คือว่ามีเพื่อนมาปรึกษาว่า หยิบของคนอื่นมาโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว (เรียกกันง่ายๆ ว่าขโมยน่ะค่ะ)
ตั้งแต่หยิบมาก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่กล้านำออกมาใช้กลัวเจ้าของจะเห็น และรู้ว่าเป็นของเขา ตอนนี้รู้สึกว่าเป็นบาป อยากจะนำไปคืน แต่ก็อาย และไม่อยากโกหก ไม่ทราบว่าจะใช้วิธีการไหนดี ที่สำคัญบาปไปแล้วใช่ไหมคะ
มิสามารถให้คำปรึกษาได้ เพราะยังเรียนรู้ได้น้อยนิด เป็นนักเรียนใหม่ค่ะ
ขอคำแนะนำจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ขอคำแนะนำผู้รู้ค่ะ
เริ่มโดย usr25920, Oct 20 2008 11:02 AM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 11:02 AM
#2 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 11:12 AM
เอานี่ไปฟังเลยครับ ธรรมเทศนาหลวงพ่อทัตตชีโว
รวมพระธรรมเทศนา แผ่นที่ ๒
เรื่ององค์แห่งศีล 1-4
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=5
รวมพระธรรมเทศนา แผ่นที่ ๒
เรื่ององค์แห่งศีล 1-4
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=5
#3
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 11:25 AM
ถ้าจะทำดีแล้ว อย่ากลัวครับ ผมว่าคนส่วนใหญ่ให้อภัย แล้วยังชื่นชมด้วย แต่ก็ต้องใช้ศิลปในการเจรจาด้วยครับ เพื่อที่จะทำอย่างไรไม่ให้เจ้าของสิ่งนั้นโกรธ เอาไปคืนเขานะครับ...อดีตที่ผิดพลาดลืมไปซะ แล้วเริ่มทำดีตั้งแต่วันนี้ แล้วความดีคือบุญก็หาช่องทางส่งผลเองในช่วงที่บุญเต็มเปี่ยม
#4
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 11:42 AM
เอาไปคืนเลยครับ สารภาพและบอกเค้าว่า ตอนนี้เรารักษาศีล5แล้ว ที่จิ๊กเอามาตอนนั้นเราคิดว่ามันไม่น่าจะบาปอะไร ตอนนี้เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีแล้ว เราจะขอคืนเธอ ขอให้เธอยกโทษ และอภัยให้เราด้วยนะ
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าของนั้นเป็นอะไรด้วยครับ ถ้าเป็นอะไรบางอย่างก็ไม่กล้าเอาไปคืนแน่ๆ ยังไงก็ไม่กล้าเด็ดขาด ถ้าเอาไปคืน เขาจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อเราทันที ทำไงดีล่ะทีนี้
เอางี้ครับ เราไปซื้อของอะไรก็ได้ที่เหมือนๆ หรือมีค่ามากกว่าของที่เราจิ๊กเค้ามา แต่เป็นประเภทเดียวกัน แล้วก้เอาไปเป็นของขวัญให้เค้า แกล้งพูดแบบตลกๆ แบบว่า ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไร นี่เธอ อ่ะเราให้ ตอนนี้อ่ะ เรารักษาศีล5แล้วนะ เราคิดว่า ในอดีตอ่ะ ถ้าเราเคยจิ๊กของเธอ เสื้อผ้าเธอ หรืออะไรของเธอมาใช้โดยที่เรารู้เท่าไม่ถึงการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ทุกๆอย่างเราขอให้เธออโหสิให้เราด้วยนะ ต่อไปนี้เราจะได้มีความบริสุทธิ์กายวาจาใจตลอดต่อไป
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าของนั้นเป็นอะไรด้วยครับ ถ้าเป็นอะไรบางอย่างก็ไม่กล้าเอาไปคืนแน่ๆ ยังไงก็ไม่กล้าเด็ดขาด ถ้าเอาไปคืน เขาจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อเราทันที ทำไงดีล่ะทีนี้
