เคล็ดลับ (ที่ไม่ลับ) แห่งอนันตจักรวาล
#1
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 05:34 PM
1.การเป็นผู้ที่ไม่อยากอด ไม่อยากจน และไม่อยากหมด ต้องเป็นผู้ที่ให้ ให้ ให้ และก็ให้..แปลกไหม..ในทางโลกมักจะบอกว่า ถ้าไม่หยากหมด ก็จงหยุดให้เสีย..แต่หลวงปู่เรากลับคิดในทางตรงข้าม ยิ่งคิด ยิ่งแปลก แฮ่ะ..
2.การเป็นผู้ที่ได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ ที่ดิน สมบัติพัสถาน หรือแม้กระทั่ง สมบัติจักรพรรดิ ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติของเราที่แท้จริง..แปลกไหม..ในทางโลกเมื่อจดทะเบียนแล้วก็จะประกาศว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น คือของๆเรา..ไม่ได้เป็นของๆใคร..แต่หลวงพ่อเรากลับบอกว่า สมบัติที่แท้จริงของเราน่ะ มีสองอย่างเท่านั้นแหล่ะ..คือ ใจ และที่ตั้ง(ฐาน) ของใจก็แค่เนี๊ยะ..ไม่คิด ไม่แปลก แฮ่ะ..
3.การจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุด ต้องวิ่งให้เร็วสุดๆ หรือเหยียบให้มิด (ถ้าขับรถ) นั่นคือทางโลกว่าไว้..แต่หลวงปู่เราบอกว่ามีทางสายหนึ่ง เรียกว่าทางสายกลาง จะไปให้ถึงสุดทางนี้ได้ ต้องหยุดให้สนิท ไม่ต้องทำอะไรเลย หยุดอย่างเดียว เรียกว่า "หยุด เป็นตัวสำเร็จ"..
4.เอ้อ..มีอะไรอีกบ้างหนอ? ใครพอรู้บ้าง? ช่วยแต่งเติม สีสรร หน่อยครับ..เชิญครับ..
สาธุ..
#2
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 06:07 PM
#3
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 06:41 PM
คือ ได้มีโอกาส ได้ยิน ได้ฟัง
พระอาจารย์สอนสมาธิ พระลูกชายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
หลายต่อหลายรูป ท่านเคยกล่าวสอนไว้ว่า..
...
ถ้ามนุษย์ทุกคน ได้ทราบ เบื้องหลังที่คอยชักเชิด ชีวิต ที่แท้จริงแล้ว
คือมีโอกาส ได้เห็นภาพที่แท้จริง จากการเห็นด้วย ตาของพระธรรมกาย
แล้ว...
เราทุกคนเมื่อเกิดมาแล้ว
จะไม่มีใคร เป็นห่วงเรื่องจะต้องเรียนสูงๆ จบปริญญาตรี โท เอก เลย..
จะไม่ใครห่วง เรื่องจะหาคู่ หาครอบครัวเลย..
ฯลฯ
ทุกคน จะหันหน้า เข้ามาสร้าง ทำแต่บุญ
..สร้างบารมี แต่เพียงอย่างเดียว ทุกอนุวินาที แข่งกับเวลา
ที่โชคดี ได้เกิดมาในโลกมนุษย์
ภพเดียว ที่มีโอกาส ของการประกอบเหตุ
นอกนั้น คือ ภพชาตที่เสวยผล ทั้งสิ้น
...
จะไปทำอะไร นอกจากนี้ อีกเล่า
มนุษย์เอ๋ย..
#4
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 06:54 PM
เมื่อเรารู้ดังนี้ว่า ความลับแห่งอนันตจักรวาลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ และเป็นสิ่งสูงค่ายิ่ง..
การจะรักษาความลับแห่งอนันตจักรวาลนี้ให้อยู่รอดสืบชั่วลูกหลาน..
ไม่ใช่แค่การท่องจำ บันทึกเขียนไว้บนแผ่นกระดาษ เพียงเท่านั้น..
หากแต่..การนำเอาหลักการเหล่านี้ไปปฎิบัติจริง ในชีวิตจริง ย่อมยังให้ความลับแห่งอนันตจักรวาลนี้อยู่คู่โลกสืบไป ชั่วฟ้า ดินสลาย..
สาธุ..
