ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ที่มาของคำว่า พระเจ้าเหา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 08:17 PM



พักนี้ไม่รู้เป็นไงผมพูดกับใคร คอยจะพูดคำว่าพระเจ้าเหาบ่อยๆ ก็เลย ไปค้นในgoogleมา ก็เลยถึงบางอ้อ ร้องอ๋อ พบว่าพระเจ้าเหา แท้ที่จริงก็มีตัวตน มีที่มาเยี่ยงนี้นี่เอง


แนบไฟล์  20070901_DSC_0052.jpg   43.09K   110 ดาวน์โหลด


ตึกพระเจ้าเหา ตึกหลังนี้แสดงให้เห็นลักษณะสถาปัตยกรรม ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้ชัดเจนมาก ประตูหน้าต่างทำซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ผนังด้านสกัดสูงยันอกไก่ ตรงจั่วเจาะเป็นช่องโค้งมี กำแพงแก้วเจาะเป็นช่องสำหรับวางตะเกียงล้อมรอบตึก ด้วยเหตุว่าภายในตึกมีฐานชุกชีปรากฏให้เห็นอยู่และ บันทึกชาวฝรั่งเศสระบุว่าเป็นวัด เพราะฉะนั้นตึกหลังนี้สันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ชื่อว่า "พระเจ้าเหา" หรือ "พระเจ้าหาว" (หาว = ท้องฟ้า - ภาษาไทยโบราณ) ตึกหลังนี้ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงใช้เป็นที่ประชุมขุนนาง และในตอนปลายรัชกาลขุนหลวง- สรศักดิ์ใช้ตึกนี้เป็นที่ชุมนุมขุนนางและทหาร เพื่อแย่งชิงราชสมบัติในขณะที่พระองค์ทรงพระประชวรหนัก


"ตึกพระเจ้าเหาที่เมืองลพบุรีที่ได้ชื่อว่า เหา นั้น นึกไม่ออกอยู่นาน วันหนึ่งไปลพบุรีกับศาสตราจารย์เซเดส์ ถามถึงคำว่า 'เหา' แกบอกว่าเป็นภาษาเขมร แปลว่า ที่พระเจ้าแผ่นดินตรัสเรียกเคาน์ซิลออฟเชมเบอร์ (Council of Chamber) มาประชุม ในตอนที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ สวรรคต ก็มีการประชุมที่นั่น"



พระเจ้าเหา ไม่ใช่มีแต่ชื่อคนไทยนะ

พระเจ้าเหาเป็นจักพรรดิของเมืองๆหนึ่งของจีนไม่งั้นก็มองโกล (ไม่แน่ใจ) มีตั้งแต่สมัยก่อนเกิด 3 ก๊ก ท่านเป็นคนที่ผู้อื่นเกลียดชังมาก เพราะ รบทีไร ต้องแพ้ทุกที แล้วทุกครั้งพระเจ้าเหา ก็ไม่ออกรบ มัวแต่สนโสเภณี พวกทหารบางส่วนจึงคิด กบฎขึ้น เพื่อที่จะลอบฆ่าพระเจ้าเหา โดยหนึ่งในกบฏนั้นมีน้องชายของเขาชื้อ เหลือง(ภาษาจีนนะครับ) เหลืองเคยเป็นแม่ทัพ แต่ตอนนี้กลับเป็นทหารธรรมดา เพราะถูกเนรเทศ (ที่จริงแล้วพระเจ้าเหากลัวน้องชายของเขาจะมาครองราชย์แทนที่ จึงคิดแผนไล่น้องชายตนเองออกจากวัง) และแล้วพวกทหารก็รวมกบฏได้เยอะเกินครึ่ง โดยที่นำทัพของเมืองอื่น2เมือง(จำชื่อไม่ได้) มาร่วมด้วย แล้วก็ก่อ กบฏขึ้น จนพระเจ้าเหาโดนจับ และถูกตัดคอ เหลืองจึงคิดครองราชย์แทนที่พระเจ้าเหา แต่ก็ถูก จักพรรดิ ของเมืองที่1และ2 ขวางไว้ จึงเกิดการแย่งชิง และก็สู้กันเองจนทัพของ เหลืองแพ้ และแล้ว เมือง1และเมือง2ก็แย่งชิงการเป็นจักพรรค จึงสู้กันอีก และทั้ง2 ก็พ่ายแพ้ทุ้งคู่



