

เป็นอะไร? อย่างไรหน่ะ? ขอบอกว่าอธิบายได้ยากจัง แต่รู้อย่างเดียวว่าผมอยากไป และจะต้องไปให้ได้ด้วย ยังไงก็ไปด้วยกันนะครับ ... 555

#28 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 January 2006 - 08:24 PM

อนุโมทนากับคุณ xlmen ด้วยค่ะ ตอบได้เข้าใจง่ายดีค่ะ

#29 babyboat

babyboat
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 January 2006 - 10:14 AM

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ เรื่องการทำบุญนั้นตอบคำถามผมค่อนข้างชัดเจน และอย่างน้อยก็รู้ว่า คนธรรมกายไม่ได้ขัดในเรื่องการทำทานด้านอื่นๆ โดยเฉพาะคุณ xlmen ที่ว่า "ขอเพียงคุณไม่ยึดติดในตัวบุคคลหรือภาพลักษณ์ ไม่ว่าวัดไหนในพระพุทธศาสนาทำบุญไปเถอะครับดีทั้งนั้นแหละ"

ผมขอเพิ่มอีกนิดครับ สำหรับหลายคนที่อาจไม่ได้เดินตามแนวคิดคุณ xlmen
"ยังงัยก็ตาม อย่าตะขิดตะขวงที่จะเลือกทำบุญด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้บุญมากกว่าหรือน้อยกว่า"
เพราะบุญที่คุณได้รับก็คงไม่บริสุทธิ์แต่แรกแล้วล่ะครับ

และขอบคุณสำหรับคำเชิญให้ไปลองเข้าวัดนะครับ จะลองไปดูหากมีโอกาศ