ทำบุญใหญ่แต่ใจไม่ใสเลย ทำอย่างไรดีคะ
#1
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 07:52 PM
และ เมื่อกี้นี้ คุณแม่ก็ชวนร่วมบุญแผ่นฌานอีก 1 บาท น้องก็ตอบตกลงร่วมบุญกับคุณแม่ค่ะ
แต่ที่ใจไม่ใสเลย เป็นเพราะว่า ...
ตอนนี้น้องยังเป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ต่างประเทศ คุณพ่อคุณแม่ก็จะส่งค่าขนมให้เป็นไตรมาสค่ะ สามเดือนจะส่งมาครั้งนึง จำนวนเงินก็เยอะอยู่ค่ะแต่ถ้าหักลบกลบหนี้ 3 เดือน ก็พอดี ไม่เหลือไม่ขาดค่ะ
แต่เดือนที่แล้วนี้ คุณพ่อตัดสินใจว่าจะให้เงินพิเศษเผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น 2หมื่นบาท ซึ่งน้องก็คิดว่ามันจำเป็น เพราะน้องอยู่เมืองไทยคนเดียว เผื่อฉุกเฉินจะได้ไม่เดือดร้อน คุณแม่ก็เห็นว่าน้องมีเงินเก็บ ก็เลยชวนร่วมบุญหล่อหลวงปู่ทองคำไป 1 บาท (1หมื่น5พันบาท) คือที่น้องตอบตกลงไป บอกตรงๆว่า ไม่อยากขัดใจคุณแม่ค่ะ - -"
คือน้องคิดว่า น้องยังไม่มีกำลังทำบุญใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่างคือ น้องควรจะมีเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉินน่ะค่ะ เงินสำรองที่เหลือ 5พันบาทนั้น ก็ต้องเอาไว้ใช้ยามที่ค่าใช้จ่ายมันเกินวงเงินแต่ละเดือน เช่น ทำรายงาน ซื้อหนังสือ หรือถ้าไม่สบายไปหาหมอ ฯลฯ (ท่านที่เคยอยู่หอคนเดียวน่าจะทราบดีว่า ลำบากกว่าอยู่บ้านมากมาย T^T)
คือน้องก็ร่วมบุญสม่ำเสมอนะคะ ถึงจะเป็นเงินไม่มากแต่ก็เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรง (ทำงานพิเศษ) แต่ที่คุณแม่มาบอกบุญนี่ .. น้องคิดว่าตัวเองยังไม่มีกำลังขนาดนั้นน่ะค่ะ - -"
และวันนี้คุณแม่ก็ชวนร่วมบุญแผ่นฌานอีก 1 บาท โดยจะหักจากเงินสำรองของน้องในไตรมาสหน้า - -" น้องก็ตอบตกลงไปอย่างขัดไม่ได้
คือน้องพยายามคิดในแง่ดีว่า เราได้ทำบุญใหญ่นะ หรือ อย่างน้อยเราก็มีเงินใช้ไม่เหลือไม่ขาดนะ แต่ ..
