ทำไมเราต้องสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิครับ
#1
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 08:42 AM
และถ้าไม่สวด จะมีผมอย่างไรครับ
#2
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 09:39 AM
#3
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 10:02 AM
ทั้งกินทั้งทาก็หายเร็วขึ้น
#4
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 10:57 AM
สวดมนต์ทำไม คงมีคำตอบแล้วนะครับ เพราะที่คุณใจหยุดสุดกลางกายมาตอบให้นั้น ก็น่าจะพอเข้าใจแล้ว
แต่อยากให้เข้าใจอีกอย่างนึง ถึงข้อแตกต่างระหว่างการสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิควรทำหรือไม่นั้น การสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธินั้นเหมือนกับการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะทำใจหยุดใจนิ่งนะครับ
เหมือนก่อนออกกำลังกาย เราก็ต้องอบอุ่นร่างกายกันก่อน เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะทำกิจกรรมได้ทันทีเลย
ในทำนองเดียวกัน วันๆเราอาจจะเจอสารพัดเรื่องที่จะวิ่งเข้ามากระทบ บางอย่างก็ผ่านเลยไป บางอย่างก็ยังติดค้างคาอยู่ในหัว อยู่ๆมานั่งหลับตาเลย ไอ้ที่ค้างอยู่ในหัวมันก็จะออกมาวิ่งวนไปวนมา ทำให้เราไม่สงบได้ง่ายๆ
การสวดมนต์ก็เป็นการบังคับใจให้เป็นสมาธิอย่างหนึ่ง คือ ใช้กิริยาอาการสวดมนต์ เสียงสวดมนต์ ความจำบทสวดมนต์ มาบังคับใจเราให้คิดในเรื่องเดียวที่เป็นเรื่องดีๆ และสามารถต่อเนื่องกับกิจกรรมต่อไปที่เราจะทำคือ นั่งสมาธิ
เมื่อเราลงมือสวดมนต์ ใจเราก็จะค่อยๆลืมเรื่องที่ค้างคาอยู่ในหัว ยิ่งสวดมนต์ด้วยความเคารพ ตั้งใจอย่างที่สุด ใจเราก็จะค่อยๆรวมตัวกันเป็นเรื่องๆเดียว ค่อยๆสงบระงับลง เย็นลง พอสวดเสร็จก็นั่งธรรมะต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาปรับใจใหม่ การนั่งสมาธิก็จะราบรื่นได้ง่าย
แต่ถ้าเราเป็นคนที่สามารถปรับใจได้เร็วอยู่แล้ว ก็สามารถที่จะลงนั่งหลับตาได้เลยครับ เหมือนอย่างที่เราไปพนาวัฒน์หรือภุเรือกันนะครับ ท่านก็สามารถลงนั่งธรรมะได้ทันทีเหมือนกัน เพราะไม่มีเรื่องใดๆเข้าไปกระทบใจท่านอยู่แล้ว สถานที่ก็สงบสวยงาม อาหาร ที่หลับที่นอนก็ไม่ต้องกังวล ข่าวคราวหนังสือพิมพ์ใดๆก็ไม่มี
วันๆใจมีแต่เรื่องบุญเรื่องกุศล วิ่งเข้ามาหา พอถึงเวลานั่งธรรมะก็ไม่ต้องใช้เวลาปรับใจใดๆเลย หลับตาปุ๊บใจก็นิ่งปั๊บไงครับ
แต่ถ้าสามารถทำตัวให้นั่งหลับตาตรงไหน เมื่อไหร่ แล้วนิ่งได้เร็วในทันที ก็ถือว่าสุดยอดเลยครับ อยากทำให้ได้อย่างนี้จังเลย เพราะเดี๋ยวนี้ นั่งปุ๊บก็นิ่งปั๊บเหมือนกัน แต่เป็นนิ่งสนิทนะครับ ไม่มีสัปหงกด้วย อัจฉริยะไหมครับ
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 10:58 AM
สวดมนต์เหมือนการวอร์มร่างกายก่อนเล่นกีฬา
หากเราไม่วอร์มร่างกายแล้วออกกำลังกายเลยก็ได้
แต่ 10 นาทีแรกเราจะเล่นได้ไม่เต็มที่เพราะยังไม่ได้วอร์ม
แต่หากวอร์มก่อนแล้วออกกำลังกายจะออกกำลังกายได้ดีกว่า
10 นาทีแรกเราจะเล่นได้เต็มที่เพราะวอร์มมาแล้ว
สวนมนต์ก่อนนั่งสมาธิ ช่วยให้เราเริ่มต้นรวบรวมสมาธิตอนสวดมนต์
พอมานั่งแล้วก็สามารถนั่งได้เต็มที่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเลย
หากไม่สวดมนต์แล้วนั่ง ช่วง 10 นาทีแรกจะนั่งได้ไม่เต็มที่เพราะต้องรวบรวมสมาธิ