เอางี้ครับ เราไปซื้อของอะไรก็ได้ที่เหมือนๆ หรือมีค่ามากกว่าของที่เราจิ๊กเค้ามา แต่เป็นประเภทเดียวกัน แล้วก้เอาไปเป็นของขวัญให้เค้า แกล้งพูดแบบตลกๆ แบบว่า ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไร นี่เธอ อ่ะเราให้ ตอนนี้อ่ะ เรารักษาศีล5แล้วนะ เราคิดว่า ในอดีตอ่ะ ถ้าเราเคยจิ๊กของเธอ เสื้อผ้าเธอ หรืออะไรของเธอมาใช้โดยที่เรารู้เท่าไม่ถึงการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ทุกๆอย่างเราขอให้เธออโหสิให้เราด้วยนะ ต่อไปนี้เราจะได้มีความบริสุทธิ์กายวาจาใจตลอดต่อไป
#5
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 11:48 AM
โดยเฉพาะรองเท้าคู่ใหม่ที่ใส่ไปวัด เผลอที่ไร หายทุกที ไม่อยากคิดว่าจะมีคนตั้งใจไปขโมยแต่ของเราหายตลอด สงสัยเคยไปทำแบบนี้ไว้ในอดีตแน่ๆ เลยเรา
#6
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 02:47 PM
ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับครับ ว่าแต่เอ๋ คนที่หยิบไปเป็นชายหรือหญิงหว่า ^ ^"
หากคิดได้แล้วรีบนำไปคืน เขาย่อมต้องให้อภัย และก็จะไม่เป็นผังสำเร็จติดตัวข้ามภพข้ามชาติ แต่หากมัวแต่ไม่กล้า อาย เกิดวันดีคืนดีวันสุดท้ายของเรามาเยือนโดยไม่บอกกล่าว ก็ไม่ได้เอาไปคืนถาวรเลยทีนี้ ต้องไปใช้กรรมที่ทุกข์ทรมาณกว่า เลือกเอาแล้วกันนะครับ จะทนอายเพื่อทำลายผังนี้ซะ ผ่อนหนักให้เป็นเบา เอาไปคืนเขา และเพื่อจะได้เป็นมิตรกันต่อไป หรือจะยอมอายไม่กล้าเอาไปคืนเก็บเอาไว้ผูกเป็นผังสำเร็จแล้วไปชดใช้ในที่ๆทุกข์ทรมาณกว่าแล้วต้องไปชดใช้ให้เขาอีกหลายพันชาติ อยากเลือกแบบไหนก็แล้วแต่เขานะครับ เป็นผมผมยอมทนอายเอาไปคืนเขาดีกว่า - -"
หากคิดได้แล้วรีบนำไปคืน เขาย่อมต้องให้อภัย และก็จะไม่เป็นผังสำเร็จติดตัวข้ามภพข้ามชาติ แต่หากมัวแต่ไม่กล้า อาย เกิดวันดีคืนดีวันสุดท้ายของเรามาเยือนโดยไม่บอกกล่าว ก็ไม่ได้เอาไปคืนถาวรเลยทีนี้ ต้องไปใช้กรรมที่ทุกข์ทรมาณกว่า เลือกเอาแล้วกันนะครับ จะทนอายเพื่อทำลายผังนี้ซะ ผ่อนหนักให้เป็นเบา เอาไปคืนเขา และเพื่อจะได้เป็นมิตรกันต่อไป หรือจะยอมอายไม่กล้าเอาไปคืนเก็บเอาไว้ผูกเป็นผังสำเร็จแล้วไปชดใช้ในที่ๆทุกข์ทรมาณกว่าแล้วต้องไปชดใช้ให้เขาอีกหลายพันชาติ อยากเลือกแบบไหนก็แล้วแต่เขานะครับ เป็นผมผมยอมทนอายเอาไปคืนเขาดีกว่า - -"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#7
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 02:50 PM
หากใจกล้าพอก็เอาไปคืนแล้วบอกไปตรงๆ
หากไม่กล้ากล้าพอก็เอาไปคืนโดยไม่ให้เขารู้ตัว
หยิบเอามาโดยเจ้าของไม่รู้ได้
ก็น่าจะเอาไปคืนโดยเจ้าของไม่รู้ได้นะ
ยังไงก็ต้องคืน อย่างน้อยบาปจะได้เบาบางลงบ้าง
หากไม่กล้ากล้าพอก็เอาไปคืนโดยไม่ให้เขารู้ตัว
หยิบเอามาโดยเจ้าของไม่รู้ได้
ก็น่าจะเอาไปคืนโดยเจ้าของไม่รู้ได้นะ