ยังไงมันก็ขุ่นอยู่ดีอะค่ะ ไม่อยากทำบุญใหญ่แล้วใจหมองเลย ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆค่ะ - -"
ขอคำแนะนำจากพี่ๆหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ T^T
#2
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 09:30 PM
#3
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 10:15 PM
#4
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 10:20 PM
พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องนะ แต่พี่ก็เห็นด้วยกับพี่บุญเชื่อมที่ว่า ในการทำบุญให้ใจใส ๆ อย่าขุ่นมัว
ดูอย่างพี่นะ บ้านพี่ไม่มีอะไรเลย พี่เป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูทุกคน ตัวพี่ตอนนี้ก็ลาออกจากที่ทำงานมาช่วยงานวัดเต็มตัว เงินเดือนเหรอไม่ต้องพูดถึง.........เปรียบเทียบกับตอนทำงานนั้นไม่ได้เลย
แต่ทำไมรู้ไหม พี่ก็ยังปลื้มสุด ๆ ที่ตัวพี่มีเงินเก็บไม่มากเท่าไร และเป็นเงินเก็บก้อนสุดท่้ายที่ทั้งบ้านมี ถึงรู้ว่า เป็นเงินที่เราเก็บหอมรอมิบมานาน ด้วยความเหนื่อยยาก และเป็นเงินเพียงก้อนเดียวที่จะจุนเจือครอบครัว และเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เรามีกัน
แต่ว่า พี่กับคุณแม่ ก็ตกลงกันว่า "ถอนปิดบัญชี" เพื่อทำบุญกับหลวงปู่หมดเลย เพราะว่าไม่มีอะไรสำคัญไปเท่ากับความกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ สำคัญไปกว่าเงินที่มีเสียอีก ของนอกกายไม่นานก็หาใหม่ได้ ทำบุญกับหลวงปู่ไม่มีอดแน่นอน
พี่จึงอยากบอกน้องว่า พี่ขออนุโมทนาบุญด้วยนะกับการตัดสินใจตอบคุณแม่ไปเช่นนั้น และขอให้ทำได้อย่างใจใส ๆ ด้วยนะ
แล้วเจอกันนะ
อนุโมทนาบุญด้วยจ้า
#5
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 10:34 PM
#6
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 11:04 PM
เคยทำบุญเทกระเป๋าชนิดไม่เหลือ แต่แปลกค่ะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มีคนมาเลี้ยงข้าวทุกวันไม่เคยขาดเลยจนกระทั่งเงินเดือนออก แล้วที่แปลกกว่านั้นก็คือ คนที่มาเลี้ยงข้าวไม่ได้เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวราดแกงนะคะ ล้วนเป็นอาหารโรงแรมห้าดาวทั้งสิ้น โต๊ะจีนบ้าง อาหารฝรั่งบ้าง อาหารจีนบ้าง ส้มตำ อิ่มพุงกางทุกมื้อ .......ไม่รู้จะเชื่อกันหรือปล่าวแต่พี่ก็เล่าจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับพี่นะคะ งงมากๆเลย ขำด้วยแล้วก็เชื่อมั่นในอานุภาพบุญมากยิ่งๆขึ้นเลยค่ะ จริงๆนะคะ
#7
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 11:05 PM
ลองคุยกับคุณแม่ตรงๆ ซิคะว่าขอทำแบบร่วมบุญกับคุณแม่ได้มั้ย ถ้าคุณแม่จะหักจากเงินสำรองไตรมาสหน้า ขอตกลงกันก่อนได้มั้ยว่า ถ้าตังไม่พอใช้ตอนนั้น คุณแม่ส่งมาเพิ่มให้หนูนะ
