![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/336fc5ddda3e901adf786e1c447aa1d9?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
ทำไมจำชาติที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้
#1
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 12:58 PM
#2
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 02:47 PM
จำได้ว่า คุณ เป็นหนึ่ง เคยตอบคำถามลักษณะ แบบนี้
ทำนองว่า
( สมมุติ ) เช่น
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
คุณตื่นกี่โมง ใส่เสื้อผ้าชุดไหน อาหารเช้า กลางวัน เย็น มีอะไรบ้าง กินอาหารมื้อละกี่คำ
เจอใครบ้าง พูดคุยกับใครบ้าง เรื่องอะไรมีคำพูดประโยคไหน ที่จำได้บ้าง
ใช้สบู่ แชมพู ยี่ห้อไหน กลิ่นอะไร นอนกี่โมง
ในระหว่างวัน มีความคิดเรื่องไหนบ้าง ฯลฯ
คำตอบแบบนี้ ไม่ได้กวน นะครับ
แต่ให้ข้อคิด ว่า ธรรมะหรืออจินไตย หลาย ๆ เรื่อง
แม้อธิบายไม่ชัดเจน แต่ก็พอเข้าใจตามได้ครับ
ถ้าพูดถึงหลักธรรมในพุทธศาสนา เจ้าของกระทู้ ลองค้นหา ศึกษาเรื่อง
สัญญา ( ความจำได้ หมายรู้ ) ดูนะครับ อาจจะได้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
เรื่องเด็ก ระลึกชาติได้
เท่าที่เคยทราบมา คือ
ภพชาติเก่า-ใหม่ติดกัน เช่น ตายปุ๊บ ไม่นานกายละเอียดได้เกิดเป็นมนุษย์ ทันที
และมีความผูกพันกับชาติเก่ามาก
หรือ คนที่เคยฝึกสมาธิมามาก เคยได้ญาณที่ระลึกชาติได้ ยังมีความสามารถเก่าพอติดมาบ้าง
และ ฯล
*** อนุโมทนา คุณ Sareochris สำหรับการค้นหาข้อมูล เรื่อง สัญญา มาฝากชุมชนครับ ***
#3
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 03:49 PM
แ้ล้วทำไมมนุษย์ึถึงจำไม่ได้ เพราะถ้าจำได้ ก็จะเข้าใจเรื่องบุญบาปมากขึ้น แล้วใครทำให้จำไม่ได้ ทำแล้วได้อะไร เขามีกำลังทำได้มากน้อยแค่ไหน ทำได้กับทุกคนหรือเปล่า เป็นเรื่องที่คุณครูไม่ใหญ่เคยฝากเป็นปกิณกะไว้ ให้ศึกษากันต่อไปครับ
#4
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 04:24 PM
เป็นความรู้จำพวกหนึ่ง หมายถึง การหมายรู้ หรือกำหนดรู้อาการของอารมณ์ เช่น ลักษณะ ทรวดทรง สี สัณฐาน ฯลฯ ตลอดจนชื่อเรียก และสมมติบัญญัติต่าง ๆ ว่า เขียว ขาว ดำ แดง ดัง เบา เป็นต้นการหมายรู้หรือกำหนดนั้ อาศัยการจับเผชิญ หรือ การเทียบเคียงระหว่างประสบการณ์หรือความรู้เก่ากับประสบการหรือความรู้ใหม่ ถ้าประสบการใหม่ตรงกับประสบการณ์เก่า เช่นพบเห็นคนหรือสิ่งของที่เคยรู้จักแล้ว ได้ยินเสียงที่เคยได้ยินแล้วถ้าประสบการใหม่ไม่ตรงกับประสบการณ์เก่า เราย่อมนำเอาประสบการณ์หรือความรูเก่าที่มีอยู่แล้วนั้นเองมาเทียบเคียงว่าเหมือนกันและไม่เหมือนกันในส่วนไหน อย่างไร แล้วหมายรู้สิ่งนั้นตามคำบอกเล่าหรือตามที่ตนกำหนดเอาว่าเป็นนั่น เป็นนี่ ไม่ใช่นั่น ไม่ใช่นี่ อย่างนี้เรียกว่า กำหนดหมายหรือหมายรู้เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาต่อไป ขอแยกสัญญาออกอย่างคร่าว ๆ เป็น ๒ ระดับ คือ
๑. สัญญาระดับสามัญ ซึ่งกำหนดหมายอาการของอารมณ์ที่เกิดขึ้นหรือเป็นไปอยู่ตามปกติธรรมดาของมันอย่างหนึ่ง
