ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไม่มีอะไรเป็นของเรา


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr23268

usr23268
  • Members
  • 81 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2009 - 02:57 PM

ไม่มีอะไรเป็นของเรา



สาวจีนสัญชาติมาเลเซีย คนหนึ่ง มาจากบ้านที่มีฐานะปานกลางค่อนไปทางจน เธอเป็นลูกโทน พ่อแม่ อยากให้ลูกคนเดียวมีอนาคตที่ดี จึงทุ่มเท ทำงานหาเงินส่งเสียให้ลูกเรียนให้ได้มากที่สุด และลูกก็เป็นเด็กดีและเรียนเก่ง เธอสอบได้ทุนมาเรียนต่อที่ ออสเตรเลีย เรียนอยู่หลายปี จนถึงวันที่เธอจบปริญญาโท และได้งานทำที่ออสเตรเลีย


หลังจากมีรายได้ เธอพาพ่อแม่ ที่พูดอังกฤษไม่ได้ มาเที่ยวออสเตรเลีย เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่เดินทางไปต่างประเทศ วันนั้นขณะที่เธอพาพ่อแม่เข้ามาเดินช๊อปปิ้งที่ ย่านดาวน์ทาวน์ ขณะที่เธอยืนอยู่บนฟุตบาท คนเมาคนหนึ่ง ได้ขับรถปีนฟุตบาท ขึ้นมาชนเธอตาย!!! ต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่เธอช๊อก!!! เสียใจอย่างมากและสับสน เพราะสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง เป็นช่วงเวลาให้ความเลวร้าย และทั้ง2คนหัวใจสลาย!!! ทำไมต้องมาเกิดแบบนี้กับ "ลูกของเรา" ด้วย



*********


ถ้ามีใครโทรมาบอกเราว่า ลูก, พ่อ, แม่ ของใครสักคนตาย!! เราก็รู้สึกเฉยๆๆ แค่รับฟัง แต่ถ้าเมื่อไรมีคนโทรมาบอกว่า “ลูกของเรา” “พ่อของเรา” หรือ “แม่ของเรา” ตาย!!! เราคงแทบจะล้มทั้งยืน และทนอยู่ไม่ได้ต้องออกไปดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง


ถ้าบ้านใครสักคนไฟไหม้ ใครสักคนล้มละลาย ใครสักคนเป็นมะเร็ง เราก็ยังเฉยๆ แต่ถ้าเมือไร มันคือ “บ้านของฉันที่ไฟไหม้!!!” “ฉันล้มละลาย!!!!!” “ฉันเป็นมะเร็ง!!!” เมื่อไรทีมันเป็น “ของฉัน” หรือ “ตัวฉัน” เมื่อนั้นความทุกข์อย่างแสนสาหัส ก็เกิดขึ้น อย่างชนิดที่เราแทบตั้งสติไม่อยู่..



พุทธศาสนา สอนการจัดการกับความทุกข์ ด้วยการ “ปล่อยวาง” อย่า "ยึดมั่นถือมั่น" แต่เราปล่อยวางไม่ได้ เพราะคำว่า “ตัวฉัน” หรือ “ของของฉัน”
( เรียกว่า อัตตา) เรามาดูความเป็นจริงซิว่า “ คือตัวเราจริงๆหรือ?
คือของของเราจริงหรือ?”



"ลูกของเรา" เราเป็นคนให้ร่างกายเขา ให้ข้าวให้น้ำ ส่งเสียให้เรียน ดูแล ฯลฯ แต่ ลักษณะนิสัย ดวงจิต กรรมติดตัว ล้วนเป็นของเก่าเขาเอง ทำให้ลูก(ทีเราคิดว่าเป็นลูกของเรา)หลายครั้งนิสัยใจคอ แตกต่างจากพ่อแม่ และไม่ได้เป็นดั่งใจเราเสมอไป วันที่เขามาเกิดในท้องเรา เขามิได้ "บอกกล่าว" หรือขออนุญาต แล้วบางที่ เขาก็จากไป โดยมิได้ “บอกลา” สักคำ.....



" ร่างกายของเรา " เราดูแลมาตลอดชีวิต หาของอร่อยๆและดีๆให้กิน
เราอาบน้ำให้ทุกวัน หาเสื้อผ้าสวยงามให้ใส่ ดูแลอย่างดีตลอดเวลา แต่สิ่งที่ร่างกายนี้ให้เราก็คือ แก่ลงทุกวัน น่าเกลียดไปเรื่อยๆ เจ็บป่วย แล้วก็ตาย!!! ถ้าร่างกายนี้เป็นของเรา เราก็ต้องสั่งให้มัน ไม่แก่ ไม่ป่วย และไม่ตายได้ซิ!!
แต่มันไม่ใช่ของเรา!!



