พวกเราเองตอนนี้ หลายท่านอาจจะนึกอยู่ว่า ภาวะเศรษฐกิจบ้านเมืองเป็นแบบนี้ เจ้าของบุญคงจะมาไม่ถึง หรือมาลำบาก อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เคยกล่าวไว้ ท่านได้บอกมาหลายครั้งแล้วว่า"นั่นไม่ใช่เป็นสิ่งจริงจัง มันเป็นภาพลวงตา เหมือนกับพยับแดด ถ้าฟ้าเปิดก็เห็นดวงอาทิตย์ บางครั้งแดดร้อนเปรี้ยงมา ถ้าเราทำเฉยๆ เดี๋ยวเมฆก็มาบัง แล้ว ก็เย็นอีก สลับกันไปแบบนี้ เพราะนั่นคือโลก คือเป็นวัฏฏะ เราไม่ต้องกังวล" มีเรื่องที่จะเล่าให้พวกเราฟังอยู่เรื่องหนึ่ง มีโยมอยู่ท่านหนึ่ง เข้าวัดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ ใจมั่นอยู่ในบุญตลอดเวลา ตั้งใจทำบุญกันทั้งครอบครัว ทั้งสามีภรรยา ทำมาตลอดอย่างเต็มที่ แต่พอมาเจอภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ถอยเหมือนกัน หมายถึงว่า ฐานะทางด้านการเงินกระทบกระเทือนบ้างเหมือนกัน จิตหวั่นไหว เกิดความวิตกความกังวล บางวันถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ เจอ ค่าเงินบาทลอยตัว ก็แทบแย่เลย เพราะไปทำงานเกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศ แต่พอได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ใจก็ชุ่มอยู่ในบุญ และคิดได้ว่าสิ่งที่คนอื่นเขาเจอกัน คือภาพลวงตา เหมือนพยับแดดอย่างนั้น ก็เลยได้สติคิดใหม่ตั้งหลักใหม่ ก็นั่งนึกถึงแต่บุญเรื่อยมา บุญที่เคยทำมาตั้งแต่เริ่มเข้าวัด ตั้งแต่ทอดผ้าป่าทอดกฐิน สร้างกุฏิ สร้างวิหาร สร้างสภาฯ จนกระทั่งเป็น เจ้าภาพสร้างเสาเข็ม สร้างองค์พระ สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ หล่อรูปทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ทำ มาหมดแล้ว แล้วก็ทำต่อไปเรื่อยๆ ชักชวนคนมาเข้าวัด ทั้งหมู่ญาติเป็นจำนวนมากมาย พอนึกๆ ไปแล้ว ใจก็เกิดปีติ เกิดเบิกบานชุ่มชื่น บุญเรามากขนาดนี้ เออ ยังดีนะเราไม่เกิดมาเสียเปล่า พอใจนึกแบบนี้ขึ้นมาได้แล้ว ใจค่อยสงบลง อาการที่กินไม่ได้นอนไม่หลับก็เลยสงบไป อาการที่ทุรนทุรายหายไป พอสงบเข้าสติก็เริ่มตามมา ก็เลยรับประทานข้าวได้นอนหลับได้ พอนอนหลับแล้ว ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ สุขภาพเริ่มดีขึ้น และก็สามารถแก้ปัญหาธุรกิจของตัวเองได้จากการใช้สติปัญญาอันรอบคอบของตัวเอง คราวนี้หายใจคล่องแล้ว พอนึกขึ้นมาได้แล้วก็ปีติเบิกบานใจ และคิดว่าเราน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้เอง เลยนั่งทบไปทวนมา ก็ร้องอ๋อ คราวที่แล้วเราไม่ได้ฟังและทำตามหลวงพ่อสอน ทำให้เกิดความกระวนกระวาย เกิดความเครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ลุกก็เป็นทุกข์ นอนก็เป็นทุกข์ อยู่ในห้องแอร์เหงื่อก็แตกได้ ตกได้ แต่พอมาฟังธรรมที่หลวงพ่อเทศน์ ท่านสอนเอาไว้แล้ว ก็คิดได้ว่าจริงนะมันเป็นภาพลวงตา เราลองรักษาสติดีๆ ทำใจให้มั่นคงให้เยือกเย็นก็จะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาใดๆ ในโลกนี้ที่แก้ไม่ได้มันไม่มีหรอก แม้กระทั่งความตาย ก็ยังแก้ได้เลย แล้วคนที่แก้ไม่ใช่ใคร ก็คือพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าของเรานั่นเอง ที่แสวงหาทางพ้นทุกข์แก้จนกระทั่งท่านไม่ต้องกลับมาตายอีก แล้วเราจะพบว่าปัญหา ที่เราเจออยู่นี้มันเล็กน้อยเหลือเกิน ถ้าหากเราสามารถเยือกเย็นลงได้ สงบมั่นคงได้เราก็สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ พวกเราจะเห็นได้ว่า อานุภาพของบุญนั่นยิ่งใหญ่ แล้วสิ่งที่หลวงพ่อท่านสอนบางครั้งท่านพูดสั้นๆ ไม่ได้ขยายความ แต่ถ้าพวกเราทำตามท่าน เราจะเห็นผลไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่งจนได้ ให้พวกเราที่อาจจะมีปัญหาลักษณะที่คล้ายๆ แบบนี้ ทำตามที่หลวงพ่อท่านสอนไว้เถอะ คือนั่งสมาธิทุกวัน ใจอยู่ในบุญทุกวัน ไม่คลอนแคลน ไม่ง่อนแง่น ไม่เสื่อมศรัทธา ไม่ทุรนทุราย ให้ทำใจเย็นๆ ทำจิตใจให้มั่นคง รักษาสติให้ตั้งมั่น เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นต่อไป แล้ว สติปัญญาก็จะเกิดขึ้น เมื่อเรานั่งสมาธิไปมากๆ แล้ว จิตลงไปถึงศูนย์กลางของปัญญา ไปพบทะเลบุญ ทะเลของปัญญา ปัญญาก็จะสอดมาให้เราคิดเป็น พูดเป็น ทำเป็น แล้วเมื่อนั้นเราก็จะพบวิธีแก้ปัญหา พบทางออกเอง แล้วนี่แหละคือคุณค่าของการปฏิบัติธรรมที่เราสามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ สิ่งที่เราทำมา เรื่องบุญเรื่องกุศลมีมากมายนัก ทุกคนในที่นี้ เชื่อว่าทำกันมาไม่น้อย ลองค่อยๆ นึกกันเถอะ ถ้าหากเราไม่สบายใจเรื่องอะไร นึกถึงบุญก่อน เราเคยทำบุญอะไรมานึกให้หมด นึกแล้วนึกอีก นึกซ้ำๆ นึกบ่อยๆ นึกจนกระทั่งบุญขยาย เกิดปีติ เกิดเบิกบานใจขึ้นมา กินให้ได้ นอนให้หลับ บริหารร่างกาย ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างมันแก้ไขได้เอง
http://www.geocities...6741/sam701.htm</div>