ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

หลวงพ่อเล่าเรื่องหลวงปู่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 DoubleP

DoubleP
  • Members
  • 40 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 08:08 AM

เมื่อคืนนี้ ใครได้ดูดาวธรรมในช่วงที่หลวงพ่อขยายความธรรมะของหลวงปู่ที่ท่านได้แสดงไว้ตั้งแต่ ปี 2497 บ้างครับ หลวงพ่อท่านอธิบายคำพูดของหลวงปู่ทีละประโยค ลงรายละเอียด และยกตัวอย่างประกอบ เข้าใจง่าย เช่นเรื่องการเกิด แก่ เจ็บตาย เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ ทำได้อย่างไร ฯลฯ ได้ฟังแล้วปลื้มมากๆ ดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาเป็นลูกพระธรรม หลานหลวงปู่และคุณยาย ครับ

วันนี้ไปร่วมบุญพิเศษที่หอฉันคุณยายกันอีกนะครับ มีการสวดพระพุทธมนต์เนื่องในวันละสังขารหลวงปู่และถวายกองทุนโคมมาฆประทีบ

ขอกราบอนุโมทนาด้วยครับ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 11:57 AM

ทุกสิ่งล้วนมีเหตุ (ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ) นี่คือ หลักการของพระพุทธศาสนาที่จริงแท้เลยล่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 12:05 PM

ฟังเพลินเลย ราว 50นาที ตั้งแต่ 2ทุ่ม40
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#4 คทาเทพ

คทาเทพ
  • Members
  • 77 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 01:27 PM

ปลื้มมากครับ ดีใจที่ได้ตามติดติดตามหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ มาสร้างบารมี
ฉันคือธรรมบนเมฆา ล่องลอยบนท้องนภา มานานแสนนาน http://www.facebook.com/kathathep


#5 สุภาพบุรุษ072

สุภาพบุรุษ072
  • Members
  • 597 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 01:55 PM

สิ่งที่เคลียร์มากที่สุดและปลื้มในพระคุณของหลวงปู่อย่างสุดซึ้งครับ คือ จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหลายเข้านิพพานกันทั้งดุ้นทั้งก้อนเลย(นิพพานไม่ถอดกาย) ไปกันหมดทุกกายตั้งแต่กายมนุษย์หยาบจนถึงกายธรรมอรหัตละเอียดบริสุทธิ์เหมือนกันหมดทุกกาย(พญามารจับถอดกายไม่ได้) ทั้งแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
ถ้าได้ชนะละก็ เราชนะด้วย ถึงเราไม่ได้ทำเลย เราก็ชนะด้วย
ถ้าได้สำเร็จ เราก็สำเร็จด้วย เราไม่ได้ทำเลยก็สำเร็จด้วย
ที่ผมได้อ่านในหลายๆบทความเทศนาของหลวงปู่ที่ชัดเจนและยืนยันถึงสภาวะของนิพพานนั้นเป็นเช่นไร....(ได้อ่านคำเทศนาของหลวงปู่แล้วClearเลยครับกับกรณีที่ได้ถกเถียงกันมานานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน)
พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี เรื่อง "ปัพพโตปมคาถา" วันที่ 28 มีนาคม 2487 ที่หลวงพ่อนำมาเล่าออกอากาศนั้น เป็นคำเทศนาของหลวงปู่ เทศน์เมื่อวันที่28 มี.ค.2487ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของผมเลย(28มี.ค.2529) เป็นสิริมงคลอย่างยิ่งที่ได้เกิดในวันเดียวกับที่หลวงปู่เทศน์ ปัพพโตปมคาถาhappy.gif

สำหรับ นิพพานที่มีกล่าวไว้ในคัมภีร์หรือตำราต่างๆ มีดังนี้

1.) นิพพานคือสิ่งที่มีลักษณะ 5 อย่างคือ ปทํ อจฺจุตํ อจฺจนฺตํ อสงฺขตํ และ อนุตฺตรํ
ปทํ แปลว่า ส่วนหนึ่ง หมายความว่า เป็นสภาวะธรรมชนิดหนึ่งที่เข้าถึงได้
อจฺจุตํ แปลว่า ธรรมที่ไม่ตาย หมายความว่า ไม่มีการเกิด ไม่มีการตาย
อจฺจนฺตํ แปลว่า ธรรมที่ก้าวล่วงขันธ์ 5 เป็นธรรมที่พ้นจากกาลทั้ง 3 (อดีต ปัจจุบัน อนาคต)
อสงฺขตํ แปลว่า ธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัย
อนุตฺตรํ แปลว่า เป็นธรรมที่ประเสริฐ