ร่างกายของเราเป็นของ”ธรรมชาติ” เมื่อ ธรรมชาติ บอกให้แก่ มันก็แก่ เมือธรรมชาติบอกให้ป่วย มันก็ป่วย และเมื่อธรรมชาติบอกให้ตาย!! มันก็ตาย!!!



การที่เรารู้ความจริงว่า ร่างกาย , ลูก หรือทุกสิ่งที่เรามี ในโลกนี้ล้วนไม่ใช่เป็นของเรา!!! เพื่อที่ว่า เราจะได้ไม่กลุ้มใจ หรือทุกข์ใจ เมื่อมันไม่ได้เป็นไปดั่งใจเรา และไม่ต้องเสียใจมากเมื่อเราต้องสูญเสียมันไป มันไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว !!! ทุกอย่างคือ "อนัตตา"....


เรื่องดีๆจาก http://www.bswa.org


ย่าชอบเล่า


“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง"


#2 น้ำใส

น้ำใส
  • Members
  • 778 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 12 February 2009 - 03:14 PM

QUOTE
การที่เรารู้ความจริงว่า ร่างกาย , ลูก หรือทุกสิ่งที่เรามี ในโลกนี้ล้วนไม่ใช่เป็นของเรา!!! เพื่อที่ว่า

เราจะได้ไม่กลุ้มใจ หรือทุกข์ใจ เมื่อมันไม่ได้เป็นไปดั่งใจเรา และไม่ต้องเสียใจมากเมื่อเราต้องสูญเสียมันไป

มันไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว !!! ทุกอย่างคือ "อนัตตา"


โห....โดนใจน้ำใสอย่างจังค่ะ กำลังกลุ้มเพราะ "ความรัก" อยู่นะ แต่เป็นความรัก "ลูก" ค่ะ น้อยใจ เสียใจ

ในบางอย่างที่เขา ทำไม่ได้ดั่งใจเรา จนบางครั้งก็สงสัยว่า ทำไมเขาถึงไม่เหมือนเรา ทำไมเราก็ให้ความรัก

ความเมตตาต่อเขามากมาย แต่ผล ที่ได้คือ "ความน้อยใจ" "ไม่ได้ดั่งใจ" ขอบคุณคุณusr23268 มาก ๆ

ค่ะ ที่นำบทความอันทรงคุณค่านี้มาให้ได้อ่านค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ happy.gif

เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม

น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม


#3 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2009 - 04:02 PM

สาธุขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับโดนใจผมเหมือนกันครับบอกว่าซึ้งสุดๆครับชีวิตของคนเราก็เป็นแบบนี้แหละครับสรรพสัตว์ล้วน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาในโลกวัฏสงสารครับสาธุในธรรมทานนี้ด้วยครับฉะนั้นเราจะต้องสู้ด้วยบุญบารมี คือ ทาน ศีล ภาวนา

#4 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2009 - 07:48 PM

สาธุๆๆกับบทความดีๆ, แต่ขอแนะนำบางอย่าง,

"ตัวฉัน" คือ EGO, ไม่ใช่ "อัตตา".

"อัตตา คือ ตัวตนที่แท้จริง

อนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง"

พระธรรมกายเป็น นิจจัง, สุขขัง, อัตตา.

พระธรรมกาย"""ไม่เป็น""" EGO.

ให้ใช้ทับศัพท์"ตัวฉัน"ว่า EGO., อย่าแปลว่าอัตตา

เพราะ คำว่า EGO ให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี

แต่คำว่า อัตตา ใช้อธิบายลักษณะของพระธรรมกาย ซึ่งเป็นของสูงเป็นของดี

ดังนั้น จึงควรต้องสงวนคำว่า "อัตตา", ไม่ใช้ไปในทางที่ไม่ดี.

#5 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 February 2009 - 12:21 AM

สาธุกับบทความดี ๆ และคำแนะนำของทุกท่านนะครับ

#6 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 February 2009 - 12:33 PM

คำว่า อัตตา แปลว่า ตัวตน

แต่คำว่า EGO น่าจะหมายถึงการยึดมั่นถือมั่นว่านั่นคือตัวตน มากกว่า

ให้ละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน แล้วจึงจะพบตัวตนที่แท้จริง

คำว่าตัวตน นั้นมี เพราะกรรมย่อมให้ผลถูกตัวตนของผู้ก่อกรรมเสมอ

แต่สิ่งที่เป็นตัวตนนั้น ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่วิญญาญ และไม่ใช่ทั้งหมดรวมกัน

แต่คือพระธรรมกายภายในสุดหยาบสุดละเอียด จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงได้

ต้องปล่อยวางสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนทั้งหมด(สัพเพ ธัมมา อนัตตา)

จึงจะสามารถเข้าถึงสภาวะธรรมที่เป็นตัวตนของเราโดยแท้จริงได้

อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ให้ไปค้นคว้าเอาเองที่ศูนย์กลางกายครับ