![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-16970.jpg?_r=1373872526)
วันนี้วันเด็ก
#1
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 09:36 AM
ท่านเหล่านั้นอุตส่าห์สละความสนุกทางโลก มาฝึกตนเพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐให้กับพวกเราในภายภาคหน้า เพราะฉะนั้นอะไรที่เราจะทำเพื่อเป็นการให้กำลังใจท่านได้ก็ขอเรียนเชิญกันนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
ปล.ถ้าชอคโกแลตเป็นแบบที่ไม่มีใส้หรือไม่มีส่วนผสมอื่นๆจะดีมาก เพราะชอคโกแลตล้วนๆสามารถฉันเป็นปานะตอนเย็นสำหรับลูกเณร น้องเณร พี่เณร ได้ครับ
#2
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 10:08 AM
#3
*innerspot*
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 11:03 AM
#4
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 05:54 PM
#5
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 06:08 PM
(เอาคืน)
เอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ วันนี้เอากล่องดินสอ สมุด น่ารัก ๆ ที่ทาง dmc.tv จัดสอยดาว ก็เป็นบุญของเพื่อนๆ ที่ได้มาร่วมบุญวันที่ 31 Dec น่ะค่ะ ได้เอาไปถวายสามเณรมองโกเลียสามรูปที่อยู่ที่วัดเรา ท่านยังเด็ก องค์เล็กสุด อายุแค่ประมาณ 12 เองค่ะ ห่างบ้านมาอยู่ไกล
แล้วก็มีปานะ ที่ถวายท่านเสมอคือ มะขามจี๊ดจ้าด มะขามสามรส ยาอมสมุนไพร นานๆ ทีถึงจะหาลูกอมช๊อคโกแลตหรือช๋อคโกแลตมาถวายค่ะ เป็นห่วงเรื่องฟันของท่านและไม่อยากให้ฉันน้ำตาลมาก แต่ทุกครั้งที่มีช๊อคโกแลตมาถวาย ท่านก็ยังเป็นเด็ก แววตาท่านดีใจ น่ารักมากค่ะ แต่เราก็ต้องไม่ใจอ่อนบ่อยนักน่ะค่ะ เดี๋ยวท่านฟันผุค่ะ
เมื่อเช้าเป็นตารางที่ท่านต้องเรียนภาษาไทย เราก็ไปนั่งสมาธิรอท่าน แต่ก็แอบคิดในใจว่า น่าสงสารน่ะ ถ้าท่านต้องมาเรียนในขณะที่พี่ๆ สามเณรรูปอื่นกำลังสนุกกับการจัดงานวันสามเณร แต่สักครู่พี่อุบาสีกาก็มาบอกว่า พระอาจารย์พาท่านไปร่วมงานสามเณรแล้ว ไม่ต้องเรียนค่ะ แหมดีใจแทนท่าน เด็ก ก็ยังเป็นเด็ก บางครั้งก็ต้องมีสนุกบ้างน่ะค่ะ
วันนี้วันเด็ก เราก็เคยเป็นอดีตเด็ก และก็ยังมีมุมหนึ่งในตัวที่ซ่อนความเป็นเด็กเอาไว้ หากทุกคนยังไม่ลืมความรู้สึกดีๆ ตอนที่เป็นเด็ก อย่าลืมเด็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของเราน่ะค่ะ และให้เป็นอย่างนี้ไปทุก ๆ วัน ไม่เฉพาะแค่วันเด็กวันเดียวค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 07:15 PM
เอาบุญมาฝากทุกๆคนนะครับ ขอให้รวยโคตรๆกันทุกคนเลย
ดอกทานตะวันที่ศูนย์ยังไม่ยอมเหี่ยวเลย กลับบานมากขึ้นอีก
ท่านจารุงพงษ์ พลเดช ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ยังปลื้มบุญตักบาตรไม่เลิก ได้สั่งการให้ให้ขยายถนนสุระนารายณ์
