มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[ลูกพระพุทธ]

สุทธาวาสพรหมชั้นสูงสุด อยู่เหนือสวรรค์มากโข ซึ่งมีอายุนานถึง 16,000 กัป

ชั้น สุทธาวาสพรหม นั้น พระอนาคามีบุคคลเท่านั้นจึงจะไปเกิดได้ และจะบรรลุเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์นิพพานบน สุทธาวาสพรหม นั้น (ตอบให้คุณ mydestiny ได้ทราบด้วย)

จากคำถาม
1) มีโอกาสพบพระพุทธเจ้า 16,000 องค์ (สมมุติว่าหนึ่งกัปมีหนึ่งองค์ เฉลี่ยเอา)

ตอบ ตลอดเวลาที่ถึงผ่านมา 4 อสงไขย กับเศษแสนมหากัปนี้ มีพระพุทธเจ้าเพียง 20 กว่าพระองค์เท่านั้น และในตำราไม่เคยมีหรือความเป็นไปได้ที่จะมี พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นทุกกัป ติดต่อกันถึง 16,000 กัป มีแต่จะห่างกันเป็น อสงไขย หรือหลายหมื่น หลายแสนกัป ครับ

จากคำถาม
2) มีโอกาสเห็นจักรวาลเกิดดับ 16,000 ครั้ง (ก้อตามนิยามหนึ่งกัปคือจักรวาลเกิดดับครั้งนึง.. เอ แล้วทำไมพรหมไม่ดับตามจักรวาลเวลาจักรวาลล้างตัวเอง)

ตอบ จากตำราในพระไตรปิฏก จักรวาลทำลายล้างตัวเอง ได้สูงสุดแค่รูปพรหมของฌานที่ 3 เท่านั้น ส่วนรูปพรหมของฌานที่ 4 สุทธาวาสพรหม และอรูปพรหม ไม่โดนทำลายล้างไปด้วยเลย.

จากคำถาม
3) แล้วทำไมถึงเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าพอขึ้นพุทธสมัยใหม่ อริยบุคคลทุกระดับ ทุกภพภูมิ ต้องเกลี้ยงจักรวาลก่อนหรือ

ตอบ ก่อนเมื่อขึ้นพุทธสมัยใหม่ โลกมนุษย์ จะไม่มีพระอริยบุคคลที่เป็นมนุษย์เหลืออยู่เลยครับ แต่จะมีพระอริยบุคคลเหลืออยู่ได้ในชั้นของพระพรหม
เช่นมีอยู่ตอนหนึ่งในพระไตรปิฏก ได้มีพระพรหมสุทธาวาส ทะยอยเข้ามาเฝ้าพระพระพุทธเจ้า โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วบอกให้พระพุทธองค์ทราบตามลำดับว่า เป็นกลุ่มพระพรหมที่บรรลุเป็นอริยะในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เป็นกลุ่มของพระพรหมที่บรรลุเป็นพระอริยะในสมัยของพระกัสสปะพุทธเจ้า เป็นกลุ่มพระพรหมที่บรรลุเป็นพระอริยะในสัมัยของพระโคนาคมพุทธเจ้า เป็นกลุ่มพระพรหมที่บรรลุเป็นพระอริยะในสมัยของพระกกุสันโธพุทธเจ้า เป็นกลุ่มพระพรหมที่บรรลุเป็นพระอริยะในสมัยของพระเวสภูพุทธเจ้า ฯลฯ.

แต่บางช่วงบางสมัยที่พระพุทธเจ้าได้อุบัติห่างกัน หลายแสนมหากัป หรือจนเป็นอสงไขย ก็ย่อมไม่มีพระพรหมสุทธาวาสเหลืออยู่เลยแม้แต่ท่านเดียว.


**** ต่อไปผมจะตั้งข้อสังเกตให้อีกข้อหนึ่ง ในสมัยที่พระพุทธเจ้าจะต้องอุบัติขึ้นแต่ห่างกัน หลายแสนมหากัป หรือจนเป็นอสงไขย และพระภิกษุที่จะเป็นเอกคัดตะที่เป็นเลิศด้านใดด้านหนึ่งในสมัยต่อไป จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? เพราะท่านเหล่านี้จะต้องได้รับพุทธพยากรณ์และสร้างบารมีอย่างน้อยหนึ่งแสนกัป แต่นี้เป็นหลายแสนกัป หรือเป็นอสงไขยเชียว.