๒. สัญญาสืบทอด หรือสัญญาอย่างซับซ้อน ที่บางคราวก็ใช้คำเรียกให้ต่างออกไป เฉพาะอย่างยิ่ง ปปัญจสัญญา อันหมายถึงสัญญาเนื่องด้วยอารมณ์ที่คิดปรุงแต่งขึ้นให้ซับซ้อนพิสดารด้วยแรงผลักดันของตัณหามานะและทิฏฐิซึ่งเป็นสังขารชั้นนำในฝ่ายร้ายอีกอย่างหนึ่ง ส่วนฝ่ายดีเป็นแรงผลักดันของปัญญา สติ ญาณทัศนะ
การแยกเช่นนั้จะช่วยให้มองเห็นความหมายของสัญญาที่กำลังแสดงบทบาทอยู่ พร้อมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสัญญากับขันธ์อื่นภายในกระบวนธรรมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่อธิษฐานจิตมา นั่งสมาธิน้อย เลยจำภพชาติไม่ได้ สัญญาสืบทอดไม่มีความต่อเนื่อง
ความทุกข์ทรมานจาก "การเกิด" เป็นตัวทำลายสัญญาสืบทอด เช่น เด็กที่แช่ตัวอยู่ในน้ำคร่ำ แรกๆปฏิสนธิยังพอจำได้ว่าเป็นใคร มาจากไหน พออยู่ไป เหม็นก็เหม็น อึดอัด ร้อน เย็น ตอนคลอดศรีษะก็โดนบีบอัดผ่านทางช่องทางคลอด พอคลอดออกมาร้องอย่างเดียว ความจำที่อยู่ในท้องลืมหมด
ดังนั้น การเกิด จึงเป็น ทุกข์ และเป้นสิ่งที่ทำลาย ความทรงจำของชาติก่อนๆ
#5
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 05:43 PM
แม้แต่สัตว์ที่อยู่ในภพเดรัจฉาน ก็เช่นกัน เช่นกรณีที่สุนัขจดจำเจ้าของเก่าได้ รึขุดเจอสมบัติเก่าๆที่ฝังไว้ใต้ดิน เป็นต้น
การเวียนว่ายตายเกิดในภพสาม การขาดสัญญาสืบทอดเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ดังเช่น คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เคยได้ยินฟังมา พอตายแล้วไปเกิดใหม่ ก็ลืม จึงทำให้ไปก่ออกุศลกรรม แล้วมีวิบากอกุศลตามมาอีก พอเกิดใหม่ก็ต้องมานั่งสอนกันใหม่อีก
ทำให้เป็นภาระอันเหน็ดเหนื่อยแก่มหาปูชนียาจารย์ทุกๆท่านเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นสาเหตุที่ว่า เวลาทำบุญ ทำไมจึงต้องหมั่นอธิษฐานจิตให้ เราระลึกชาติได้ทุกภพชาติ
สัญญา - สติ - ความจำ
มักมีความเข้าใจสับสนกันในเรื่องความจำว่าตรงกับธรรมข้อใด คำว่าสัญญา ก็มักแปลกันว่า ความจำ คำว่า สติ โดยทั่วไปแปลว่าความระลึกได้ บางครั้งก็แปลว่าความจำ และมีตัวอย่างที่เด่นเช่นพระอานนท์ ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางทรงจำพุทธพจน์ คำบาลีในกรณีนี้ท่านใช้คำว่าสติ ดังพุทธพจน์ว่า "อานนท์เป็นเลิศกว่าประดาสาวกของเราผู้มีสติ"เรื่องนี้ในทางธรรมไม่มีความสับสนความไม่ใช่กิจของธรรมข้อเดียว แต่เป็นกิจกรรมของกระบวนธรรม และในกระบวนธรรมแห่งความจำนี้ สัญญาและสติเป็นองค์ธรรมใหญ่ ทำหน้าที่เป็นหลัก มีบทบาทสำคัญที่สุดสัญญาก็ดี มีความหมายคาบเกี่ยวและเหลื่อมกันกับความจำ กล่าวคือ
ส่วนหนึ่งของสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของความจำอีกส่วนหนึ่งของสัญญาอยุ่นอกเหนือความหมายของความจำ แม้สติก็เช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งของสติเป็นส่วนหนึ่งของความจำ อีกส่วนหนึ่งของสติ อยู่นอกเหนือความหมายอของกระบวนการทรงจำ
ข้อที่พึงกำหนดหมายและระลึกไว้อย่าง สำคัญคือ สัญญาและสติทำหน้าที่คนละอย่างในกระบวนการทรงจำ