จากหนังสือ"รวมบทความสารคดีเชิงศาสนา" โดย ศาสตราจารย์พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิตนั้น ท่านได้นำคำนำ ที่ท่านลิขิต ฮุนตระกูล เขียนไว้ในหนังสือ "ประวัติการสัมพันธ์ระหว่างชาติไทยกับชาติจีน" ดังกล่าวตอนหนึ่งมาเสนอว่า

"ในที่สุด ข้าพเจ้าก็พบหลักฐานในหนังสือจีนกล่าวว่า ชนชาติไทยกับจีนก็ได้ก่อสร้างตนมาตั้งแต่เริ่มต้นพงศาวดารจีน ฉะนั้น หนังสือประวัติศาสตร์การสัมพันธ์ระหว่างชาติไทยและจีนเล่มนี้ จำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องนำเหตุการณ์ และศักราชแห่งพงศาวดารจีนมาเป็นแนวทางเรียบเรียง เพื่อให้ผู้อ่านจะได้มีโอกาสตรวจสอบได้สะดวกในพงศาวดารจีน มีข้อความปรากฏดังต่อไปนี้ คือ :-

พระเจ้าเสียวเหา ( หรือพระเจ้าเหาน้อย ไทยเรียก พระเจ้าเหา ) กษัตริย์องค์ที่ ๒ ในพงศาวดารจีนครองราชย์ระหว่าง ๒,๐๕๔ ถึง ๑,๘๗๑ ก่อนพุทธศักราช พระองค์เป็นต้นตระกูลของชนชาวไทย ไทย ซึ่งลูกหลานในภายหลังได้กลายเป็นชาวดอยไปในมณฑล ฮูนาน กวางตุ้ง กวางสี กุยจิว เสฉวน และหยุนนาน ซึ่งชนจีนได้พบชาวดอยนี้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น"

ศาสตราจารย์จำนงค์ยังได้เสริมอีกว่า "คำว่า เหา นี้ คงจะตรงกับ พระเจ้าเหยา ซึ่งเขียนเป็นอักษรโรมันว่า Yao แต่คำว่า Yao นี้ เมื่อผมแปลหนังสือชุด บ่อเกิดลัทธิประเพณีจีน ให้ราชบัณฑิตยสถาน ผมถอดออกมาเป็น เหยา เวลาส่งไปให้ คุณหมอตันม่อเซี้ยง ตรวจเกี่ยวกับชื่อภาษาจีน ท่านได้แก้เป็น เอี่ยว เพราะตัว Y อาจเป็นตัว ย หรือตรงกับ I ก้อได้ ถ้า Y ตรงกับ I ดังนั้น Iao ก็ต้องถอดเป็น เอี่ยว ครับ"





พระเจ้าเสียวเหา หรือ พระเจ้าเหา(น้อย) เป็นพระนามของกษัตริย์จีนราชวงศ์ที่ ๑ (แต่ยังมิได้รวบรวมประเทศเป็นจีน) เมื่อ ๔,๖๐๐ ปีเศษมาแล้ว (ก่อนพุทธศักราชสองพันกว่าปี) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าหว่างตี้ ราชวงค์ที่1 ปฐมกษัตริย์ของจีน พระเจ้าเหาเป็นกษัตริย์องค์ที่สอง ครองราชย์ 2145-2055 ปี ก่อนพุทธศักราช อยู่ในราชสมบัติ 100 ปี มีพระอัครชายา 5 องค์ พระนางชีเลงสี พระมารดาพระเจ้าเหา(น้อย) เป็นพระอัคนชายาที่1 มีพระโอรส 3 องค์ คือ

ชังฮี
พระเจ้าเหา(น้อย)
หล่งเมี้ยว
พระเจ้าเหา(น้อย)เป็นพระโอรส อันดับที่ 2 พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อปีมะโรง 2045 ปี ก่อนพุทธศักราช และสวรรคตเมื่อ ปีเถาะ 1971 ปี ก่อนพุทธศักราช พระองค์เป็นต้นตระกูลไทย ในบันทึกประวัติศาตร์จีน มีชัดแจ้งอยู่ว่า


เชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหานี้ ได้รับพระราชทานตราตั้ง ราชกูล "ไทไท" เป็นฐานันดรศักดิ์ประจำตระกูล ฉะนั้นพระเจ้าเหาจึงนับว่าทรงเป็น ต้นตระกูลไทย และว่าเป็น บรรพบุรุษของไทย ดังที่บรรพบุรุษไทยแต่โบราณกาลมักอ้างเสมอว่า"คนไทยนี้เป็นลูกหลานพระเจ้าเหา"