เพราะมีลูกอยู่ในวัยบีบีน้อยเหมือนกัน บางทีคุณแม่อาจไม่รู้ว่าเราลำบาก วัยนี้มีกิจกรรมเยอะ ถ้าเราไม่ได้พูดให้ท่านรู้ ท่านก็นึกว่าเรา O.K.ไม่เดือดร้อน
ทำบุญต้องปลื้มกับบุญทั้งก่อนทำ ขณะที่ทำและหลังทำ แม้จะทำได้น้อยลงไปสักหน่อย แต่ใจใสปลื้มทุกขณะ ย่อมส่งผลดีกว่า
แต่ต้องขอชมว่าบีบีน้อยเป็นเด็กดีมากที่ไม่ขัดใจคุณแม่ น่ารักมาก เข้าใจในความหวังดีของท่าน ยังไงลองคุยกับท่านดูนะคะ บอกความรู้สึกของเราให้ท่านทราบ เราจะได้สบายใจ
ขอให้ทำใจใสๆ ให้ได้นะคะ ตอนนี้บุญเกิดแล้วถ้าตังไม่พอจริงๆ ตอนนั้น มาเอาสำรองที่ SuperMom ก่อนได้
เพราะฉนั้น ตอนนี้สบายใจได้นะคะ
ข้าวรวงงาม ย่อมโน้มต่ำ
#8
โพสต์เมื่อ 16 October 2008 - 11:59 PM
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#9
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 10:39 AM
โหลดหนังสือ เด็กสลัม กับเคล็ดลับรวยโคตร ไปอ่านให้ใจใส ใจสบายสิคะ
บีบีน้อย โชคดีมากที่ได้ร่วมบุญกับวัดพระธรรมกายตั้งแต่ยังเยาว์ อธิษฐานจิตกับหลวงปู่ดี ๆ แล้วจะรู้ว่าอานุภาพไม่มีประมาณเป็นอย่างไร
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#10
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 11:21 AM
#11
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 11:48 AM
#12
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 12:07 PM
เพราะคุณแม่ก็คงจะเข้าใจว่าหากเราทำบุญด้วยความไม่เต็มใจ
เราทำไปหมื่น 5 อาจจะได้บุญไม่เต็มที่
มันเหมือนการเสียของหน่ะครับ
แถมอาจจะสร้างความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นกับวัดได้
ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย
เหตุที่ทำบุญมากแล้วใจไม่ใสก็เพราะ
จำใจทำบุญมากกว่าศรัทธาที่มีนั่นเอง
เช่น ถ้าตัวน้องมีศรัทธาอยู่ 1000 บาท(เปรียบเทียบ)
แล้วทำบุญ 1000 บาทก็จะรู้สึกปลื้ม
แต่ต้องทำ 15,000บาทก็เลยรู้สึกไม่ค่อยดี
ส่วนคนที่ทำแล้วปลื้มแม้ว่าจะทำมากก็เพราะ
ศรัทธาของเขามีมากกว่าหรือเท่ากับเงินที่ทำบุญไป
เช่น บางคนมีศรัทธา 15,000 บาท พอทำบุญไป 15,000 บาทก็ปลื้มมากๆ
บางคนมีศรัทธา100,000,000 พอทำบุญ 1,000,000 บาทเขาก็ปลื้มมาก
แต่เขาก็อยากทำให้มากขึ้นอีกเพราะเขายังทำไม่เท่าศรัทธาที่เขามีนั่นเอง
น้องจึงควรทำสองอย่างก็ตือ
คุยกับคุณแม่ให้เข้าใจ ซึ่งก็จะทำให้เราได้บุญเต็มที่แม้ทำเพียงแค่ 1000ก็ตาม
แต่ในขณะเดียวกันก็ควรจะศึกษาธรรมะเพิ่มเติม
เพื่อเพิ่มศรัทธาให้มากขึ้น(โดยใช้ปัญญา)
คือบุญที่ทำเป็นเป็นบุญใหญ่ แต่ใจไม่เปิดรับก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
แต่มองอีกแง่หนึ่งวันหนึ่งน้องเข้าใจธรรมะมากขึ้นก็อาจจะดีใจกับบุญที่ได้ทำก็ได้นะครับ
ทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่กำลังทรัพย์และศรัทธาของเรามี
#13
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 12:11 PM