2.) นิพพานัง ปรมัง สุญญัง
นิพพานสูญอย่างยิ่ง ซึ่ง "สูญ" ในความหมายนี้ไม่ได้หมายความว่า สูญหายไปหมดเหลือแต่ความว่างเปล่า อย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจกัน แต่หมายถึงว่า สูญจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน ขันธ์ 5 นั่นเอง
นิพพานัง ปรมัง สุขัง
นิพพานสุขอย่างยิ่ง เพราะธรรมกายอรหัตต์ ที่เข้าถึงนิพพาน เป็น นิจจัง สุขัง อัตตา เข้านิโรจสมาบัติ เสวยวิมุติสุข อย่างเดียว

3.)เรียกนิพพานว่าเป็น อายตนะ
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์ และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา การไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปปัตติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"

4.)นิพพานคือ อสังขตธรรม
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะ ของอสังขตธรรม 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน คือ
๑ ไม่ปรากฎความเกิด
๒ ไม่ปรากฎความเสื่อม
๓ เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม 3 ประการ นี้แลฯ"
ความนี้สนับสนุน ความเป็น นิจจัง สุขัง อัตตา ของ ธรรมกาย และ นิพพาน นั่นเอง

ซึ่งผมว่าธรรมชาติของทุกอย่างล้วนถูกจับคู่กัน คือ มีขาวก็ย่อมมีดำ มีทุกข์ก็ย่อมมีสุข มีเกิดก็ย่อมมีดับ เป็นต้น
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา =เป็นกลุ่มหนึ่ง
คือตรงข้ามกับ นิจจัง สุขัง อัตตา =เป็นกลุ่มสอง
เมื่อนิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งแล้ว อันว่านิพพานเป็นบรมสุขอย่างยิ่งก็จัดอยู่ในกลุ่มที่สองนี้ จับเข้าพวกกัน จะขัดกันมิได้เลย

#6 เดือนฉายงามแสง

เดือนฉายงามแสง
  • Members
  • 214 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 04:25 PM

ต้องหาเวลาดูย้อนหลังอย่างด่วนจี๋ซะแล้วเรา
ขอบคุณคุณ DoubleP มากๆๆๆ เลยนะคะ
ที่มา post หัวข้อนี้ไว้

อนุมโมทนา ด้วยค่ะ


#7 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 08:04 PM

สาธุๆๆครับ

#8 *innerspot*

*innerspot*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 08:38 PM

จัดไปตามลิงค์นี้ครับ

http://www.dmc.tv/pa...o_pamagada.html

เพิ่งเอาลงเสร็จมะกี้เอง

#9 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 10:27 PM

ขอบคุณ คุณ innerspot ที่ช่วยลิ้งค์ให้ครับ biggrin.gif

รายละเอียดของ ปัพพโตปมคาถา มีบันทึกในหนังสือโอวาทพระมงคลเทพมุนี(สด จันทสโร) พิมพ์เมื่อ 16 กันยายน 2540 โดยมูลนิธิธรรมกาย จำนวน 24หน้า
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#10 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 February 2009 - 11:07 PM

น่าสนใจนะครับ เดี่ยวจะไปฟังซ้ำอีกครับ

#11 JaiKaeW

JaiKaeW
  • Members
  • 149 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 February 2009 - 02:11 AM

แง้!! ไม่ได้ดูค่ะเพราะเวลาออกอากาศ ตรงกับเวลาที่ต้องไปทำงานค่ะ ขอบคุณ คุณ DoublePนะคะที่โพสต์ข้อความไว้ แล้วก็ขอบคุณ คุณ innerspot ค่ะที่เข้ามาโพสต์ link ให้ได้ดูย้อนหลัง สาธุกับลูกหลาน หลวงปู่ หลวงพ่อ และคุณยาย ทุกท่านค่ะ _/l\_

#12 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 February 2009 - 01:21 PM

ยิ่งซาบซึ้งในพระคุณท่าน มากๆ ยิ่งขึ้น ทดแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมด ค่ะ สาธุค่ะ

#13 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 February 2009 - 05:58 PM

ขอเอาบุญด้วยคนค่ะ


แนบไฟล์  490907____________________________________________Dust_322.JPG   4.22MB   83 ดาวน์โหลด



พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ผู้ซึ่งมีญาณแก่กล้า ได้ให้คำอธิบายถึง "พญามาร" ไว้ดังนี้

"ชีวิตเราล่วงตามวันคืนเดือนปีตามไปด้วย ชีวิตที่เป็นอยู่ ๑๐๐ ปี พอหมดไปเสีย วันหนึ่ง ก็ขาด ๑๐๐ ปี ไปวันหนึ่งแล้ว ลดคืนหนึ่ง ผ่านร้อยปีไปคืนหนึ่งแล้ว หมดเสียวันกับคืนหนึ่งแล้ว ขาดร้อยปีไปวันกับคืนหนึ่งแล้ว อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อวันคืนเดือนปีล่วงไปเท่าไร ชีวิตหมดไปเท่านั้น
เมื่อรู้จักอันนี้แล้ว เดินรุดหน้าไปข้างเดียว เกิดมาแล้วไม่มีถอยหลังเลย จะยั้งอยู่ไม่ได้ อนุวินาทีก็ไม่ได้ รอสักประเดี๋ยวเถอะน่ายังห่วงลูกรักอยู่ไม่ได้ รอประเดี๋ยวเถอะน่ายังห่วงพระห่วงเณรนัก ไม่ได้ รอไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ว่าใคร นี่เพิ่งรู้ชัดว่าวันคืนเดือนปีล่วงไปล่วงไป ไม่ใช่ล่วงไปแค่วันเดือนปีเปล่า ชีวิตจิตใจล่วงไปด้วย ความเป็นอยู่ล่วงไปด้วย ล่วงไปอย่างวอดวายเช่นนี้

สภาพความเป็นเองปรุงแต่งหรือว่าใครปรุงแต่งอยู่ที่ไหนเรื่องนี้ หมดประเทศ หมดทั้งชมพูทวีปหมดทั้งแสนโกฎิจักวาล หมดทั้งอนันตจักวาล ตลอดนิพพาน-ภพสาม-โลกันต์ มากน้อยเท่าใดนั้นไม่รู้กันทั้งนั้นว่าเป็นเพราะเหตุอะไร? แต่วัดปากน้ำมีคนรู้ขึ้นแล้ว เป็นดังนี้เพราะอะไร?

ที่ตั้งวัยแก่ยับเยินไปเช่นนี้ เป็นเองหรือใครทำอยู่ที่ไหน ? รู้ที่เดียวว่าใครอยู่ที่ไหน? รู้ว่าไม่ใช่ใคร จับตัวได้คือ พญามาร นั่นเอง เป็นคนทำให้แก่-ให้เจ็บ-ให้ตาย เกิดแก่เจ็บตายอย่างยับเยิน เกิดก็อย่างยับเยินเดือดร้อน พ่อไม่ตาย บางทีแม่ตาย บางทีลูกก็ตาย แม่ก็ตาย พ่อก็ยังตายตามอีก โดดน้ำตายเสียอกเสียใจ นี่ พญามาร ทั้งนั้น สำหรับประหัตประหารฝ่าย พระ ถ้าว่ามนุษยผู้ใดเป็นฝ่ายพระละก็ มารข่มเหงอย่างนี้แหละ ไม่ขาดสาย ไม่เช่นนั้นก็ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง บางทีก็หมั่นใส้นักทำเก่งกาจอวดดิบอวดดี ให้ฆ่ากันตายเสีย ให้กินกันตายเสีย ให้โดดน้ำตายเสีย ให้ผูกคอตายเสีย นี่ใครทำ? พญามาร ทั้งนั้นไม่ใช่ใคร ไม่มีใครรู้ แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาล นิพพานถอดกายมีเท่าไร ไม่มีใครรู้ ไม่รู้เรื่องทีเดียว ในเรื่องนี้ว่า พญามาร เขาคอยบีบคั้นอยู่ ให้เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้เกิดก็เกิด อย่างยับเยิน หน้าบิดหน้าเบี้ยว เดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ตายคางก็เหลืองเทียว ไม่ตายก็เกือบตายนี่ พญามาร เขาทำ ตามปรกติแล้วไม่เป็นดังนี้ เกิดก็อย่างไม่ได้เดือดร้อนนัก จะคลอดบุตรก็เหมือนถ่ายอุจจาระ เหมือนถ่ายปัสสาวะ ไม่เดือดร้อนเหมือนกับคลอดลูกออกเต้าธรรมดานี้ จะคลอดบุตรก็เหมือนถ่ายอุจจาระ เหมือนถ่ายปัสสาวะที่เดียว ไม่เดือดร้อนแต่อย่างหนึ่งอย่างใด ที่เดือดร้อนยับเยิน เช่นนี้ เพราะพญามารเขาส่งฤทธิ์-ส่งเดช-ส่งอำนาจ-ส่งวิชชาศักดิ์สิทธิมาบังคับบัญชา บังคับให้เป็นไป

