พระพุทธรูปหลายหน้า
#1
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 10:45 AM
#2
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 02:07 PM
#3
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 02:19 PM
#4
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 04:06 PM
#5
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 04:54 PM
#6
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 05:58 PM
ถ้าถามว่าจะนำมาเป็นนิมิตรตอนนั่งสมาธิได้หรือไม่ ก็อย่างที่บอกแหละครับ อะไรที่เป็นมงคลแก่ชีวิตก็สามารถนำมาเป็นนิมิตรได้หมดแหละครับ เพราะยังไงตอนท้ายก็จะกลายเป็นองค์พระแก้วใสเหมือนกันหมด
ว่าแต่ว่า พระพุทธรูปที่ว่า เป็นพระพุทธรูปองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็นรูปเคารพของพระโพธิสัตว์กันแน่ครับ ดูให้แน่นะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 06:16 PM
#8
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 06:18 PM
เป็นผม คงไม่บูชา แถมยังอัญเชิญไปสู่ที่อันควร เพราะ
๑. อาจทำให้ผู้ไม่รู้ เข้าใจผิดได้
๒. ผิดพุทธลักษณะ อย่างแรง
๓. ความศรัทธาประกอบ โมหะ...
#9
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 08:00 PM
อืม....แล้วจะตอบยังไงดีน๊า.....สำหรับกรณีเช่นนี้ เอาเป็นว่า...จอมเทพขอตอบอย่างนี้ละกันนะครับ
จริงๆแล้ว จอมเทพเห็นด้วยกับทุกความเห็นในเบื้องต้นนั้นแหละครับ อย่างที่คุณ นักเรียนอนุบาล ทัพพีในหม้อว่าอะไรที่เป็นมงคลแก่ชีวิตก็สามารถนำมาเป็นนิมิตรได้หมดแหละครับ เพราะยังไงตอนท้ายก็จะกลายเป็นองค์พระแก้วใสเหมือนกันหมด
และอย่างที่ นักเรียนอนุบาล ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::ได้บอกเอาไว้ว่า เป็นผม คงไม่บูชา แถมยังอัญเชิญไปสู่ที่อันควร เพราะ
๑. อาจทำให้ผู้ไม่รู้ เข้าใจผิดได้
๒. ผิดพุทธลักษณะ อย่างแรง
๓. ความศรัทธาประกอบ โมหะ...
คุณโก้ก็เลือกเอาละกันนะครับ ว่าจะเลือกปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ตามทั้งสองกรณีที่ว่ามาแล้วข้างต้นนั้น แต่ถ้าคุณโก้ไม่อยากให้คนอื่นมองเห็นรอยแหว่งของศาสนาที่คุณโก้นับถืออยู่ละก็ คุณโก้ก็ควรที่จะลือกปฏิบัติตามคำของ นักเรียนอนุบาล ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :ครับ (โปรดอย่าได้เสียดายเลยครับ ถ้าสิ่งนั้นจะกรายเป้นอาวุธของศรัตรูในภายหลัง) ไปละ
#10
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 08:36 PM
ถ้าเรามีแบบนี้.. เราจะอันเชิญไปที่อื่น..
เพราะเห็นแล้ว.. ไม่ได้มีความรู้สึกยกใจแต่ประการใด..
เพราะสิ่งสำคัญมันอยู่ที่ใจเราเองนะ..
ถ้าเห็นแล้วรู้สึกดี.. รู้สึกยกใจให้สูงขึ้น.. ก็ควรกราบไหว้บูชา.. หรือเอามาเป็นนิมิตรทำสมาธิ..
แต่ถ้าตรงข้าม.. ก็ไม่บูชาแน่นอน..
สำหรับคุณ.. ก็ถามใจตัวเองดูดีกว่าจ้า.. ว่าเอาไงดี..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#11
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 09:18 PM
#12
โพสต์เมื่อ 23 November 2008 - 10:24 PM
- มีพุทธศิลป ตามยุคสมัยต่างๆ แต่หลายพระพักตร์นี่ไม่ทราบจุดประสงค์หรือที่มาในการสร้าง หากมี10พระพักตร์อาจหมายถึงพระทศพลญาน?แต่ก็ไม่น่าจะเป็นหลักการ หรืออาจสร้างเพื่อประชันกับคุณสมบัติของเทวรูปในเทวนิยมก็เป็นได้
- แท้จริงแล้ว พระพุทธรูปควรมีพุทธลักษณะอันควรค่าต่อการระลึกถึง คือ ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ32 อนุพยัญชนะ80
ไฟล์แนบ
#13
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 09:30 AM
ขอแนะนำว่า ถ้าไม่ใช่สมบัติประจำบ้านที่บรรพบุรุษหวงนักหนา ผมแนะนำว่า ควรตามนักสะสมพระมาดูแล้วตีราคาปล่อยไปเถอะครับ เอาเงินมาทำบุญดีกว่า เพราะเดาเอาว่า นี่คือ พระพุทธรูปที่แสดงถึงการเป็น "ภาค" หนึ่งของพรหม ของผู้ที่นับถือลัทธิบูชาพรหมเป็นผู้สูงสุด แต่ไม่น่าจะใช่ของเก่า น่าจะเป็นการทำเลียนแบบ
ผมเคยเห็นศิลปคล้ายๆแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตามโบราณสถานของเขมรนะครับ ช่วงกายจะเหมือนพระพุทธรูปทุกอย่าง แต่ช่วงหน้าจะยกสัญลักษณ์พรหมมาใส่แทนง่ายๆเลย จะมีแปดหน้า แทนการมองแปดทิศรอบตัว เป็นช่วงที่พวกศาสนาและลัทธิแย่งกันมีอิทธิพลในราชสำนักนะครับ
แต่ที่เป็นเหมือนแบบนี้เด๊ะๆ ยังไม่เคยเห็นนะครับ ไปได้มาจากไหนล่ะครับ ลองพลิกดูที่ฐานหรือยัง เผื่อจะมีลายแทงสมบัติเจ้าคุณปู่ติดอยู่นะครับ