- จะก่อการดีต้องเพิ่มกำลังนะ เค้าเรียกว่า พละ5
- เริ่มที่ศรัทธา...หากไม่ถึงพร้อมก็จะไม่รู้สึกปลื้ม...ไม่กล้าตั้งผังสำเร็จ...แถมอาจบั่นทอนกำลังลง
- วิริยะ...เมื่อปลื้ม...ตั้งผัง...เป้าหมาย...หากทรัพย์ไม่ถึงพร้อม ก็ต้องเพียรอธิษฐานจิตเป็นกำลังใจ ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร ชักชวนหมู่ญาติ มิตรสหาย ร่วมแรงร่วมใจให้เกิดกุศลสามัคคี จนเป็นรูปธรรม
- ศีล...เป็นเกราะมิให้เราประหม่าในการบอกบุญ ให้ความมั่นใจในการเป็นผู้นำบุญด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปลอดจากคำครหา เพราะเป็นที่ศรัทธาแก่ผู้รับข่าวบุญ
- สมาธิ...เป็นเสบียงบุญ กำลังใจให้เราตั้งมั่นในศรัทธา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หาบุญได้ใช้บุญเป็น
- ปัญญา...เป็นทางมาแห่งความสำเร็จ...ดังที่คุณสาธุธรรมกล่าว พระเดชพระคุณหลวงปู่ ไม่มีวันปล่อยให้ลูกหลานท่านลำบากเพราะทำบุญ...เมื่อรู้หลักวิชาก็สามารถอาราธนาท่านลงซ้อน ให้บังเกิดกำลังใจ ทางมาแห่งบุญและความสำเร็จ
เวลาทดสอบมีน้อย ถ้าได้ทำก็ทำได้นะ ขอเพียงบีบีน้อยดึงพละ5 นี้ออกมาใช้เท่านั้น
ไฟล์แนบ
#14
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 12:35 PM
แค่นี้เราก็จะเปลี่ยนความขุ่น เป็นความปลื้มได้เร็วฉับพลันเลยล่ะครับ
#15
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 01:15 PM
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
#16
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 05:06 PM
ปัญหาหลัก ของน้อง คือ ศรัทธา ยังไม่พอ
แต่ยอมทำเพราะ เกรงใจ คุณแม่
บุญของหนู ก็จะไม่ได้รับ อานิสงส์ที่สมบรูณ์
...เพราะเสียดายเงินที่ทำไป+กังวลใจ ว่าเงินจะไม่พอใช้..ในอนาคต
นั่นคือ ระหว่างทำบุญ และหลัง ทำบุญ ใจไม่ใสจ้ะ
...
เอาอย่างนี้นะ
เมื่อเราเองก็ ตัดสินใจทำไปแล้ว เงินก็เสียไปแล้ว
..คนฉลาด เมื่อทำแล้ว
..ลองนั่งลงศึกษาจริงๆจังๆ ศึกษารายละเอียดของบุญนี้ อย่างจริงจัง ให้เข้าใจสิว่า
ทำไม พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และ คุณแม่ท่านยืนยันว่า บุญนี้ใหญ่มากๆๆๆ ต้องทำ
จะคุยกับเพื่อนๆ หรือ พี่ๆ ในเว็บก็ได้ (PM พี่ก็ได้นะ)
...
พอศรัทธาพอ ก็จะไม่เสียดาย..เงินที่ทำไป แน่ รับรอง
ก็แก้ได้ แล้วปัญหา เรื่องที่หนึ่ง
...
สำหรับกรณี ที่กลัวเงินจะไม่พอใช้
อันนี้ง่ายมาก..ทำไมต้องกลุ้ม
ก็ผู้นำบุญเป็นคุณแม่ เป็นคนชวนเอง แล้วก็เป็นคนจ่ายเงินเลี้ยงเรา
...หนูก็อ้อนท่านสิคะ ว่า
ถ้าหนูมีรายการใช้เงินพิเศษ ก็ขอให้คุณแม่คอยช่วยนะ
เพราะเงินที่ออมไว้ทำบุญหมดแล้ว
แต่ หนูเองก็ต้อง ตั้งใจประหยัดลงด้วยนะ
จะได้ได้บุญเต็มที่..เป็นเงินทั้งหมดของหนู
เอ้า..ทำแล้วจะยิ้มได้
#17
โพสต์เมื่อ 17 October 2008 - 11:29 PM
ขอบคุณทุกๆท่านมากๆนะคะที่ให้คำแนะนำ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