หากสวดมนต์แล้วนั่ง ก็จะนิ่งได้ง่ายตั้งแต่ 10 นาทีแรก เพราะเริ่มรวบสมาธิตั้งแต่ตอนสวดมนต์ นั่นเองงงงง
#6
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 11:47 AM
ก่อนนั่งสมาธิผมจะสวดทุกครั้ง แม้จะไม่เข้าใจความหมายก็ตาม แต่เวลาสวดบทพระพุทธคุณผมจะตรึกนึกถึงองค์พระแก้วใสเป็นตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ที่กลางท้องแล้วนึกถึงคุณความดีของท่านจนจบบทพระพุทธคุณ สวดบทพระธรรมคุณผมก็จะตรึกนึกถึงดวงแก้วหรือหนังสือพระไตรปิฎกหรือหนังสือธรรมะที่ผมเคยอ่านไว้ในกลางท้องแล้วนึกถึงว่าหลังจากเราอ่านแล้วเราเอาไปใช้ประโยชน์อะไรในชีวิตประจำวันได้บ้าง สวดบทพระสังฆคุณผมก็จะตรึกนึกถึงหลวงปู่ คุณครูไม่ใหญ่ หลวงพ่อทัตตะไว้ที่กลางท้องแล้วนึกถึงว่า หลวงปู่ คุณครูไม่ใหญ่ และหลวงพ่อทัตตะท่านมีพระคุณกับผมอย่างไรบ้าง พอสวดบทอื่นเช่นบทแผ่เมตตาผมก็จะนึกถึงสรรพสัตว์ทั่วทุกอนันตจักรวาลไว้ที่กลางท้องและส่งความปราถนาดีให้กับพวกเขา บทพิจารณาขันธ์5ผมก็จะนึกถึงตัวเองไว้กลางท้อง สวดไปก็พิจารณาไปว่าตัวเองแย่ตรงไหนพิกลพิกาลยังไงแก่แล้วจะเป็นยังไงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่วัน ฯลฯ
คุณครูไม่ใหญ่ หลวงพ่อทัตตะและคุณยายอาจารย์ท่านเคยสอนไว้นะครับ ว่าการสวดมนต์แม้นเราจะสวดโดยที่ไม่รู้ความหมายของบทสวดนั้นเลย อานิสงค์ที่ได้ก็มากกว่าการสอนความรู้ทางโลกให้แก่คนธรรมดาเป็น100เท่าแล้วนะครับ ยิ่งหนังสือสวดมนต์สมัยนี้มีบทแปลให้อยู่ด้วย หากเราสวดโดยที่รู้ความหมาย อานิสงค์ที่ได้จะยิ่งทับทวีขึ้นไปตามลำดับครับ ดังนั้น จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ช่างมันครับ สวดไปเถอะครับเอาบุญไว้ก่อน
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#7
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 01:05 PM
"สวดมนเป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ถ้าทั้งกินทั้งทา โรคก็หายเร็ว" นี่จอมเทพจำขึ้นใจเลยนะครับประโยคนี้
แล้วหมายความว่าอะไรละ ก็หมายความว่า ปกติใจของคนเรานั้น มันจะวิ่งไปวิ่งมาอยู่ทั้งวัน จึงยากที่จะจับให้มันมาหยุดได้ง่ายๆ ดังนั้นมันจึงต้องมีกุสโลบายครับ ถ้าปุ๊ปปั๊ปนั่งเลยโดยที่ยังไม่ปรับใจก่อนละก็ มันก็ได้นะ แต่มันจะหยุดใจยาก อันนี้คุณก็คงจะเข้าใจดีนะ นั่นแหละมันมาจากสาเหตุนี้แหละครับ
มันก็เหมือนกับเราขี่รถมาด้วยความเร็ว แล้วจู่ๆก็เบรคกระทันหันเอาดื้อๆ คงรู้นะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนกันการทำสมาธิมันต้องค่อยๆหยุดไปทีละนิด ทีละนิดก่อนครับ
เข้าใจยังครับว่าทำไมเราต้องสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิครับ การสวดมนต์จะทำให้ใจเราค่อยๆกลับมาละมุนละไมไปทีละนิด ไปทีละนิด เมื่อถึงเวลานั่งสมาธิมันก็ไม่จำเป็นจะต้องมาปรับอะไรให้มากมายอีกไงละครับ O.ไหม
ที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นจะต้องสวดมนต์ก่อนที่จะนั่งสมาธิก็ได้ครับ อะไรก็ได้ ที่เป็นไปเพื่อทำให้ใจเราสามารถสงบได้ อะไรละ ก็คือการตามรักษาปกติของใจเรานั่นเองครับ รักษาไว้ด้วยการนึกถึงบุญบ้าง นึกถึงศูนย์กลางกายบ้าง ศึกษาธรรมบ้าง โอ้ย!เยอะแยะมากมายครับแล้วแต่ว่าคุณจะเลือกเอามาทำ
เท่านี้แหละครับ ก็เหมือนว่าคุณได้สวดมนต์ทั้งวันแล้ว O.ไหมครับ เพราะเป้าหมายมันอยู่ที่กุสโลบายในการทำใจให้หยุดเท่านั้นเอง แถมยังได้บุญก่อนนั่งอีกนะ สวดไปเถอะครับไม่มีอะไรเสียหาย อย่าคิดว่าเสียเวลาเลยครับวันหนึ่งก็สวดแค่สองครั้งเอง จอมเทพว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มนะครับ ไปละ