ปล.ส่วนตัว ไปเที่ยวเขมรไม่ประทับใจเลย โดนขูดตลอด อะไรก็หนึ่งดอล อะไรก็สองดอล น้ำดื่มขวดสีขาวขุ่นๆที่บ้านเราขวดละห้าบาทเจ็ดบาทนั่นแหละขวดละหนึ่งดอลล่าร์ ต้องขู่ตลอดเวลาว่าเป็นคนไทย ถึงได้ซื้อในราคาสิบบาท เหรียญสิบบาทกับแบงค์ยี่สิบ แลกไปเป็นหมื่นหมดในไม่กี่วัน ขอแนะนำคนที่จะไปเที่ยว เวลาลงจากรถให้ถือแบงค์ยี่สิบไว้ในมือสักห้าหกใบ จะกันพวกเด็กที่มารุมขายของได้ดีทีเดียว ***ขออภัยนอกเรื่องไปนิด***ปีหน้าจะไปเที่ยวพม่า เดี๋ยวจะเอาความเชื่อทางพระพุทธศาสนาของพม่ามาเขียนเป็นซีรี่ส์ให้อ่านกัน
#14
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 11:55 AM
#15
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 01:26 PM
เป็นพระพุทธรูป ที่สร้างขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ให้ผู้บูชามีความเจริญสุขสวัสดี ร่ำรวย ก้าวหน้า
เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงิน ทอง โภคสมบัติ และเป็นสัญลักษณ์
แห่งตัวแทนของท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่านในสมัยพุทธกา ล มหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน
ได้เป็นพุทธอุปัฎฐากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า และยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่อง
จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
"เป็นผู้เลิศในการทำบุญและเป็นยอดแห่งมหาเศรษฐีท ั้งป วง"
ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้
1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี
2.ยัสสะมหาเศรษฐี
3.สุมนะมหาเศรษฐี
4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี
5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี
6.เมณฑกะมหาเศรษฐี
7.โชติกะมหาเศรษฐี
8.สุมังคละมหาเศรษฐี
9.มหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)
ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ล้วนแต่เป็นพระอริยโสดาบันทั้งสิ้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม
ความดีงาม พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณว่า
ในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน
ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก ในเวลาต่อมา
ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า
"ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุ
เภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป"
พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล
สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิเจ้าพญาผู้ ครองราชอาณาจักร
ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่
พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์
ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุขด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ
จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏ ิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..."
ค้นหาข้อมูลและคัดลอกนำมาให้อ่านกัน เป็นประเภทมนต์ปนธรรมครับ ควรจะทำอย่างไร หลายๆ ท่านได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมกันไว้แล้วข้างต้นครับ
#16
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 02:30 PM
#17
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 04:09 PM
#18
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 05:58 PM
คือให้นับหน้าท่าน ถ้ามีแค่สี่หน้า หกหน้า แปดหน้า สิบสองหน้า ก็เป็นศิลปเขมรอย่างที่ผมบอก
ถ้ามีเก้าหน้า กับสิบหน้า ก็เป็นพระพุทธรูปอย่างที่คุณ New บอกเอาไว้ครับ
คุณลุงบอกว่ามีขั้นตอนการบูชา ประเภทเครื่องบูชา แล้วก็คาถาที่ใช้บูชาด้วย พร้อมเคร็ดอีกมากมายในการ "ใช้" คุณลุงใช้คำนี้เลย แย้งท่านแล้ว ท่านก็ยังยืนยันให้ใช้คำว่า "ใช้" เพราะคุณลุงบอกว่าเป็นเครื่องลางบูชามากกว่าที่จะเป็นพระพุทธรูป ไม่นิยมสร้างไว้ที่วัด ไม่มีราคา แต่พวกที่เล่นทางมนต์คาถาชอบนัก
ไม่รู้เท็จจริงแค่ไหน แต่คุณลุงแกก็เซียนพระเครื่องเหมือนกัน มีพระของขวัญรุ่นหนึ่ง รุ่นสอง อยู่ด้วย ประจบเลียแข็งเลียขาก็แล้วก็ยังไม่ยอมให้ แกบอกจะเก็บไว้ทำกำไร ...เฮ้อ เราหล่ะหน่าย
#19
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 09:35 PM
#20
โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 10:35 PM
.....เห็นแล้ว ทำให้นึกถึง คำว่ารู้รอบตัว เห็นรอบตัว.....
.....รู้จากการเห็น แต่ต่างจากการคิดเอาเองก็ตรงนี้แหล่ะ.....
#21
โพสต์เมื่อ 26 November 2008 - 11:34 AM