ที่น่าสังเกตคือ มีคำพูดอันหมายถึงเก่าแก่เหลือเกิน ติดปากคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ว่า" โอ๊ย เก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาโน่น"



แนบไฟล์  43DC3_584okd.jpg   20.21K   116 ดาวน์โหลด

รูปถ่ายพระบรมศพพระเจ้าเหา (น้อย) พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๒
ครองราชย์ ๒,๐๕๔ ถึง ๑,๙๗๑ ปี ก่อนพุทธศักราช
พระบรมศพนี้อยู่ ณ เมืองจูฟู มณฑลซานตุง (ซัวตัง)







#2 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 December 2008 - 10:07 PM

ผมว่า คนไทยที่เป็นลูกหลานพระเจ้าเหานั้น น่าจะหมายถึงพวก ไทยเหา หรือ ไทยมาว ที่อยู่ทางใต้ของจีน

ซึ่งกษัตยิ์ของไทยมาวที่คนรู้จักดีคือ เบ้งเฮ๊ก เจ้าเมืองม่าน ผู้รบกับขงเบ้งในสมัยสามก็ก นะครับ

#3 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 01:49 AM

นับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจดีนะครับ

#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 08:52 AM

ตอน มอ.๕ เพื่อนในห้องดันไปตอบอาจารย์ว่า ...สมัยพระเจ้าเหา..... ทั้งห้องเลยโดนให้ไปค้นหามาให้ได้ว่า คำว่าพระเจ้าเหา มีที่มาที่ไปอย่างไร โน้น...ต้องไปค้นที่ห้องสมุดของวิทยาลัยครู(สมัยนั้น)กันเกือบแย่ คำตอบก็ประมาณข้างบนนั่นแหละครับ แค่รายละเอียดเยอะกว่าเท่านั้น

แต่รายงานที่พวกเราทำส่ง อาจารย์เขาก็ส่งเข้าประกวดโครงงานนักศึกษาระดับจังหวัดด้วย ได้ที่สองประเภทโครงงานประวัติศาสตร์-สังคมศึกษา และได้รางวัลพิเศษเรื่องการใช้ภาษาไทยประกอบบทความดีเด่นด้วย หลังจากนั้นมาห้องผมกับห้องคู่แข่ง ก็แย่งกันล่ารางวัลงานต่างๆกันสนุกสนานเลย เสียอย่างเดียว สมัยนั้น รางวัลให้เด็กไม่ค่อยมีกะตังค์ซะเท่าไหร่ มีแต่โล่ห์กับใบประกาศ หนังสือประกาศเกียรติคุณอะไรทำนองเนี้ย ไม่งั้นป่านนี้รวยไปแล้ว

เฮ้อ..นึกถึงความหลัง

อนุโมทนาบุญกับเจ้าของเรื่องด้วยนะครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 09:05 AM

เป็นเรื่องที่เก่าแก่มาก

#6 ปานสิญา

ปานสิญา
  • Members
  • 128 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 10:00 AM

ได้ความรู้ดีๆเพิ่ม น่าสนใจมากค่ะ
 "ไม่มีอะไรใหม่  ต้องแสวงหาอีกแล้ว  เพราะใจของฉัน  มีพระแก้วใส"

#7 tnawut

tnawut
  • Moderators
  • 2398 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Laksi
  • Interests:Internet, Computer, Electronic, Security, Merit, Meditation, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์, ทำบุญ, ปล่อยปลา, บูชาเจดีย์, ฝันในฝัน, DOU, หมู่บ้านปฏิบัติธรรม, บวช, บรรพชา, Web, CU, Chula

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 10:12 AM

สาธุ

#8 จอมเทพ

จอมเทพ
  • Members
  • 466 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 12:16 PM

ถึงบางอ้อเช่นกันครับ "พระเจ้าเหา"
กุญแจวิเศษ

#9 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 December 2008 - 01:50 PM

สุดยอด....
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#10 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 December 2008 - 02:17 PM

QUOTE
นักเรียนอนุบาล สิริปโภ
จำนวนความเห็น: 1,582
ความคิดเห็น #1 |


พักนี้ไม่รู้เป็นไงผมพูดกับใคร คอยจะพูดคำว่าพระเจ้าเหาบ่อยๆ



happy.gif คิดว่าเขาคงจะหมายถีงคนเก่าคนแก่(บารมี)น่ะครับ อิอิ

#11 jinginsweden

jinginsweden
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 December 2008 - 06:17 PM

wow! amazing! thank you! have some more to tell my children!