(ถนนด้านหน้าศูนย์ฯ)ให้เป็นสี่เลนโดยเร่งด่วน เพื่อรองรับงานตักบาตรปีหน้า ก็ขอเชิญทุกท่านมากันอีกนะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 08:13 PM
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
ไฟล์แนบ
#8
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 09:17 PM
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#9
โพสต์เมื่อ 11 January 2009 - 10:13 AM
ขอโทษที่เข้ามาตอบช้า เมื่อคืนกลับมาห้าทุ่มกว่าแล้วตอบไม่ไหว ล่องเรือดินเนอร์กลางแม่น้ำเจ้าพระยา พระจันทร์กลมโตสวยใสแต่โรแมนติกไม่ออกเลย ลมแรงและหนาวมาก ขนาดขึ้นไปร้องคาราโอเกะ เสียงยังสั่นเป็นเอคโคเลย แต่วิวบรรยากาศสวยแปลกตาดีมาก เลยได้ไอเดียใหม่ คราวหน้าจะพาเหล่า DMC.TV มาล่องเรือประชุมกันดีกว่า เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ว่าทำไมชอคโกแลตถึงเป็นปานะได้
ตอนที่ลงเรียนธรรมศึกษา พระอาจารย์เคยตั้งเป็นคำถามขึ้นมากลางห้องเรียน พระอาจารย์ท่านเรียกว่าการสังเคราะห์พระธรรมวินัย คือการนำพระธรรมวินัยมาหาเหตุและผลกันว่าทำไมถึงมีพระบัญญัติข้อนี้ขึ้นมา โดยใช้ทั้งเหตุผลที่เราได้เรียนรู้มาและจินตนาการคาดเดาจากประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม สนุกมาก
พวกที่หนึ่ง ตอบว่า "ได้" เพราะถือว่าก็เหมือนท๊อฟฟี่ ลูกอมรสกาแฟ หรือท๊อฟฟี่ทั่วไป ออกหวานๆ ใช้แทนน้ำปานะได้ร่างกายได้น้ำตาลแก้หิวได้เหมือนกัน อมได้แต่ห้ามเคี้ยว เพราะจะดูไม่เหมาะสม (ถึงตรงนี้พระอาจารย์พาออกนอกเลน ไปพูดถึงประสบการณ์ของท่านที่ไปนั่งฉันใกล้พระ-รูปที่ท่านชอบเคี้ยวน้ำแข็ง พระอาจารย์ท่านแพ้เสียงเคี้ยวน้ำแข็ง ท่านว่านั่งฉันไปก็ขนลุกไปเพราะเสียงเคี้ยวน้ำแข็งข้างๆ พวกเราก็ฮากันตึง)
พวกที่สองก็บอก "ไม่ได้" เพราะมีนมสดเป็นส่วนประกอบ ในพุทธบัญัติไม่มีนมสด แต่มีนมเปรี้ยว เนยข้น เขยใส ผลิตภัณฑ์จากนมยังมีบัญญัติไว้แต่ทำไมตัวนมสดไม่มี แปลว่าต้องมีเหตุผลที่ "ไม่ได้" เมื่อนมสดไม่ได้ สิ่งที่มีส่วนประกอบหลักประกอบด้วยนมสดอย่างชอคโกแลตก็ไม่น่าจะได้(มีประมาณ ๓๐-๕๐%)
จากนั้นก็เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่เลยด้วยความสนุกสนาน
พวกนึงก็ถกกันว่าทำไมนมสดฉันเป็นปานะไม่ได้ มีเหตุผลอย่างไร ต้องมีเหตุซิถึงไม่ได้
พวกนึงก็ถกกันว่า นมข้นจืด นมผงก็เป็นผลิตภัณฑ์จากนมก็น่าจะได้ ที่ไม่มีบัญญัติไว้ก็เพราะเมื่อสมัยก่อนไม่มี
พวกนึงก็ว่าผลโกโก้ใหญ่เกินกำปั้น ก็มีพวกแย้งว่า ไม่ได้ใช้ทั้งผลใช้แต่เมล็ดภายใน ก็ไม่น่าจะใช่เหตุผล
พวกนึงก็ว่าสมัยนั้นมีโกโก้แล้วหรือ กาแฟมีแล้วแน่ๆ เอ๊ะ..เช้าๆนางวิสาขามหาอุบาสิกาเคยถวายกาแฟปาท่องโก๋หรือเปล่า
พวกนึงก็สงสัยว่าทำไมผลไม้ใหญ่เกินกำปั้นใช้เป็นปานะไม่ได้
เอ๊ะ..ชาวอินเดียดื่มกาแฟกันแล้วหรือ สมัยนั้นกาแฟมาถึงอินเดียหรือยัง
เอ๊ะ.....
เอ๊ะ......
เอ๊ะ.......