#6
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 06:02 PM
ช่วงที่อยู่ในครรภ์ ก็ยังสามารถจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน จะมาเกิดเพื่ออะไร
พอตอนจะคลอด จะโดนลมชนิดหนึ่งพัด (ชื่อกัมมะชาวาด ซักอย่าง..จำไม่ได้ค่ะ) (เพื่อให้กลับหัว อยู่ในท่าเอาหัวลง) และโดนบีบทีศีรษะตอนผ่านช่องคลอดของมารดา ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เลยทำให้ลืมหมดว่าตัวเป็นใครมาจากไหน
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#7
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 09:19 PM
พอ ตอนจะคลอด จะโดนลมชนิดหนึ่งพัด (ชื่อกัมมะชาวาด ซักอย่าง..จำไม่ได้ค่ะ) (เพื่อให้กลับหัว อยู่ในท่าเอาหัวลง) และโดนบีบทีศีรษะตอนผ่านช่องคลอดของมารดา ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เลยทำให้ลืมหมดว่าตัวเป็นใครมาจากไหน
อ้าว แล้วคนที่ผ่าเพื่อคลอดหละครับ เด็กไม่ได้รับการบีบรัดอะไรเลย
#8
โพสต์เมื่อ 07 November 2008 - 11:14 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#9
โพสต์เมื่อ 08 November 2008 - 09:00 AM
ก่อนอื่นอยากจะถามคุณเจ้าของกระทู้ว่า คุณเจ้าของกระทู้จำเรื่องราวสมัยเด็กๆ ได้หมดทุกเรื่องไหมครับ เอาแค่ช่วงที่จำความได้จนถึงปัจจุบันก็พอ จำได้ทุกเรื่องราวไหมครับ ผมมั่นใจ100%ว่าจำได้ไม่หมดทุกเรื่อง จริงไหมครับ นี่แค่ผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเองนะครับ อาจจะ10หรือแค่20ปีเท่านั้นเอง
อ่ะทีนี้มาดูกัน คุณเจ้าของกระทู้ดูDMCทุกวันไหมครับ ถ้าดูทุกวันคุณเจ้าของกระทู้คงจะจำได้ ว่าระยะเวลาของภพต่างๆเทียบกับโลกมนุษย์เป็นยังไง เช่น 1วัน1คืนของนรกขุมที่1เท่ากับ9000000ปีของโลกมนุษย์ ถูกไหมครับ นรกขุมที่ลึกลงไปอีกระยะเวลาก็มากขึ้นไปเป็นลำดับๆ อ่ะของสวรรค์ 1วัน1คืนสวรรค์เท่ากับ50ปีของโลกมนุษย์ ถูกต้องไหมครับ(จำไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่เพราะช่วงนี้ตัวเลขบ/ชอยู่ในหัวตรึม - -") ทีนี้ตอนที่เรายังไม่ได้มาเกิด เราชดใช้กรรมอยู่ในนรกหรือสวรรค์กี่ปีบ้างล่ะครับ ถ้าเทียบกับเวลาในโลกมนุษย์กี่ปีบ้าง ยาวนานเลยใช่ไหมครับ แค่ตอนเรามีชีวิตอยู่ บางคนระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี เราก็ลืมเรื่องราวในอดีตหมดแล้วจริงไหมครับ แล้วตอนที่เรายังไม่มาเกิดมันยาวนานกี่ปีกัน คิดว่าเราจะยังจำเรื่องราวของชาติที่แล้วได้อีกไหมล่ะครับ ก็ว่าจะมาเกิดได้เราหมดเวลาไปกี่ล้านๆๆๆๆๆปีแล้วก็ไม่รู้ นี่แค่เริ่มต้นนะครับ
เอาล่ะผมขอให้เหตุผลโดยใช้หลักหย่างหยาบของมนุษย์วิเคราะห์แค่นี้ก่อนนะครับ หวังว่าคุณเจ้าของกระทู้คงจะกระจ่างขึ้นบ้างนะครับ ส่วนเรื่องละเอียดนั้นนั่งสมาธิให้ได้ธรรมะภายในแล้วไปดูเอาเองจะเข้าใจง่ายกว่า ผมขอตัวไปทำงานก่อนล่ะครับ ชะแว๊ป~~~~ ^ ^
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#10
โพสต์เมื่อ 08 November 2008 - 11:22 AM
#11
โพสต์เมื่อ 10 November 2008 - 09:53 AM