#12 เด็กน้อย...หัดเดิน

เด็กน้อย...หัดเดิน
  • Members
  • 237 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2008 - 09:48 AM

อันที่จริงแล้วค่อนข้างเกลียดวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
เรื่องของเรื่องคือ ขี้เกียจอ่านแล้วจำ
รอให้คนมาเล่าให้ฟังจะสนุกกว่า ได้คุย ได้ซักถาม กันด้วย
แต่พอดีมีคนป้อนให้อย่างนี้ ก็จะดี
ที่เหลือก็เคี้ยวเอง....อิอิ

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ที่แบ่งปันความรู้

#13 tanatorn

tanatorn
  • Members
  • 12 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2008 - 03:07 PM

ขอบคุณมากครับ
ผมขอแสดงความเห็นในเชิงวิชาการนะครับ

ที่ว่าเป็นบรรพบุรุษของเราชาวไทย ในทัศนะส่วนตัวไม่น่าจะใช่
เพราะจากประวัติศาสตร์ในสยามประเทศก็เป็นที่บ่งชัดแล้วว่า
เราอยู่ในดินแดนแถบนี้ในก่อนยุคประวัติศาสตร์
หาได้ถอยมาจากแต่เมืองจีนครั้ง50นครรัฐก็หาไม่
หากแต่อยู่อย่างมั่นคงไม่มีเคลื่อนย้าย เพราะจากประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
ชนในแถบเอเซียตะวันออก เอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกลุ่มที่ไม่ชอบการย้ายที่อยู่
ผิดแผกกัยบชนเผ่ามงโกล หรือชนชาติในแถบเอเซียกลาง ที่ชอบเดินทาง
และเป็นผู้ที่เปิดดินแดนสายแพรใหม
โดยชนชาติจีนเริ่มเดินทางค้าขายในสมัยราชวงค์ถัง
ส่วนสยามประเทศเราเริ่มค้าขายในสมัยราววงศ์สุโขทัย เป็นเส้นทางสายใหมทางทะเล
โดยเป็นเมืองท่าสำคัญ หาได้แต่งสำเภาไปค้าขายก็หาไม่
หากแต่สยามเริ่งแต่งสำเภาไปค้าขายอย่างจริงจังก็ในสมัยสมเด็จพระนาราย์มหาราช องค์พ่ออยู่หัวบรมโกฐ
และที่ทำกำไรอย่างสูงก็ในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่สามารถบำรุงเลี้ยงสยามประเทศได้ถึงกว่า ๕ รัชกาลเลยทีเดียว

อันที่ว่าเราย้ายมาแต่เมืองจีนนั้น
เป็นแผนการแบ่งประเทศเราในยุคล่าอาณานิคมว่า ให้ถือเอาลำน้ำเจ้าพระยาเป็นสำคัญ
ฝั่งตะวันออก ให้เป็นของฝรั่งเศษ ส่วนฝั่งตะวันตกให้เป็นของอังกฤษ
และการจักทำแผนนี้ให้สำเร็จก็ด้วย ทำลายความภาคภูมิใจในชาติพันธุ์ให้สิ้นก่อน
กล่าวคือ เมื่อชนในชาติไม่มีความภาคภูมิใจในชาติแล้ว ชาติก็จักสิ้น
ล้นเกล้าวรัชกาลที่ ๖ ทราบถึงแผนอุบาศนี้ที่มีมาแต่แผ่นดินพระจุลจอมเกล้ว
ท่านจึงเน้นถึงการรักชาติ ความภาคภูมิใจในชาติ
แต่หาได้มีหลักฐานอันใดไปแสดงถึงความยิ่งใหญ่แห่งชาติพันธุ์กับพวกฝรั่งมังข้าได้
ด้วยในครั้งนั้นเราหาได้ชำนาญในเรื่อโบราณคดี หาได้มีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนไทย
หากจะมีแต่พวกฝรั่งรับจ้างที่มาทำเท่านั้น

ความจริงจึงได้มากระจ่างในยุคหลังที่เราได้ขุดค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
แหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติสาสตร์ในจังหวัดขอนแก่น และแหล่งอื่นๆอีกมา
ที่ได้เข้ามาประกอบเป็นภาพจิกซอลว่า เราคือไทย หาได้มาจากแหล่งอื่น ตามที่พวกฝรั่งมันหลอกกันมา

ขอฝากคร่าวๆแค่นี้ก่อนนะครับ