เวลามีญาติโยมเอาของมาถวาย ให้เราถวายเป็นของกลางแก่สงฆ์
นอกจากเราจะได้ใช้ประโยชน์แล้ว เรายังได้บุญอีกด้วย นี่เขาเรียกว่า ฉลาดในการทำทาน
ได้บุญมากกว่าถวายเจาะจงบุคคล ถ้าโยมมาถวายปัจจัย เราก็ไม่ปฏิเสธ
ได้มาเราก็มาเอาบุญ สร้างทานบารมีของเรา พระเณรวัดพระธรรมกาย
รักและขวนขวายในการทำบุญเป็นพิเศษ อาจจะไม่ค่อยเหมือนที่อื่น
เรามีทรัพย์ เราไม่ตระหนี่ ยิ่งมีมากเรายิ่งให้มาก เพราะทรัพย์เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมี
เราอยู่วัด ทุกอย่างพร้อม อาหารการกินที่อยู่อาศัย ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลย เงินมีก็ทำบุญอย่างเดียว
“ เราไม่สั่งสมเงิน แต่เราสั่งสมบุญ ”
การใช้ของกองกลาง ให้นำออกมาใช้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
เราอยู่อย่างธรรมิกสังคม หรือ สังคมในอุดมคติ มีการแบ่งปันกัน ไม่กักตุนหรือสะสม
บุญเป็นอสงไขยอปปมานง การให้ทานที่ได้บุญมาก เป็นมหาทานบารมี
เราต้องให้ในขณะที่ใจหยุดนิ่ง ยิ่งถ้าเห็นองค์พระชัดใสสว่าง ให้ทานแล้วมีอานุภาพมาก
ปรารถนาอะไรจะสำเร็จได้โดยง่ายดาย ถ้าเราทำจิตให้บริสุทธิ์ เราจะเป็นเจ้าของสมบัติทั้งมวลได้โดยไม่ยาก
คนที่ร่ำรวยที่สุด คือ คนที่บริสุทธิ์ที่สุด เขาสามารถใช้สมบัติได้ทั้งโลก
เพราะความบริสุทธิ์จะดึงดูดสมบัติเข้ามาหาเอง โดยไม่ต้องลำบากออกไปหาสมบัติ
“ศีลบารมี” รักษาให้ดีอย่ามีมลทิน อย่าให้ตัวเองติเตียนตัวเองได้
หลวงพ่อวัดปากน้ำบอก “เจตนา คือ ศีล” ศีลเริ่มจากใจออกมาจากวาจา และการกระทำ
ถ้าคิดดี พูดก็ดี ทำก็ดี “ดีชั่วอยู่ที่ใจ บาปอยู่ที่ใจ” ดังนั้นให้ระวังให้ดี เราจะรักษาศีลในระดับที่เป็นสุขใจ
ไม่เคร่งเครียดซีเรียส “เคร่งครัดแต่ไม่เคร่งเครียด” แต่ถ้าใจเราอยู่ในกลางอย่างสบาย ๆ
เราจะเกิดสมณะสัญญา ศีลจะบริสุทธิ์เองไม่ต้องเกร็ง เมื่อใจอยู่กลางจนเห็นเป็นดวงใส
เห็นศีลเป็นดวงใส เมื่อนั้นชื่อว่า “ศีลบริสุทธิ์จริง” ให้เรารักษาศีลยิ่งชีวิต
เหมือนแม่ชีวัดปากน้ำป่วย หมอให้กินน้ำต้นเนื้อตอนเย็น ไม่ยอมกินบอกว่า “ถ้าหลวงพ่อวัดปากน้ำอนุญาตก็จะกิน”
หลวงพ่อท่านบอก “ตายเป็นตายอย่ากิน” พออดทนได้ไม่ยอมกิน ปรากฏว่าโรคที่เป็นอยู่หายเลย
เป็นแต่ชาตินี้หายแล้วไม่เป็นอีกเลย ศีลถ้ารักษากันจริง ๆ แล้วมีอานุภาพมาก
“ ถ้าเรารักษาศีล ศีลก็จะรักษาเรา”