หนาว แล้ว
#1
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 08:17 PM
- ออกกำลังกายบ้าง เพราะ การออกกำลังกายเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานโรคที่ดีที่สุด แต่อย่าหักโหม เพราะจะทำป่วยมากกว่าทำให้ดีขึ้น
-. กินผัก ผลไม้ เยอะๆ ล้างให้สะอาดด้วยนะครับ
-. นอนให้เพียงพอ และ นอนให้ตรงเวลา
-. ไปหาหมอเมื่อไม่สบาย อย่าปล่อยไว้ เพราะ โรคสมัยนี้บางทีมันไม่สามารถรักษาด้วยยาแบบเดิมได้
-. นั่งธรรมมะสำคัญครับ มีการวิจัยบอกไว้ว่า การทำสมาธิให้ร่างกายได้พักผ่อนและจัดระบบป้องกันไว้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ
13 ธันวา สู้ๆครับ
"เราไม่ดูแลเราแลใครล่ะจะมาดู"
#2
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 09:29 PM
#3
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 09:36 PM
#4
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 09:57 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 10:47 PM
#6
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 01:11 AM
11,250 รูป ที่เชียงใหม่ด้วยกันนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 08:46 AM
#8
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 09:28 AM
#9
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 09:56 AM
ควรทานผักสดและผักลวกอย่างละครึ่งในแต่ละวัน
ควรทานผักให้หลากหลาย ตามฤดูกาล
ผักที่มีประโยชน์ครบถ้วน เช่นผักกาดต่างๆ โดยเฉพาะผักกาดแก้ว ผักกาดหอม
ผักที่มีผลให้เกิดอาการปวดข้อ โรคเก๊า เช่น ถั่วงอก สะเดา หน่อไม้ ยอดกระถิน แตงกวา
ดืมนำต้มขิงแก่ ช่วยแก้หนาว และแก้ปัญหาโรคไขข้อระยะยาว
มะละคือฝ่ายตรงข้ามของโรคเบาหวาน
บล็อกโคลี่ท้าสู้กับโรคหัวใจและหลอดเลือดได้บ้าง
ทานผลไม้ตามฤดูกาล และที่สะอาด
หลีกเลี่ยงการทานผลไม้หวานจัดในตอนเย็น
ควรทานผลไม้ในตอนท้องว่างเพื่อให้การดูดซึมดี ยกเว้นผลไม้ที่มีผลต่อการกัดกระเพาะเช่นสัปรด
ผลไม้ที่มีวิตามินเอ(ในรูปแคโรทีน), ซีและอี จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้บ้าง
จากข้อมูลการทดลองกรมอนามัย ใน 100 กรัมพบว่า
ผลไม้ที่มีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก (873 ไมโครกรัม) รองลงมาได้แก่ มะเขือเทศราชินี (639 ไมโครกรัม) มะละกอสุก (532 ไมโครกรัม) มะปรางหวาน (230 ไมโครกรัม) แคนตาลูปเหลือง (217 ไมโครกรัม) มะยงชิด (207 ไมโครกรัม) สับปะรดภูเก็ต (150 ไมโครกรัม) แตงโม (122 ไมโครกรัม) ส้มสายน้ำผึ้ง (101 ไมโครกรัม) และ ลูกพลับ (93 ไมโครกรัม)
ผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ขนุนหนัง (2.38 มิลลิกรัม) มะขามเทศ (2.29 มิลลิกรัม) มะม่วงเขียวเสวยดิบ (1.52 มิลลิกรัม) มะเขือเทศราชินี (1.34 มิลลิกรัม) มะม่วงเขียวเสวยสุก (1.23 มิลลิกรัม) มะม่วงน้ำดอกไม้สุก (1.1 มิลลิกรัม) มะม่วงยายกล่ำสุก (0.97 มิลลิกรัม) กล้วยไข่ (0.67 มิลลิกรัม) แก้วมังกรเนื้อสีชมพู (0.59 มิลลิกรัม) และสตรอว์เบอร์รี่ (0.54 มิลลิกรัม)
ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ ฝรั่งกลมสาลี่ (187 มิลลิกรัม) ฝรั่งไร้เมล็ด (151 มิลลิกรัม) มะขามป้อม (111 มิลลิกรัม) มะขามเทศ (97 มิลลิกรัม) เงาะโรงเรียน (76 มิลลิกรัม) ลูกพลับ (73 มิลลิกรัม) สตรอว์เบอร์รี่ (66 มิลลิกรัม) มะละกอแขกดำสุก (55 มิลลิกรัม) พุทราแอปเปิ้ล (47 มิลลิกรัม) และส้มโอขาวแตงกวา (45 มิลลิกรัม)
:'( ออกกำลังกายพอเหงื่อซึมๆ ให้หัวใจทำงานเร็วขึ้นบ้าง ในตอนเช้าๆ อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
นอนให้หลับสนิท สัก 4 - 6 ชั่วโมง
หยุดใจ ตลอด 24 น.
#10
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 10:36 AM
เทคแคร์ครับ
#11
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 12:21 PM
#12
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 04:48 PM
#13 *innerspot*
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 07:52 PM