#5
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 06:58 PM
คิดแล้ว............เนอะ
#6
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 08:48 PM
#7
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 09:12 PM
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#8
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 09:18 PM
ขออภัยค่ะ ลองเทคนิคค่ะ
ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย
หากผิดพลาดขออภัย อีกครั้ง
หวังเพียงแสดงความสุขใจที่มี
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#9
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 10:23 PM
#10
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 10:26 PM
#11
โพสต์เมื่อ 03 November 2008 - 10:49 PM
#12
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 12:25 AM
#13
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 05:03 AM
#14
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 09:50 AM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#15
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 09:57 AM
ก็มาจากการร่วมบุญกับ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ และนำคำสอน
มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาชีวิตใน สังสารวัฎ
วันแรกที่เข้าวัด ไปทำบุญอาทิตย์ต้นเดืิอน ไปถึงวัดแล้วร้องไห้เป็นอันดับแรก
เพราะความดีใจที่ได้กลับมาบ้านที่เราจากมานาน และเสียใจว่าเราไปอยู่ที่ไหน
มาทำไมมาช้า ไม่ทันได้กราบมหาปูชนียจารย์ ด้วยตัวของเราเอง
ทุกวันนี้ก็ติดตาม ตามติดร่วมบุญทุกบุญไม่เคยขาด แม้ว่าจะมาอยู่ไกลถึงต่างประเืทศ
ขอแ่้บ่งบุญให้นักเรียนอนุบาลทั่วโลกด้วยค่ะ ให้ได้ เสมอกันเลยนะค่ะ สาธุ
#16
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 12:48 PM
ฟังหลวงพ่อแล้วมีความสุขมากเลยครับทำให้ผมใจเย็นมากขึ้นครับมีทั้งความสุขและทำให้เราสำเร็จทุกอย่างเวลาทำงานหรือเรียนก็มีความคล่องแคลวในการตัดสินใจที่ดีครับและสิ่งที่ปราถนาที่อยากจะเจอคือหลานชายครับอยากจะเจอมานานแล้วครับการทำบุญก็เหมือนการสะสมคะแนนในการเรียนแต่จะดีก่วาถ้าการสะสมจะเป็นสิ่งที่เราสามารถอยากจะพบในสิ่งทีเราค้นนหามานานมากการค้นหาเป็นสิ่งที่ลำบากนะผมว่าแตต่ถ้าคนเรามีความตั้งใจในสิ่งที่ต้องการก็จะเกิดผลสสำเร็จแก่ตัวเราเองผมรู้สึกว่าการที่มานั้งฟังธรรมแบบนี้มันน่าเบื่อสิ้นดี(แต่ก่อน) แต่มาเดียวนี้เป็นอะไรที่ทำให้มีความสุขมากขึ้นครับธรรมะที่ว่าน่าเบื่อกลายเป็นสิ่งที่ผมปราถนาที่จะมีมันติดตัวไว้ครับผมเคยติดอะไรที่มันไร้สาระมามากกว่านี้แต่วันนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยครับธรรมะช่วยให้คนเรามีชีวิตที่ดีขึ้นจริงๆครับและการทำบุญเป็นสิ่งที่เราจงตั้งใจที่จะทำมันให้ดีที่สุด(ผมอยากถามว่าการที่เราตั้งใจทำบุญแต่อธิฐานอะไรมันมากมายมันจะเป็นจริงกับตัวเราไหมครับแต่มีอีกบางประการที่เราไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่หวังที่จะอธิฐานอะไรมันจะมีค่าเท่ากันหรือไม่ครับ) การอนุโมทนากับผู่อื่นก็ได้บุญด้วยหรือครับไม่ยักกะรู้ถ้าเราเป็นผู้ที่ไม่ได้ลักขโมยแต่ถูกกล่าวหาใครจะเป็นคนรับกรรมนั้นไปครับเพราะผมเคยถูกทำอย่างนั้นมาก่อนครับและผมก็สงสัยว่าคนที่กล่าวหานั้นได้เกิดเป็นกรรมที่ตามทันแล้วถ้าอย่างนี้จะเป็นกรรมติดตัวกับเขาไปไหมครับ และ ถ้าผมยังไม่รู้เรื่องบาปกรรมมากมายแล้วเกิดความหิวที่อยากจะกินโดยได้หยิบเอาผลไม้ของวัดมาเป็นอาหารของเราและรู้ทีหลังจะเป็นบาปสำหรับผมไหมครับเพราะผมไมอยากมีบาปเลยครับการที่ผมนั่งฟังหลวงพ่อพูดทุกวันจะเป็นบุญสำหรับผมไหมครับและถ้าผมฟังบ้างหรือไม่ฟังบ้างจะดีหรือไม่ดีกับตัวผมเองครับผมไม่เคยไปวัดธรรมกายมาก่อนเลยครับแต่ก็อยากไปทั้งนี้ผมจะขึ้นชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรหรือเปล่าครับ
สุดท้ายนี้ก็ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ตั้งใจทำบุญอยู่เป็นเนื่องนิตนะครับ สาธุ
กัลยาณมิตร วิบูลย์ บัวหาย
#17
โพสต์เมื่อ 04 November 2008 - 01:29 PM
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#18
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 07:24 AM
#19
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 12:01 PM
#20
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 11:51 AM
...SMILE.... SMILE.... SMILE...
...ยิ้ม... ใส... ปิ๊ง...