คำตอบจากความเข้าใจของผม จากที่กล่าวว่า "พระอริยะที่เป็นเลิศเป็นเอกคัดตะจะต้องได้รับพุทธพยากรณ์และสร้างบารมีอย่างน้อยหนึ่งแสนกัป" ก็หมายความท่านได้รับพุทธพยากรณ์ก่อน หลายแสนกัปหรืออสงขัย ก็ได้
ก็หมายความว่าในสมัยใดที่จะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นในกาลต่อไปห่าง เกินหลายแสนกัป หรือจนถึงอสงไขย ผู้ที่จะเป็นพระภิกษุที่เป็นเลิศในสมัยถัดไป ก็ย่อมทยอยได้รับพุทธพยากรณ์อย่างเสร็จสิ้นก่อนที่จะว่างจากพระพุทธเจ้าถึงหลายแสนกัป หรือจนถึงอสงไขย นั้น. (หรือผู้ที่เป็นพระอริยะที่เป็นเลิศด้านใดด้านหนึ่งไม่จำเป็นต้องได้รับพุทธพยากรณ์เสมอไป น่าจะมีแต่คงมีน้อยมาก เพราะเมื่อไม่ได้ปรารถนาไว้ ความเป็นเลิศในการสร้างบารมีย่อมปรากฏได้ยาก และวิบากกรรมที่จะส่งให้พระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งตำแหน่งความเป็นเลิศก็ย่อมมีน้อยลงไป)
เพราะในพุทธวงค์ตลอดทุกๆ วงค์ ที่ผ่านมานั้นจะต้องปรากฏมีพระอริยะที่เป็นเลิศปรากฏอยู่กับพระพุทธเจ้าทุกพุทธองค์ ตามลำดับ ****

ขอบคุณ ข้อมูลจาก ลูกพระพุทธ (Vicha) ในเบื้องต้น

มาพูดถึงกัป

1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
400 เส้น = 1 โยชน์
20 วา = 1 เส้น
1 กัป = ตั้งแต่โลกเกิด จนถึงโลกดับ 1 ครั้ง
อสงไขย = 10 ยกกำลัง 140 กัปป์
คำว่า กัปป์ กับ คำว่า กัลป์ เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน คนนึงเป็น บาลี คำนึงเป็น สันสกฤต

สมมุติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป

(บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์) วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาตกิโลเมตร ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร 1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตรจะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด

ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = 1600X2,000,000 = 3,200,000,000 เมล็ด ถ้าเป็นปริมาตร คือ กว้าง x ยาว x สูง
ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ
3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด

ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ
32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 = 3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี

จึงได้เวลา 1 กัปป์ ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปีประมาณ 3.3 X 10 ยกกำลัง 30 ปี

1 อสงไขยมีกี่กัปนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอน คือ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว หรือ 1 X 10 ยกกำลัง140 กัปป์



กัปป์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ ประการ คือ

๑) สุญญกัปป์ หมายถึง กัปป์ที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ
๒) อสุญญกัปป์ หมายถึง กัปป์ที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ อุบัติขึ้น

อสุญญกัปป์มี ๕ อย่างคือ

๑) สารกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๑ พระองค์
๒) มัณฑกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๒ พระองค์
๓) วรกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๓ พระองค์
๔) สารมัณฑกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๔ พระองค์
๕) ภัททกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๕ พระองค์


ภัทรกัปป์ ( คือกัปป์ปัจจุบัน )
มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้ว ๔ พระองค์คือ
- พระพุทธกกุสนธะ
- พระพุทธโกนาคมน์
- พระพุทธกัสสปะ
- พระพุทธโคดม ( สมเด็จพระศาสดาองค์ปัจจุบัน )
- และจะมี พระพุทธเมตไตรย มาตรัสรู้ในอนาคต


เมื่อสิ้นมหากัปป์นี้แล้ว คัมภีร์อนาคตวงศ์กล่าวไว้ว่าอสุญญกัปป์ต่อไปจะเป็น มัณฑกัปป์ มีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์คือ
พระรามโพธิสัตว์ และพระเจ้าปเสนทิโกศล(พระธรรมราช)

http://www.tteen.net...=20040301022847

16,000ปี ยาวนานมหาศาลทีเดียว

[ชีวิตงาม]

อ่านแล้วเขาใจนะครับ

สาธุ...กับบทความดีเพื่อทุกคน

[Ooy1122]

sathu ka.