ฯลฯ
จากนั้นก็แตกยอดคำถามคำตอบกันไปมากมายด้วยความบันเทิงเริงใจ ทำให้ได้รับความรู้เพิ่มเติมทั้งทางวิทยาศาสตร์ ทั้งประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม กันอีกมากมาย จนพระอาจารย์ต้องมาห้ามทัพ ก่อนที่จะเตลิดเปิดเปิงเลี้ยวเข้าป่าเข้าดงกันไป
พระอาจารย์ท่านมาสรุปว่า จริงๆสิ่งที่ไม่มีในสมัยพุทธกาลแต่เป็นสิ่งที่มีในสมัยปัจจุบัน นั้นไม่สามารถหาข้อสรุปได้ การที่จะตัดสินได้นั้น เราทุกท่านต้องทำความเข้าใจในเหตุและผลของพุทธบัญญัติและพระธรรมวินัยต่างๆให้ถ่องแท้ ถึงข้อที่ว่าทำไมถึงมีเรื่องราวเหล่านี้ปรากฏอยู่ในประวิติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา เกิดอะไรขึ้นในสมัยนั้น วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นเป็นอย่างไร การกระทำหนึ่งสิ่งส่งผลกระทบต่อพระศาสนาอย่างไร เพื่อที่ว่าต่อไปเราจะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตัวได้อย่างบริสุทธิ์พร้อมที่จะเจริญธรรมะขั้นสูงยิ่งๆขึ้นไป เป็นการใช้ปัญญาเพื่อให้เกิดปัญญา ไม่ต้องมาเที่ยวนั่งถามว่า ทำแบบนี้ผิดไหม ทำแบบนี้บาปไหม ทำแบบนี้ผิดศีลไหม
เพราะเมื่อเราทุกคนเข้าใจเหตุและผลอย่างดีแล้ว เราก็จะรู้ได้ด้วยตนเองเลยว่าสิ่งไหนทำได้ทำไม่ได้ ควรทำไม่ควรทำ น่าจะทำไม่น่าจะทำ อย่างเช่นเรื่องชอคโกแลต ถ้าเราถวายท่านเพื่อฉันแต่พอสมควรชิ้นสองชิ้นก็ไม่น่าจะผิดอะไร ทำให้ท่านได้มีอะไรแปลกๆบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ยังไงท่านก็ยังเป็นเด็ก เด็กกับขนมหวานยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แม้มีนมผสมอยู่ก็ไม่น่าจะผิดนัก ดีเสียอีก ทำให้สามเณรท่านรู้สึกดี มีกำลังใจเพื่อการปฏิบัติตนต่อไปได้อย่างไม่ต้องมาห่วงความสนุกสนานทางโลก ฯลฯ พระอาจารย์ท่านกรุณาชี้แจงให้พวกเราทราบทำนองนี้แหละครับ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ คุณยายอาจารย์ฯ ถึงได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของพระ เณร อุบาสก อุบาสิกานัก เพราะพระเดชพระคุณท่านเหล่านั้น ต้องการให้ทุกท่านทุกคนเป็นพุทธอย่างเต็มพุทธ รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม จะมานั่งหลับตาอย่างเดียว หรือท่องแต่พระปาฏิโมกข์คล่องอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีปัญญาที่จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ วิเคราะห์เรื่องราวต่างๆได้อย่างมีหลักการณ์ มีเหตุและผล เป็นบัณฑิตมหาบัณฑิต เพื่อความเจริญรุ่งเรื่องของตัวผู้เรียนเองและพระพุทธศาสนาสืบไป
ใครที่ยังไม่เคยตั้งใจเล่าเรียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ลองมาสอบ World-PEC ดูเป็นแนวทางก่อนก็ได้นะครับ แล้วจะรู้ว่า พระพุทธศาสนาไม่ใช่ความคร่ำครึก ไม่ทันสมัย น่าเบื่อหน่าย ต่อไปอีกแล้ว จากนั้นถ้าติดใจ ก็แวะไปที่เสา L8 ลองเลือกสักหลักสูตรที่เราสนใจเล่นๆสักสองสามหลักสูตรดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าชีวิตมีอะไรอีกเยอะที่ต้องรู้
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ไปทำบุญวันสามเณรด้วยนะครับ
ปล.
ไม่ได้ดิ้น ปิ๊ดๆเฉยๆ แต่ดิ้นปั๊ดๆออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูครับ เผื่อมีคนใจอ่อนหลงกลพาไปเที่ยวครับ
#10
โพสต์เมื่อ 11 January 2009 - 07:31 PM
เห็นด้วยกับคุณทัพพีเรื่องที่เราก็ต้องเอาใจใส่ดูแล สามเณร และอย่าลืมว่าท่านก็ยังเป็นเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ต้องจากพ่อจากแม่มาอยู่ต่างที ถึงจะมีพระอาจารย์ท่านดูแล แต่ก็ดูแลสามเณรหลายๆ รูป หากญาติโยมมั่นดูแล เอาใจใส่ ท่านก็คงจะสบายอกสบายใจ ได้เล่าเรียน ได้อยู่เป็นอายุพระพุทธศาสนา ซึ่งในวันข้างหน้า สามเณรเหล่านี้ก็จะกลายเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยภูมิรู้ ภูมิธรรม เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศให้กับเราต่อไป
#11
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 07:44 AM