ภาวะโลกร้อนที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ ในทางพระพุทธศาสนาจะมีคำอธิบายที่ละเอียดและน่าเชื่อถือได้ว่าอย่างไร และจะมีทางแก้ไขได้อย่างไร แล้วที่นักวิทยาศาสตร์คำนวนว่าน้ำจะท่วมสมุทรปราการณ์ กทม. หรือประเทศที่อยู่ชายทะเลในอีกไม่กี่ 10 ปีข้างหน้า เป็นไปได้จริงไหม หรือไม่อย่างไร น้ำไม่ได้ท่วมโลกนะคะ แค่ท่วมบางส่วน แล้วเราจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร แค่ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรืออย่างไร มันสงสัยน่ะค่ะ...ท่านผู้รู้ช่วยทีนะคะ
ภาวะโลกร้อนกับพระพุทธศาสนา
เริ่มโดย สักวันคงเป็นวันของเรา, Oct 29 2008 06:56 PM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 October 2008 - 06:56 PM
#2
โพสต์เมื่อ 29 October 2008 - 08:23 PM
ศีลค่ะ ถ้าทุกคนรักษาศีล 5 กันทั่วโลก ลดโลกร้อนได้ตามหลักพระพุทธศาสนาค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 29 October 2008 - 08:26 PM
ปัญหาภาวะโลกร้อน เกิดจากใจคนที่ร้อน คือมีความ โลภ โกรธ หลง นั่นเอง ขออธิบายตามที่ได้เรียนรู้มานะครับ
คือ
เมื่อมนุษย์มีบางคนความโลภ คิดว่าที่พึ่งของตนคือการมีทรัพย์มากๆ มนุษย์นั้นก็แสวงหาทรัพย์ด้วยวิธีการต่างๆ
บางพวกก็ตัดไม้มาขาย บางพวกก็สร้างโรงงาน บางพวกก็สร้างยานพาหนะที่ก่อไอเสียขึ้นมาหารายได้ ฯลฯ
การแสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้แม้เกิดจากมนุษย์จำนวนไม่มาก ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกร้อนขึ้นได้
เมื่อมนุษย์อีกพวกมีความโกรธซึ่งกันและกัน ก็จะทะเลาะกัน ถ้าคนเหล่านั้นเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำฝูงชน ก็จะนำคนออกมา
ต่อสู้ทำ/สงครามกัน เมื่อทำสงครามก็ต้องใช้อาวุธ ก็จะหาทรัพย์ไปให้มนุษย์ผู้มีความโลภ สร้างโรงงานผลิตอาวุธออกมา
ทำลายล้างกัน เมื่อเกิดสงคราม ก็ย่อมมีการเผาทำลายบ้านเมือง โรงงานผลิตอาวุธก็ปล่อยมลพิษ ซากศพและขยะอื่นก็ก่อ
โรคระบาด การกำจัดโรคก็ต้องใช้ยาและอุปกรณ์ที่ผลิตจากโรงงานที่สร้างมลภาวะ ฯลฯ
เมื่อมนุษย์มีความหลงผิดว่า การแสวงหาความสุขคือการได้ เสพกามคุณทั้งห้า(รูป,รส,กลิ่น,เสียง,สัมผัส,อารมณ์)
มนุษย์จึงแสวงหาความสุขเหล่านั้น มีการสร้างภาพยนต์ที่มีการลงทุนมหาศาสเพียงเพื่อความสุขทางรูป
สร้างเพลงต่างๆ เพื่อความสุขทางเสียง ผลิตอาหารรสเลิศแต่ด้อยคุณค่าทางอาหารออกมาเพื่อความสุขทางรส
ผลิตน้ำหอม,น้ำยาดับกลิ่นต่างๆเพื่อความสุขทางกลิ่น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ขั้นตอนการผลิตล้วนต้องก่อมลพิษทั้งสิ้น
ทางแก้คือ ต้องชวนคนทั้งโลกมา ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อย่างด่วนๆ แล้วโลกก็จะเย็นลงเองครับ
การชวนให้คนลดการใช้พลังงานลงแทบไม่ช่วยอะไรถ้ามนุษย์ทั้งโลกยังไม่ หัดควบคุมและลดละกิเลสในตัวเอง
คือ
เมื่อมนุษย์มีบางคนความโลภ คิดว่าที่พึ่งของตนคือการมีทรัพย์มากๆ มนุษย์นั้นก็แสวงหาทรัพย์ด้วยวิธีการต่างๆ
บางพวกก็ตัดไม้มาขาย บางพวกก็สร้างโรงงาน บางพวกก็สร้างยานพาหนะที่ก่อไอเสียขึ้นมาหารายได้ ฯลฯ
การแสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้แม้เกิดจากมนุษย์จำนวนไม่มาก ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกร้อนขึ้นได้
เมื่อมนุษย์อีกพวกมีความโกรธซึ่งกันและกัน ก็จะทะเลาะกัน ถ้าคนเหล่านั้นเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำฝูงชน ก็จะนำคนออกมา
ต่อสู้ทำ/สงครามกัน เมื่อทำสงครามก็ต้องใช้อาวุธ ก็จะหาทรัพย์ไปให้มนุษย์ผู้มีความโลภ สร้างโรงงานผลิตอาวุธออกมา
ทำลายล้างกัน เมื่อเกิดสงคราม ก็ย่อมมีการเผาทำลายบ้านเมือง โรงงานผลิตอาวุธก็ปล่อยมลพิษ ซากศพและขยะอื่นก็ก่อ
โรคระบาด การกำจัดโรคก็ต้องใช้ยาและอุปกรณ์ที่ผลิตจากโรงงานที่สร้างมลภาวะ ฯลฯ