[อู่ต่อเรือ]

สุดยอดเลย

[ติงตังมาว]

ขอเสนอความเห็นเพิ่มเติมนะครับ
คำว่า อสงไขย เป็นแค่จำนวนที่บอกเฉพาะปริมาณ ยังไม่มีหน่วย มีค่าประมาณ1ที่ตามด้วยเลข0จำนวน140ตัว (หรือ1ยกกำลัง140)
เช่นเดียวกับคำว่า 1ล้าน บอกปริมาณว่า 1 ล้าน แต่ถ้าเราใส่หน่วยก็จะให้ความหมายต่างๆกันไป เช่น 1ล้านบาท,1ล้านเมตร, 1ล้านปี, 1 ล้านคน, 1 ล้านองค์ เป็นต้น
ดังนั้น คำว่า 1อสงไขย (เฉยๆ) จึงมีค่าประมาณ 10ยกกำลัง140 (ไม่มีหน่วย)
แต่ถ้าบอกว่า 1 อสงไขย กัปป์ ก็มีค่าประมาณ 10ยกกำลัง140 กัปป์

[หัดฝัน]

เสริมตัวอย่างในคำถามข้อที่ 3 นะครับ
เรื่องนี้มีตัวอย่างจริงในสมัยพุทธกาล เรื่องราวของพระพาหิยะที่เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้่เร็วพลัน แต่ถูกวัวขวิดตาย(แล้วนิพพาน)
เรื่องก็มีอยู่ว่า ชาติก่อนท่านเกิดในสมัยพระกัสสัปสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านและเพื่อนบวชเป็นพระ(ความจริงมี 7 รูป แต่ผมจะขอพูดถึงแค่ 2 รูป) แล้วขึ้นไปบนภูเขา ผลักบันไดทิ้ง ตั้งจิตกับเพื่อนว่า จะนั่งสมาธิจนบรรลุธรรม หากไม่บรรลุก็ขอยอมตาย ปรากฏว่า เพื่อนท่านบรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี เหาะไปนำอาหารมาให้ท่าน แต่ท่านไม่ยอมฉันจนตาย
ชาตินี้ท่านเกิดมาเป็นหนุ่มชื่อ พาหิยะ หลงผิดคิดว่า ตนเองเป็นพระอรหันต์ จนกระทั่งเพื่อนท่าน ที่เป็นพระอนาคามีอยู่ชั้นพรหม ต้องลงมาเตือนสติว่า "พาหิยะ ท่านไม่ใช่พระอรหันต์นะ ตอนนี้พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว ท่านไปฟังธรรมสิ"
ท่านพาหิยะ จึงเิดินไปฟังธรรม จนบรรลุธรรม แล้วถูกวัวขวิดตาย

ต่อมาเรื่องของการพยากรณ์ หากอ่านพุทธประวัติดีๆ จะเห็นว่า สมัยพระปทุมุตรพุทธเจ้า เมื่อแสนกัปที่แล้ว พระองค์จะพยากรณ์ว่าที่พระอรหันต์หลายต่อหลายท่าน แล้วพระอรหันต์เหล่านั้น ได้มาบังเกิดในยุคพระพุทธเจ้าของเรา ในขณะที่พระพุทธเจ้าของเราแทบไม่ได้พยากรณ์ใครเลย ยกเว้น ว่าที่พระศรีอารียเมตไตย พระเทวทัตว่าที่พระปัจเจกพุทธเจ้า และอีกไม่กี่ท่านเท่านั้น ที่ได้รับพุทธพยากรณ์

[WB]

หลังจากมีการถกเถียงเรื่องเวลากันมานาน ไม่เคยมีใครคำนวณเวลาด้วยเมล็ดผักกาดเลย ทุกคนจะเอาหนวยเวลามาคูณกันหมด ผลก็คือไม่สามารถสรุปออกมาได้ แต่ท่าน จขกท เอาเมล็ดผักกาด ซึ่งเป็น"นิยาม"มาคำนวณ ถ้าคุณคำนวณไม่ผิด ผมว่าการคำนวณของคุณใกล้เคียงความเป็นจริงของ 1 กัปป์ที่สุดแล้วครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