เมื่อเป็นดังนี้ ที่ท่านวางบาลีว่า ให้เราท่านทั้งหลายพินิจพิจารณาว่าภูเขาทั้งหลายล้วนแล้วด้วยศิลาตัน ไม่มีน้ำเหลวเปลวปล่อง คำว่าไพบูลย์นั้นตันสนิท ไม่มีน้ำเหลวเปลวปล่องเป็นเนื้อหินทั้งแท่ง ทึบทีเดียว ไม่มีโพรงมีถ้ำในสถานที่ใดๆ กลิ้งมาทั้ง ๔ ทิศจดกัน โตเท่าไหร่ก็กลิ้งเข้ามา บดเข้าไป กลิ้งเข้ามาจากศูนย์กลาง คิดดูซี ภูเขาขนาดนั้นสูงจดฟ้า ภูเขานั่นไม่ใช่เล็กน้อย กลิ้งเรื่อยเข้ามาแล้วใครเล่าจะเหลือ ที่ถูกเข้าแล้วใครจะเหลือ ไม่มีใครเหลือแต่คนเดียว มดปลวกไม่เหลือทั้งนั้น เลือดไรเหาเล็นไม่เหลือทั้งนั้น ต้นไม้ต้นหญ้าไม่เหลือ วอดวายหมดที่เดียว ถึงภูเขาเล็กๆน้อยๆไม่พอ หนักไม่พอจมหายหมดราบลงไปหมดที่เดียว มันสูงถึงจดฟ้าเช่นนั้น กลิ้งเข้าโดยรอบทิศทั้ง ๔ แล้วมาติดอยู่ตรงกลาง เล็กเข้ามาติดอยู่ตรงกลางก็ไม่เหลือเลยหายหมด เมื่อกลิ้งเข้ามาก็จะกลิ้งออกไปอีกนั่นแหละ แกไม่หยุดสักทีหนึ่งนี่ กลิ้งออกไปอีก กลิ้งออกไปอีก ก็อีกนั่นแหละถูกใครๆก็ราบไป ไม่เหลือเลยสักคนเดียว นี่แหละเหมือนความแก่ความตาย เกิดมามีเว้นความแก่สักคนเดียวไหม? ไม่มีเลยเว้นตายสักคนเดียวไหม? ไม่มีเลย เกิดมาแล้วก็แก่ตาย เกิดมาแล้วก็แก่ตายอย่างนี้

ความแก่ความตายคราวนี้ใครจะไปรู้รบ ด้วยเวทมนต์คาถาใดๆ เวทมนต์คาถาใดๆ ไม่อาจสามารถจะสู้รบกับความแก่ความตายนั้นได้ หรือจะสู้รบด้วยทรัพย์ มีทรัพย์จะเอาทรัพย์ไปไถ่ถอนตัว แก้ความแก่ความตายเรื่องความแก่ความตายไม่มีทางสู้ ไม่มีทางแก้ทีเดียวจะแก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้