เมื่อมนุษย์มีความหลงผิดว่า การแสวงหาความสุขคือการได้ เสพกามคุณทั้งห้า(รูป,รส,กลิ่น,เสียง,สัมผัส,อารมณ์)
มนุษย์จึงแสวงหาความสุขเหล่านั้น มีการสร้างภาพยนต์ที่มีการลงทุนมหาศาสเพียงเพื่อความสุขทางรูป
สร้างเพลงต่างๆ เพื่อความสุขทางเสียง ผลิตอาหารรสเลิศแต่ด้อยคุณค่าทางอาหารออกมาเพื่อความสุขทางรส
ผลิตน้ำหอม,น้ำยาดับกลิ่นต่างๆเพื่อความสุขทางกลิ่น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ขั้นตอนการผลิตล้วนต้องก่อมลพิษทั้งสิ้น
ทางแก้คือ ต้องชวนคนทั้งโลกมา ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อย่างด่วนๆ แล้วโลกก็จะเย็นลงเองครับ
การชวนให้คนลดการใช้พลังงานลงแทบไม่ช่วยอะไรถ้ามนุษย์ทั้งโลกยังไม่ หัดควบคุมและลดละกิเลสในตัวเอง
#4
โพสต์เมื่อ 29 October 2008 - 08:26 PM
555+
ตอบแบบเด็กก็แล้วกันกลัวจะไม่เข้าใจ
คุณเข้าเรื่องการถ่ายเทความร้อนตามหลักวิทยาศาสตร์ใช่ไหมครับ
คือ ลองสังเกตุซิครับว่าเวลาเราอยู่คนเดียวห้องแอร์เล็กๆในอุณหภูมิ 25 องศาก็รู้ศึกว่าหนาว
แต่พอมีเพื่อนมาอยู่ด้วยจนเต็มห้อง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปกลายเป็นร้อนหรืออุณหภูมิในห้องจะลดลง
(ในอุณหภูมิเดียวกัน)
แสดงว่ามีการถ่ายเทความร้อนจากร่างกายมนุษย์
ข้อสังเกตุอีกอย่างของปริมาณความร้อนที่ถ่ายเทออกมาจากร่างกายคือ
อารมณ์ครับ
เวลาโกรธ(โทสกิเลส)เราจะมีความรู้สึกว่าร่างกายร้อนมากกว่าปกติ ฯลฯ เป็นต้น
สรุปได้ว่าถ้าจิตใจของคนอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสก็จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมครับ(เช่นคนในปัจจุบันจิตใจส่วนมากอยู่ภายใต้อำนาจกิเลส)
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ในทางพุทธศาสนายังมีอีกแต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับขี้เกียจเอามาเล่าครับ
อืมว่าจะพูดนิดเดียวเล่นซะยาวเลย
ตอบแบบเด็กก็แล้วกันกลัวจะไม่เข้าใจ
คุณเข้าเรื่องการถ่ายเทความร้อนตามหลักวิทยาศาสตร์ใช่ไหมครับ
คือ ลองสังเกตุซิครับว่าเวลาเราอยู่คนเดียวห้องแอร์เล็กๆในอุณหภูมิ 25 องศาก็รู้ศึกว่าหนาว
แต่พอมีเพื่อนมาอยู่ด้วยจนเต็มห้อง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปกลายเป็นร้อนหรืออุณหภูมิในห้องจะลดลง
(ในอุณหภูมิเดียวกัน)
แสดงว่ามีการถ่ายเทความร้อนจากร่างกายมนุษย์
ข้อสังเกตุอีกอย่างของปริมาณความร้อนที่ถ่ายเทออกมาจากร่างกายคือ
อารมณ์ครับ
เวลาโกรธ(โทสกิเลส)เราจะมีความรู้สึกว่าร่างกายร้อนมากกว่าปกติ ฯลฯ เป็นต้น
สรุปได้ว่าถ้าจิตใจของคนอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสก็จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อมครับ(เช่นคนในปัจจุบันจิตใจส่วนมากอยู่ภายใต้อำนาจกิเลส)
ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ในทางพุทธศาสนายังมีอีกแต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับขี้เกียจเอามาเล่าครับ
อืมว่าจะพูดนิดเดียวเล่นซะยาวเลย
#5
โพสต์เมื่อ 29 October 2008 - 10:31 PM
ขอบคุณนะคะ คุณเด็กน้อยคะ แต่น่าจะเล่าให้หมดนะคะ อยากทราบข้อมูลน่ะค่ะ แล้วถ้าเรารู้ หรือรู้ไม่จริงแล้วเราจะเอาไปอธิบายให้คนอื่นฟังได้อย่างไรล่ะค่ะ(หมายถึงตัวดิฉันเองนะคะ) ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ เรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่กำลังนิยมในปัจจุบันถ้ามีการรวบรวมเป็นหนังสือเผยแพร่ก็น่าจะดีนะคะเป็นธรรมทานและน่าสนใจค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 30 October 2008 - 02:21 PM
ทำใจเย็น ด้วยการลดอุณหภูมิความร้อนในตัวลง และ เมื่อเราเย็นสิ่งแวดล้อมก็จะพลอยเย็นไปด้วย ค่ะเดี๋ยวนี้อากาศก็เย็นลง ก็ทำที่ใจก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ
#7
โพสต์เมื่อ 31 October 2008 - 07:26 PM
คุณเด็กน้อยสุดยอดเลยยยยยยยยยยยยยยยย
กุญแจวิเศษ