ยังไงก็ต้องคืน อย่างน้อยบาปจะได้เบาบางลงบ้าง
#8
โพสต์เมื่อ 20 October 2008 - 04:54 PM
ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 21 October 2008 - 06:52 AM
ถ้าของไม่ใหญ่มากส่งไปทางไปรษณีย์สิ
#10
โพสต์เมื่อ 21 October 2008 - 09:12 AM
คืนแบบที่ว่าเราทำแล้วสบายใจ กล้าให้ตรง ๆ ก็คืนเลย ถ้าไม่กล้า ก็ส่งทางไปรษณีย์ มีจดหมายน้อยแนบขออโหสิกรรมด้วย
#11
โพสต์เมื่อ 22 October 2008 - 02:58 PM
วิธีการมีหลากหลาย...แต่คงขึ้นกับเจ้าของว่าเป็นคนอย่างไร
ตัวเรา...ยอมรับว่าสิ่งที่กระทำ ไม่ถูก ไม่ควร มีจิตสำนึก พร้อมจะส่งของคืนแก่เจ้าของ
วัตถุ...คงสภาพเดิม ไม่ชำรุดสึกหรอ
...มีทิฐิที่ดีงาม...ก็พูดแบบเปิดอก กล่าวขอขมา อโหสิกรรมตรงๆ คืนของแบบเปิดเผย
...ลักษณะเฉยๆ...ก็หาเวลาส่วนตัว พูดคุย ขอขมา ทางโทรศัพท์ จดหมาย สังเกตุแนวโน้ม ปฏิกิริยาทางอารมณ์...ค่อยหาทางส่งมอบของ
...ลักษณะก้าวร้าว..เอะอะโวยวาย...พิมพ์จดหมายขอโทษ...ส่งของคืนทางไปรษณีย์ ตัดปัญหาเรื่องคำครหาทางสังคม คดีความ
เป็นบทเรียนราคาแพงนะ...อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด...บาปอกุศลไม่ทำเพิ่ม...นึกถึงบุญ...นึกเรื่อยๆทับทวีๆ...หยุดใจเข้าถึงองค์พระในตัว
ตัวเรา...ยอมรับว่าสิ่งที่กระทำ ไม่ถูก ไม่ควร มีจิตสำนึก พร้อมจะส่งของคืนแก่เจ้าของ
วัตถุ...คงสภาพเดิม ไม่ชำรุดสึกหรอ
QUOTE
เจ้าของ
...มีทิฐิที่ดีงาม...ก็พูดแบบเปิดอก กล่าวขอขมา อโหสิกรรมตรงๆ คืนของแบบเปิดเผย
...ลักษณะเฉยๆ...ก็หาเวลาส่วนตัว พูดคุย ขอขมา ทางโทรศัพท์ จดหมาย สังเกตุแนวโน้ม ปฏิกิริยาทางอารมณ์...ค่อยหาทางส่งมอบของ
...ลักษณะก้าวร้าว..เอะอะโวยวาย...พิมพ์จดหมายขอโทษ...ส่งของคืนทางไปรษณีย์ ตัดปัญหาเรื่องคำครหาทางสังคม คดีความ
เป็นบทเรียนราคาแพงนะ...อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด...บาปอกุศลไม่ทำเพิ่ม...นึกถึงบุญ...นึกเรื่อยๆทับทวีๆ...หยุดใจเข้าถึงองค์พระในตัว
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#12
โพสต์เมื่อ 22 October 2008 - 08:45 PM
การเอาไปคืนมันก็ดีกว่า การเก็บไว้อยู่แล้วละครับ เพราะถ้าเรายังขืนเก็บมันไว้ มันก็จะยิ่งสร้างบ่วงแห่งความทุกข์คล้องใจเราไปมากเท่านั้น แต่จะคืนด้วยวิธีการย่างไรนั้น ก็ให้เลือกเอาแล้วกันนะครับ ระหว่าง
1.เอาไปคืนเขาซึ่งๆหน้าเล้ย! แล้วก็บอกเขาว่า "ขอโทษด้วยนะหลงหยิบผิดไป" หรือว่า
2.เอาไปวางไว้ในที่ๆเขาอยู่ โดยที่เขาไมรู้ตัว หรือว่า
3.เอาไปไว้ที่เดิมที่หลงหยิบมา หรือว่า
4.จะเก็บเอาไว้ให้ใจเศร้าหมองต่อไป ก็เลือกเอานะครับ (ข้อนี้ทิ้งท้ายไว้ให้คิด)
กุญแจวิเศษ
1.เอาไปคืนเขาซึ่งๆหน้าเล้ย! แล้วก็บอกเขาว่า "ขอโทษด้วยนะหลงหยิบผิดไป" หรือว่า
2.เอาไปวางไว้ในที่ๆเขาอยู่ โดยที่เขาไมรู้ตัว หรือว่า
3.เอาไปไว้ที่เดิมที่หลงหยิบมา หรือว่า
4.จะเก็บเอาไว้ให้ใจเศร้าหมองต่อไป ก็เลือกเอานะครับ (ข้อนี้ทิ้งท้ายไว้ให้คิด)
กุญแจวิเศษ
กุญแจวิเศษ