หนูคิดว่า หนูควรจะศึกษาเรื่องอานิสงของบุญต่างๆ ให้มากขึ้น จะได้มีศรัทธามากขึ้น ๆ และจะได้ใจใส
จริงๆแล้วหนูศรัทธาเรื่องอานิสงของบุญต่างๆนะคะ เพราะเคยรู้สึกได้ด้วยตนเองมาแล้ว แต่อาจจะถูกอย่างที่พี่ๆแนะนำว่า ศรัทธาของหนูยังไม่พอที่จะทำบุญใหญ่ เลยทำให้ใจหมอง
![dry.gif](style_emoticons/default/dry.gif)
จากนี้ไปจะทำใจใสๆค่ะ
ตอนนี้เริ่มคิดได้แล้วค่ะ "จะมีเด็กสักกี่คนที่ได้ทำบุญทีละเป็นหมื่นๆ" เริ่มปลื้มขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ขอบพระคุณพี่ๆทุกคนที่แนะนำนะคะ
และ ขออนุโมทนาบุญกับพี่ๆทุกคนด้วยค่ะ สาธุ _/|\_
#18
โพสต์เมื่อ 18 October 2008 - 11:44 PM
คนที่ให้ทานมามาก และคิดให้ทานอยู่ตลอดเวลา พอเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลก ยังไม่ทันทำอะไรเลยก็รวยแล้ว เพราะมีพ่อแม่ที่ร่ำรวย มีทรัพย์สมบัติเตรียมพร้อมไว้ให้ บางคนแต่เดิมพ่อแม่ก็ไม่รวย ทันทีที่เข้ามาอยู่ในครรภ์มารดา พอแม่เริ่มตั้งท้อง ทั้งพ่อทั้งแม่ไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไรก็โชคดีไปหมด พอออกจากท้องแม่ โตขึ้นมาหน่อย สมบัติทุกอย่างก็มาพร้อมให้ใช้ นี่..เป็นผลของทานที่สร้างไว้ในอดีตชาติ ด้วยความตั้งใจและศรัทธาเต็มที่
อย่างไรก็ตาม บางคนเมื่อเริ่มจะให้ทานไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อทำไปแล้ว ภายหลังเกิดนึกดีใจว่าเราทำไปดีแล้ว เพราะคนอื่นจะได้ประโยชน์อีกมากมาย พวกนี้ก็ได้บุญติดตัวไปเหมือนกัน แต่เป็นบุญที่ให้ผลช้า เนื่องจากทำบุญโดยไม่ศรัทธามาก่อน เพราะฉะนั้นเกิดกี่ชาติๆ ในระยะเด็กๆ ถึงวัยรุ่น ช่วงที่ยังไม่ถึงวัยกลางคนจะยากจน แต่พอเลยวัยนั้นฐานะจะดีขึ้น เป็นผลเนื่องมาจากการที่ดีใจที่ได้ทำบุญ ดีใจช้า บุญก็ตามมาอย่างช้าๆ กว่าจะตามทันก็เมื่ออายุเข้าวัยกลางคน
บางคนทำบุญทีแรกดีใจที่ได้โอกาสทำบุญ แต่พอทำไปแล้ว กลับนึกเสียดายภายหลัง บุญจึงส่งผลมาในลักษณะที่ว่า เมื่อยังเล็กร่ำรวย เข้าวัยกลางคนก็ยังรวยเรื่อยมา แต่พอตอนแก่ๆ อายุมากแล้ว การที่นึกเสียดายในภายหลัง ความเสียดายก็เริ่มมาตัดทอนกำลังบุญ เลยทำให้ยากจน อย่างนี้ก็มี
ดังนั้นจึงสรุปตอบว่า ที่เราจนก็เพราะการให้ทานของเราภพในอดีตมันหย่อน เพราะฉะนั้นในภพชาตินี้ก็จงพยายามทำทานให้เต็มที่เต็มกำลังของเรา อย่าไปนึกตระหนี่หรือนึกเสียดายทานที่ให้ไปแล้ว ที่แน่ๆ คือ เวรอทินนาฯ การลักขโมย อย่าไปก่อขึ้นอีก และอีกอย่างหนึ่งอย่าไปตัดลาภใคร ใครเขาจะทำบุญก็อย่าไปขัด อย่าไปค้านเขา ตรงกันข้ามเห็นใครเขาตักบาตรทำบุญ ควรรีบสนับสนุนให้กำลังใจเขา รีบไปกล่าวอนุโมทนาให้เขาปลื้มใจให้มากที่สุด
ที่ถามว่าทำบุญแล้วทำไมบุญไม่ส่งผลบ้าง ขอตอบว่า ส่งผลแน่ แต่อาจจะช้า
“เหมือนที่เรามัวชักช้าในการทำบุญแต่ละครั้งนั่นแหละ”
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)