แต่ว่ามีแก้อยู่ที่วัดปากน้ำ วิชชาธรรมกายไปเห็นวิชชาเหล่านี้หมด ไปเห็นความแก่ ความตาย เวลานี้เขาว่าสมภาร (พระเดชพระคุณหลวงพ่อสด จันทสโร) วัดปากน้ำกำลังสู้กับความแก่ความตาย สู้จริงๆผู้เทศน์นี่แหละ ๒๒ ปี ๘ เดือน ๙ วัน วันนี้แล้ว วินาทีนี้ไม่ได้หยุด เพียรสู้กับความแก่ความตายไม่ได้ถอยกันเลย พระยามัชจุราชมีเท่าไรจับกันหมด จับกันหมดตรึงกันหมด ลงโทษกันหมดที่เดียว มีเท่าไรไม่ให้ทำลายพระ ไม่ให้ข่มเหงพระกันได้ ให้เลิกข่มเหง ให้เลิกทำลายพระกันเสียให้ได้ จะแก้ความแก่ ความเจ็บ ความตายใหม่ ไม่ให้มีแก่ ไม่ให้มีเจ็บ ไม่ให้มีตาย เมื่อเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้ว ก็ให้เป็นมนุษย์เด็กๆ ก็อย่างหนึ่งรู้กันได้ชัด ๆ เด็กๆ ก็รู้ ไม่สวยไม่งามนักพอสมควร ถ้ายิ่งแก่หนักเข้าก็ยิ่งสวยหนักเข้า ยิ่งแก่หนักเข้าก็ยิ่งสวยงามหนักเข้า แล้วก็โตหนักเข้าด้วย ผิดกัน โตหนักเข้าๆ สวยงามหนักเข้า โตหนักเข้าสวยงามหนักเข้าไม่มีใครลงกัน มีแต่ไขขึ้นกันไป ไม่มีถอยกลับกัน พอครบบารมีของตนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ไม่ต้องไปทรมานให้เหนื่อยยากลำบากแต่อย่างหนึ่งอย่างใด อยู่ในบ้านช่องตามชอบใจ พอครบกำหนดเข้าก็เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ทีเดียว เป็นพระพุทธเจ้าอรหันต์ เวลาไปนิพพานไม่ต้องถอดสักกายหนึ่ง กายมนุษย์-กายละเอียด กายทิพย์-กายทิพย์ละเอียด กายธรรมโสดา-กายธรรมโสดาละเอียด กายธรรมสกทาคา-กายธรรมสกทาคาละเอียด กายธรรมอนาคา-กายธรรมอนาคาละเอียด กายธรรมอรหันต์-กายธรรมอรหันต์ละเอียด ไม่มีถอดกันเลย เป็นทั้งดุ้นทั้งก้อน ไปนิพพาน หมดทั้งดุ้นทั้งก้อนเลยทีเดียว นี้ที่สมภารวัดปากน้ำรบกับพระยามัชจุราช รบความแก่ความตายรบเท่านี้ แก้ให้เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่เป็นอย่างนี้สมภารวัดปากน้ำไม่แรมราตรีที่อื่นละ ยอมตายไม่ถอยกันเลย

เมื่อการสู้รบเช่นนี้ ใครเคยได้ยินได้ฟังบ้าง? ไม่มีเลย หมดทั้งชมพูทวีป แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาล นิพพานถอดกายที่ไหนๆ ไม่มีเลย แล้วไม่มีใครรู้จักเสียด้วยซ้ำ นี่มารู้จักขึ้นแล้วที่วัดปากน้ำ ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา อยู่วัดปากน้ำก็จริง แต่ไม่รู้ว่าสมภารวัดปากน้ำทำอะไร นี่อัศจรรย์นัก อยู่กันตั้งหลาย ๑๐ ปี อยู่วัดปากน้ำทำวิชชานี้ ๒๒ ปี ๘ เดือน ๙ วัน วันนี้ไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร รู้แต่นิดๆ หน่อย รู้จริงจังลงไปไม่มี มีผู้ที่ทำวิชชาด้วยกัน รู้จริงเห็นจริงกันลงไปทีเดียว ทำอยู่ทุกๆๆวัน นั่นละก็เห็นจริงทำจริง นี่เป็นวิชชาลึกอย่างนี้ ถ้ารู้สึกเช่นนี้ละก็จงอุตสาห์ ว่าตั้งแต่นี้ไปเราจะช่วยเหลือแก้ไข ด้วยประการใดประการหนึ่ง ท่านรบศึกสำคัญอย่างนี้ ถ้าได้ชัยชนะละก็ เราชนะด้วย ถึงเราไม่ได้ทำเลยเราก็ชนะด้วย ถ้าได้สำเร็จเราก็สำเร็จด้วย เราต้องสนับสนุนทางใดทางหนึ่ง ให้สมควรทีเดียว พวกที่เป็นแล้วตั้งใจแน่วแน่ ว่าตั้งแต่วันนี้ไป เราไม่ถอยหละ เกิดมาเราพบวิชชานี้ เราจะต้องสู้ อย่างอื่นสู้ไม่ได้ทั้งนั้น เราจะหันสู้วิชชานี้สุดฤทธิ์สุดเดช เอาให้ถึง หมดเจ็บ หมดแก่ หมดตาย ของพญามารให้ได้ ให้ พญามาร แพ้ ให้ได้ พญามาร แพ้ เด็ดขาดเมื่อเวลาไร เวลานั้นหมดทุกข์ในโลกเท่าปลายผมปลายขนก็ไม่มี หมดแก่ หมดเจ็บ หมดตายในโลกเท่าปลายขนปลายผมก็ไม่มี มีความสุขยังกับท้าวสวรรค์ หรือเหมือนกับท้าวพรหม หรือเหมือนกับพระนิพพาน สุขขนาดนั้น เป็นสุขสำราญขนาดนั้น