#8
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 01:22 PM
อ่านแล้วเข้าใจง่ายจัง เมื่อเช้าเข้ามารอบแล้ว แต่ไม่รู้จะเรียบเรียงคำตอบอย่างไร เข้าใจแต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ง่าย พอมาอ่านคำตอบของทุกคน แม้ ดีจังเลย วันหลัง หากมีเพื่อนถาม จะตอบอย่างนี้บ้าง เข้าใจง่ายดีจังค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 02:26 PM
สวดมนต์ ย่อมาจากสวดพระพุทธมนต์ครับ
สมัยเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนชีพอยู่ ก็จะทรงเมตตาสั่งสอนหนทางสวรรค์ นิพพานแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
เมื่อพระองค์ดับขันธปรินิพพานแล้ว พระเถระในอดีตจึงได้รวบรวมคำสอนของพระองค์ เพื่อให้พุทธบริษัททั้งหลายได้สวด
เป็นการทบทวนคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ
#10
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 03:43 PM
#11
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 06:08 PM
อาราธนา พระธรรมกาย หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ให้ท่านคุมธรรมะ
ให้รู้ถูกเห็นถูก อยู่ในร่องในรอย รู้ญานแม่นยำ ในธรรมะอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#12
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 07:19 PM
อาจเป็นการขอบคุณ และ
อาจเป็นการแสดงความกตัญญู ไปในตัวน่ะครับ
อาจ นะเพราะนี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
บางทีก็ขี้เกียจสวด....กลัวช้าเสียเวลาเหมือนกัลล
#13
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 11:38 PM
สาธุ
เสริมกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ศึกษา พิจารณา ครับ
อานิสงส์การสวดมนต์ ไหว้พระ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15026
สวดมนต์ รักษาใจ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2925
ทำวัตรเที่ยงได้หรือไม่ครับ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=17586
ตัวอย่าง
ผมมองว่า เราสวดมนต์เพื่ออะไร และสภาพใจเราตอนสวดมนต์ เป็นอย่างไร ครับ
เพราะ
หลายท่าน สวดมนต์แบบเอาขลัง เพื่อขอพร สิ่งศักดิสิทธิ์ เพื่อชีวิตจะรุ่งโรจน์
หลายท่าน สวดมนต์เพื่อเอาเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
หลายท่าน สวดมนต์ แล้วใจลอย ใจไม่ได้น้อมรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
หรือเนื้อหา ความหมาย ธรรมะ (ที่อยู่ในบทสวดมนต์)
หลายท่าน สวดมนต์ไป ใจก็รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ด้วยความซาบซึ้งใจจริง ๆ
แล้วมีแรงดจใจ ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้นกิเลส
หลายท่าน สวดมนต์ไป ใจก็พิจารณาเนื้อหา ความหมาย ธรรมะ ว่า
ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ เรามีความแก่ เจ็บ ตาย ยังต้องพลัดพรากของรัก ของชอบใจ ฯล
หลายท่าน สวดมนต์ไป ใจเลื่อมใสในพระรัตนตรัยและพิจารณาธรรมไปด้วย
หลายท่าน สวดมนต์ไป ก็ทำสมาธิไปด้วย ใจสงบ เข้าถึงความสว่างภายใน บรรลุธรรมภายใน
พี่สาคร ก็ลองพิจารณาเอง นะครับ ว่า
การสวดมนต์แบบไหน สมควรจะได้บุญกุศล มาก ๆ