นี่แหละที่แสวงหาความสุขกันในโลก ในเวลานี้ทุกชาติ ทุกภาษา หาความสุขใส่ชาติ ใส่ภาษาของตัวทั้งนั้น อิจฉาริษยากัน เบ่งกันเต็มฤทธิ์เต็มเดช ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ใครมีกำลังมากก็กดขี่คนมีกำลังน้อยลงไป บังคับกำลังน้อยให้อยู่ใต้อำนาจเสีย ที่ทำกันอยู่ทั้งวันทั้งคืน ทั้งชมพูทวีป แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาลทำกันอยู่อย่างนี้ แม้จะเป็นมนุษย์ก็ต้องทำอย่างนี้ แม้จะไปเป็นเทวดาก็ไปเป็นอย่างนี้ จะไปเป็นพรหมก็ทำอย่างนี้ จะไปเป็นอรูปหรหมก็เป็นอย่างนี้ จะไปเป็นนิพพานแล้วก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าในนิพพานไม่ได้หยุดเลย ทำอยู่อย่างนี้ กำลังผจญกับพญามารไม่ได้หยุดเลย ทำอยู่อย่างนี้ กำลังผจญกับ พญามาร ไม่ได้หยุดเลย วินาทีอนุวินาทีก็ไม่ได้หยุด ต้องทำนิโรธ ดำเนินนิโรธเสมอ ให้ละเอียดอ่อนไว้ ถ้าว่าละเอียดไม่ทัน เขาก็บังคับเสีย หยาบกว่าเป็นถูกบังคับ ถูกความแก่บังคับบังคับไม่ให้รู้ด้วย บังคับในไส้ ไส้ธาตุไส้ธรรม เห็นจำคิดรู้ ต้องใช้ญาณบังคับหมด

เมื่อปรากฏตัวว่าเป็นทาส พญามาร อยูเช่นนี้ ก็ต้องช่วยรีบเปลื้องตัว ต้องรีบพยายามแก้ตัวถ้ารีบพยายามแก้ตัวให้พ้นไปเสียได้ ก็จะไม่ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เอาความชนะเสียให้ได้

พญามาร ไม่ได้เว้นผู้หนึ่งผู้ใดให้เหลือ เพราะเหตุนั้นผู้มีปัญญา เป็นคนฉลาดจะทำอย่างไรในเวลานี้ เมื่อทราบชัดประโยชน์ของตนแล้ว ผู้ทรงปัญญาควรตั้ง ความเชื่อในพระพุทธเจ้าควรตั้งความเชื่อลงในพระธรรมนั้น ตั้งลงไปตรงไหน? ผู้ที่ไม่เป็นธรรมกายก็ตามกันหมด ไม่รู้จะตั้งตรงไหน? ตั้งไม่ถูกแล้ว เราจะตั้ง ความเชื่อในพระพุทธเจ้า ควรตั้งความเชื่อลงในพระธรรมนั้นตั้งลงไปตรงไหน? ผู้ที่ไม่เป็นธรรมกายก็ตามกันหมด ไม่รู้จะตั้งตรงไหน? ตั้งไม่ถูกแล้วเราจะตั้งให้ถูกมันก็ไม่ถูก หลบไปหลบมาอยู่นั่นแหละ แล้วทำไงอยู่ละคราวนี้ นับถือพระพุทธศาสนาภิกษุก็ดี สามเณรก็ดี อุบาสิกาก็ดี ว่าตั้งใจลงไปในพระพุทธเจ้าแล้วจะเอาใจไปจดตรงไหนละ? ถึงจะถูกพระพุทธเจ้า? เอาใจไปจดตรงไหนถึงจะถูกพระธรรม? เอาใจไปจดตรงไหนถึงจะถูกพระสงฆ์?"



จากพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี เรื่อง "ปัพพโตปมคาถา" วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๙๗

หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#14 DoubleP

DoubleP
  • Members
  • 40 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 February 2009 - 08:56 AM

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ คุณสาธุธรรม ที่กรุณาหารายละเอียดมาให้อ่านกัน อ่านกลับไปกลับมาหลายๆรอบ ได้ทั้งทราบและซึ่งพร้อมๆกันด้วย